หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อของ คาร์ล อีริก รินช์ (Carl Erik Rinsch) ผู้กำกับชาวอเมริกันวัย 47 ปีอีกต่อไป เพราะผลงานเดียวที่เป็นรูปธรรมของเขาก็คือผลงานการกำกับหนังแอ็กชันพีเรียด ’47 Ronin’ (2013) ที่แม้จะมีชื่อของ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) แสดงนำ แต่หนังเรื่องนี้กลับประสบความล้มเหลวด้านรายได้ และได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบมากมาย

แต่ในยุคที่การแข่งขันของแพลตฟอร์มสตรีมมิงหลายเจ้าที่กำเนิดขึ้นมา ทำให้ความต้องการคอนเทนต์ที่เป็นออริจินัลของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2018 รินช์เองก็ได้นำเอาโปรเจกต์ซีรีส์ไซไฟที่มีชื่อว่า ‘Conquest’ ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์เทียมที่เรียกว่า ‘Organic Intelligent’ หรือ O.I. ที่ถูกส่งกระจายไปทั่วโลกเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ก่อนที่มนุษย์จะพบความจริงบางอย่าง ไปเสนอให้กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ซึ่งหลังจากที่หลายแพลตฟอร์มต่างสนใจและทุ่มเงินมหาศาลเพื่อโปรเจกต์สุดทะเยอทะยานนี้ แต่สุดท้าย Netflix ก็เป็นผู้ได้สิทธิ์ไปในที่สุด เพราะมองเห็นศักยภาพที่จะเป็นซีรีส์เบอร์ใหม่ของแพลตฟอร์มที่น่าจะประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างภาคต่อ รวมทั้งภาคแยกได้ในภายหลัง แต่สุดท้าย ซีรีส์ไซไฟที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง 55 ล้านเหรียญเรื่องนี้ก็ไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริง ตามรายงานที่เว็บไซต์ The New York Times ได้ระบุไว้

Carl Erik Rinsch 47 Ronin Keanu Reeves

โดยในรายงานได้ระบุคำแถลงจากตัวแทนของ Netflix ว่า “เราได้ให้เงินทุนเพิ่มเติมจำนวนมากและการสนับสนุนอื่น ๆ เพื่อให้ซีรีส์นี้เสร็จสมบูรณ์ แต่หลังจากใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก เห็นได้ช้ดว่า คุณรินช์ไม่มีทางที่จะทำโปรเจกต์ที่เขาตกลงจะทำให้เสร็จได้เลย ดังนั้น เราจึงต้องตัดโปรเจกต์นี้ทิ้งไป”

ในช่วงแรก รินช์เป็นผู้ออกทุนในการถ่ายทำซีรีส์นี้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะได้รับเงินทุนจากค่ายหนังอิสระ 30West และยังได้รับสมทบเงินทุนส่วนตัวจากเพื่อนอย่าง คีอานู รีฟส์ ด้วย รินช์ได้ใช้ทุนก้อนนี้ถ่ายซีรีส์ตอนสั้น ๆ ความยาว 4-10 นาทีจำนวน 6 ตอน เพื่อใช้เป็นตอนตัวอย่างในการนำเสนอโปรเจกต์ซีรีส์ 13 ตอน ความยาวตอนละ 120 นาที โดยได้รีฟส์ และ กาเบรียลลา โรเซ เบนแทนคอร์ (Gabriela Rosés Bentancor) อดีตภรรยานางแบบและแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอุรุกวัยรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์

จนกระทั่งในเดือนมีนาคม ปี 2020 Netflix ได้เข้ามาเป็นผู้เสนอให้ทุนงวดแรก 14 ล้านเหรียญ จากทั้งหมด 61 ล้านเหรียญ บทความของ The New York Times ได้วิเคราะห์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ผิดสังเกตอยู่ 2 ประการ ประการแรกคือ Netflix ได้มอบสิทธิ์ในการตัดต่อขั้นสุดท้ายให้แก่รินช์ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ให้กับผู้กำกับเพียงไม่กี่คน เป็นนัยว่าต้องการจะ ‘ล็อกตัว’ รินช์และภรรยาไว้สำหรับโปรเจกต์อื่น ๆ ด้วย รวมไปถึงการอนุมัติงบให้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่บทยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี

แต่สิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นตามรายงานก็คือ Netflix ได้อนุมัติเงินจำนวน 11 ล้านเหรียญให้กับรินช์ก่อนซีรีส์ถูกยกเลิกเพื่อถ่ายทำซีรีส์ต่อให้เสร็จ แต่แทนที่จะนำเงินก้อนนี้มาคืน รินช์กลับนำไปซื้อรถยนต์ซูเปอร์คาร์ Rolls-Royces 5 คัน รถยนต์ Ferrari 1 คัน นาฬิกาหรู Vacheron Constantin มูลค่า 387,630 เหรียญ เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เสื้อผ้าแบรนด์ไฮเอนด์ รวมทั้งใช้เงินลงทุนในหุ้นและคริปโท

