ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ (Francis Lawrence) ผู้กำกับ ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’เผยว่าตามทฤษฎีแล้ว ตัวละคร ลูซี เกรย์ (Lucy Gray) จากภาคล่าสุดนี้ น่าจะมีความเกี่ยวโยงกับกับตัว แคตนิส เอเวอร์ดีน (Katniss Everdeen) หรือฉายา ม็อคกิ้งเจย์ ที่ล้วนเป็นตัวละครจากหนังสือที่ประพันธ์โดย ซูซาน คอลลินส์ (Suzanne Collins)
‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ ภาคล่าสุดนี้ และเป็นภาคเรื่องราวก่อนหน้าที่พาเราย้อนอดีตไป 60 ปีก่อนเหตุการณ์ใน ‘The Hunger Games’ 4 ภาคที่แล้ว หนังลงลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง คอริโอเลนัส สโนว์ บทบาทของ ทอม ไบลธ์ (Tom Blyth) และ ลูซี เกรย์ แบร์ด บทบาทของ ราเชล เซกเลอร์ (Rachel Zegler) ซึ่งคอลลินส์ผู้เขียนก็ได้สร้างให้ ลูซี เกรย์ เป็นตัวละครที่ค่อนข้างลึกลับ แล้วก่อให้เกิดทฤษฎีมากมายว่าตัวเธอนั้นมีความเกี่ยวโยงกับตัวละครอื่น ๆ ในจักรวาล The Hunger Games
ส่วนผู้กำกับลอว์เรนซ์นั้น ไม่ได้คิดว่า ลูซี เกรย์ จะเป็นบรรพบุรุษของ แคตนิส เอเวอร์ดีน ที่รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) แต่อย่างใด แต่ลอว์เรนซ์มีทฤษฎีของเขาเองว่า ลูซี เกรย์ อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับ ประธานาธิบดี อัลมา คอยน์ บทบาทของ จูลีแอน มัวร์ (Julianne Moore)
“ผมน่ะเคยได้ยินมาทั้งสองทฤษฎี สำหรับตัว ลูซี เกรย์ นั้น ผมคิดว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับ แคตนิส อย่างแน่นอน และผมอาจพูดได้แบบไม่มั่นใจนักว่า มอด ไอโวรี น่าจะเป็นตัวละครที่เป็นบรรพบุรุษคนหนึ่งของเรื่องนี้ ผมพูดแบบไม่สปอยล์เลยนะ เพราะว่าในตอนท้ายนั้น ลูซี เกรย์ ยังคงเป็นตัวละครที่มีความลึกลับดำมืด ถ้าถามว่าเธอมีความเกี่ยวพันกับเขต 13 หรือประธานาธิบดีคอยน์ไหม ? ใช่อย่างแน่นอน แต่ผมไม่ได้คิดว่าเธอเป็นประธานาธิบดีคอยน์เองหรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่ต้องการจะสปอยล์หรอกนะเพราะว่าเราก็เห็นกันได้ชัดแล้วว่ายังคงมีความลึกลับอยู่ในตัวของ ลูซี เกรย์”
สำหรับคนนึกไม่ออกว่า มอด ไอโวรี แบร์ด คือใคร ในหนังนั้นรับบทโดยสาวน้อย วอห์น ไรลี (Vaughan Reilly) เธอเป็นญาติผู้น้องของ ลูซี เกรย์ และเป็นสมาชิกในขบวนคาราวานของครอบครัวแบร์ดที่ตระเวนร้องเพลงไปตามเขตต่าง ๆ และสุดท้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่เขต 12 ตามเหตุการณ์ในภาพยนตร์ ‘The Ballad of Songbirds and Snakes’ มีทฤษฎีที่คาดเดากันว่า มอด ไอโวรี น่าจะเป็นคุณย่าของ แคตนิส เอเวอร์ดีน
บางครั้งการที่ผู้เขียนสร้างสรรค์ให้ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งดูมีความลึกลับก็สามารถทำให้ตัวละครนั้นดูมีความน่าสนใจและเรื่องราวน่าติดตาม อย่างตัวละคร ลูซี เกรย์ นั้น ก็สามารถทำให้เกิดทฤษฎีแบบเปิดกว้างว่า เธอน่าจะมีความสัมพันธ์กับตัวละครและเหตุการณ์ในยุคของแคตนิส หรืออีก 60 ปีต่อมา การใส่ความลึกลับเข้ามาในตัวของ ลูซี เกรย์ นั้น ก็ทำให้เนื้อหาของหนังในภาคนี้ดูมีความลึกลับคลุมเครือ ต่างกับโทนเรื่องในยุคของแคตนิสที่ค่อนข้างโปร่งใส เหตุหนึ่งก็เพราะเนื้อหาในภาคก่อนหน้านี้เน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์เชิงโรแมนซ์ของ ลูซี เกรย์ กับ สโนว์ ซึ่งโทนของหนังก็มีปริศนานำมาอยู่แล้วว่า ด้วยเหตุใด จากสโนว์ที่เป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี ภายหลังถึงได้กลายเป็นเผด็จการผู้โหดเหี้ยมและเป็นตัวร้ายหลักในจักรวาล Hunger Games
การทิ้งปริศนาให้ผู้ชมสงสัย วิเคราะห์ ตีความกันต่อไปว่า ลูซี เกรย์ จะเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่น ๆ ในจักรวาล Hunger Games หรือไม่นั้น ก็เป็นการทิ้งท้ายที่เป็นข้อดีสำหรับอนาคตของแฟรนไชส์ โดยเฉพาะการแสดงของเซกเลอร์ ในบท ลูซี เกรย์ นั้น ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ในรีวิวต่าง ๆ ว่าเธอเป็นจุดที่ดีที่สุดในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเค้าลางอันดีที่หนังจะมีภาคต่อ และผู้เขียนก็สามารถเสริมเพิ่มตัวละครใหม่ ๆ เข้าไปได้ง่ายโดยไม่ต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตัวละครดั้งเดิมแต่อย่างใด
ที่มา : screenrant