ตามรายงานเผยว่า รินช์ได้โอนเงิน 10.5 ล้านเหรียญ จาก $11 ล้านเหรียญที่ Netflix อนุมัติให้ในปี 2020 ไปยังบัญชีโบรกเกอร์ส่วนตัวของเขา และใช้เงิน 4 ล้านเหรียญเข้าซื้อเหรียญ Dogecoin จนสามารถทำกำไรได้จำนวนถึง 27 ล้านเหรียญ มีการเปิดเผยว่า หลังทำกำไรได้แล้ว รินช์ได้พิมพ์ข้อความในแชตส่วนตัวกับตัวแทนของ Kraken แพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโทที่เขาใช้บริการอย่างร่าเริงว่า “ขอขอบคุณ และขอให้พระเจ้าจงอำนวยพรให้คริปโท”

Carl Erik Rinsch 'Conquest'

นอกจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการ ‘ยักยอกเงิน’ แล้ว The New York Times ยังได้รายงานถึงพฤติกรรมและความ ‘ไม่อยู่กับร่องกับรอย’ ที่พบในข้อความส่วนตัว อีเมล และเอกสารคำฟ้องของศาลในคดีที่โรเซฟ้องหย่าเขาในปี 2020 รวมทั้งข้อมูลจากนักแสดง และทีมงานในโปรเจกต์

ตั้งแต่การร้องเรียนว่าเขามีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อทีมงานในกองถ่ายซีรีส์ ทั้งการตะโกน ด่าทอ และโมโหร้าย เช่นในการถ่ายทำในประเทศเคนยา ทีมงานของซีรีส์ 2 คนยืนยันว่า รินช์ต้องการจะถ่ายทำตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมงติดต่อกัน และในประเทศโรมาเนีย นักแสดงผู้รับบทนางเอก ต้องเผชิญกับภาวะอุณหภูมิร่างกายลดลง หลังจากแสดงฉากยืนขาเปล่า ๆ ท่ามกลางหิมะเป็นเวลานาน จนต้องรีบนำส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลโดยด่วน

นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนจะเริ่มถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ รินซ์ขังมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทั้งการไม่ยอมนอนหลับติด กันหลาย ๆ วัน การขว้างปาสิ่งของใส่ภรรยา ต่อยกำแพงบ้าน และอ้างว่าภรรยาของเขากำลังวางแผนจะลอบสังหารตนเอง นอกจากนี้ รินช์ยังอ้างว่าตนเองสามารถค้นพบวิธีการทำแผนที่ ‘สัญญาณของไวรัสโคโรนาที่ปล่อยออกมา’ ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 และอ้างว่าต้นค้นพบวิธีการทำนายการเกิดฟ้าผ่า และการระเบิดของภูเขาไฟได้ด้วย

ในรายงานยังได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า รินช์กำลังใช้ยาเพื่อรักษาอาการโรคสมาธิสั้น ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงร้ายแรง เช่น เพ้อ คลุ้มคลั่ง และอาจส่งผลต่ออาการทางจิตได้ หากใช้ในจำนวนมากเกินไป

ด้วยข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้ ทำให้ในวันที่ 18 มีนาคม 2021 ตัวแทนของ Netflix จึงได้ส่งอีเมลแจ้งไปยังรินช์ว่า ทาง Netflix ได้ตัดสินใจยุติการสนับสนุนทุนสร้างซีรีส์ ‘Conquest’ แล้ว ในอีเมลฉบับหนึ่ง รินช์ยังได้ตอบโต้ถึงข้อกล่าวหาด้านปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดกับเขาต่อทาง Netflix ว่า ตัวเขาเองยังมีร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา

Carl Erik Rinsch 'Conquest'

รินช์ได้ดำเนินการยื่นคำร้องเสนอข้อพิพาทในกระบวนการอนุญาโตตุลาการที่เป็นความลับต่อ Netflix โดยกล่าวหาว่า Netflix ได้กระทำการละเมิดสัญญา และเป็นหนี้รวมจำนวน 14 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ยังกล่าวอ้างว่า เขาได้ใช้งบของ Netflix ซื้อรถยนต์และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก

ส่วนทางด้าน Netflix ได้ปฏิเสธในคำร้องดังกล่าว เนื่องจาก Netflix กล่าวว่าไม่ได้ติดหนี้รินช์แต่อย่างใด เนื่องจากรินช์ไม่สามารถทำซีรีส์ให้เสร็จได้ตามที่ตกลงกัน รินช์จึงควรเป็นฝ่ายที่นำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนให้กับ Netflix

ในขณะนี้ ตัวแทนของรินช์ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยในกรณีดังกล่าว แม้ก่อนหน้านี้เขาจะอยู่ภายใต้บริษัทเอเจนซี CAA (Creative Artists Agency) แต่เขาไม่ได้เป็นลูกค้าของเอเจนซีดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าอนุญาโตตุลาการจะทำการชี้ขาดในข้อพิพาทดังกล่าว ระหว่างรินช์กับทาง Netflix ในเร็ว ๆ นี้


ที่มา: The New York Times, The Wrap

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส