‘The Devil Wears Prada’ (2006) นอกจากจะเป็นหนังตลกดราม่าขวัญใจแฟชันนิสตา ที่เปิดเผยเรื่องราวในวงการแฟชัน รวมไปถึงวงการนิตยสารแฟชันแบบแสบ ๆ คัน ๆ ผ่านเรื่องราวของ First jobber สาวไร้เดียงสาที่กำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน แต่กลับต้องมาเป็นผู้ช่วยของ มิแรนดา พรีสต์ลีย์ บรรณาธิการบริหารนิตยสารแฟชันนิสัยร้าย ๆ ที่โบยตีและสั่งสอนเธอด้วยภาระหน้าที่แบบเหนือมนุษย์ เพื่อให้เธอได้เข้าใจโลกแห่งการทำงาน การทำตามความฝัน และการทำตามหัวใจของตัวเอง ในแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน
ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากความน่าเอ็นดูของนางเอก แอนน์ แฮททาเวย์ (Anne Hathaway) เจ้าของบท แอนดี หรือ แอนเดรีย แซ็กส์ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนที่ได้ดูก็ยังจดจำ (และรู้สึกหมั่นไส้) สีหน้านิ่ง ๆ ร้าย ๆ ของมิแรนดา พรีสต์ลีย์ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Runway ที่รับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) ได้อย่างแน่นอน แต่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่หลายคนน่าจะนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน หากสตรีปไม่ได้รับบทบาทนี้ และมันก็เคยเกือบ ๆ จะกลายเป็นจริงแล้วด้วย
คนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็คือ เวนดี ไฟเนอร์แมน (Wendy Finerman) โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ ‘Hollywood Gold’ โดยเธอเองเผยว่า แม้สตรีปจะเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือเจ้าของ 3 รางวัลออสการ์ แต่กลับมีทีมงานบางคนที่ไม่ต้องการให้เธอมารับบทนี้ เพราะมองว่าเธอเองไม่ค่อยมีคาแรกเตอร์ความตลกที่เหมาะกับหนังรอมคอมเรื่องนี้สักเท่าไร และเกือบส่งต่อบทบาทนี้ให้กับนักแสดงคนอื่น
ไฟเนอร์แมนเล่าตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์ ที่ปลายสายมีทีมงานบางคนมองว่าเธอบ้าที่ตัดสินใจเลือกนักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้ “มีคนที่คิดว่าเราบ้าค่ะตอนที่เลือกเมอรีล ฉันหมายถึงว่า มี (ทีมงาน) บางคนโทรมาหาฉันแล้วบอกว่า ‘นี่คุณสติเลอะเลือนหรือเปล่าเนี่ย ? ในชีวิตเธอ (สตรีป) เธอไม่เคยตลกเลยสักวันเดียว’ แต่เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นโลกที่แตกต่างสำหรับเธอ และฉันคิดว่า นี่แหละเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกในสิ่งที่คาดไม่ถึง”
ไฟเนอร์แมนยังเล่าเสริมถึงความประทับใจในการแสดงกับนักแสดงรุ่นใหญ่รายนี้ ตอนที่หอบหิ้วแฟ้มไอเดียหนัง ไปคุยที่บ้านของสตรีปว่า “(สตรีป) โทรหาฉันแล้วถามว่า ‘เวนดี คุณยังมีอะไรอีกไหม แล้วทั้งหมดอยู่ที่ไหนล่ะ ? ‘ เธอเป็นคนที่สุดยอดมาก เธอกระตือรือร้นตลอดเวลา เธอแสดงให้เห็นชัดเลยว่า เมื่อเธอตัดสินใจเลือกแล้ว เธอยึดมั่นในหน้าที่ของเธอเองจริง ๆ “
ตลอดระยะเวลาในอาชีพนักแสดง แม้สตรีปจะเคยผ่านงานการแสดงหนังตลกมาบ้างใน ‘She-Devil’ (1989) และ ‘Death Becomes Her’ (1992) แต่ด้วยความที่เธอมักจะได้รับเล่นในหนังดราม่าเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้หลายคนมักติดภาพการแสดงของเธอที่มักไม่ค่อยมีมุมตลก ๆ สักเท่าไร แม้ตอนแรกสตรีปจะเป็นตัวเลือกเดียวที่ทีมงานส่วนใหญ่ และสตูดิโอ 20th Century Fox เล็งอยากจะให้มารับบท บก.บห. จอมเฮี้ยบ แต่พอไปเสนอบทและค่าตัว สตรีปกลับปฏิเสธ เพราะมองว่าหนังเรื่องนี้น่าจะประสบความสำเร็จได้มากกว่าตัวเลขค่าตัวที่เสนอให้
สตูดิโอจึงยอมโปะให้อีกเป็นเท่าตัว และหนังเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จจริง ๆ อย่างที่เธอว่า ด้วยรายได้ 326 ล้านเหรียญ แถมยังส่งให้สตรีปได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งในการทำงานกับหนังเรื่องนี้ เธอทุ่มเทกับบทบาทแบบเข้มข้น ทั้งการย้อมผมเป็นสีขาวโพลน การใช้โทนเสียงต่ำ ๆ เรียบ ๆ เพื่อให้ดูน่าเกรงขาม
รวมไปถึงการแสดงแบบ Method Acting ที่แฮททาเวย์เล่าว่า ตอนเจอกันครั้งแรกในกองถ่าย สตรีปเดินมาทักทายและสวมกอดเธออย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพูดกับเธอว่า “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำตัวดีกับเธอ” แม้วิธีนี้จะได้ผล แต่การเข้าทรงบทบาทเจ้านายร้ายแบบนิ่ง ๆ กลับทำให้สตรีปไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ ไม่ได้พูดคุยเฮฮากับนักแสดงคนอื่น ๆ ส่งผลทำให้เธอถึงกับรู้สึกหดหู่ เครียดและถึงขั้นซึมเศร้า
เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) นักแสดงผู้รับบทเป็น เอมิลี ชาร์ลตัน ผู้ช่วยเบอร์ 1 ของมิแรนดา เคยเปิดเผยตอนที่หนังเรื่องนี้ครบรอบ 15 ปีว่า “จริง ๆ เมอรีลเป็นคนชอบสังคมและเป็นคนโคตรตลกค่ะ แต่การถอดตัวเองออกมันก็ทำให้เธอไม่ค่อยสนุกนัก ไม่ใช่ว่าเธอวางตัวให้เข้าถึงไม่ได้นะคะ คุณยังเข้าไปหาเธอแล้วเล่าอะไรตลก ๆ ให้ฟังได้ ซึ่งเธอก็จะฟังแหละ แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอยังจะสนุกอยู่ไหม ที่ต้องอยู่ในกองถ่ายแบบนั้นน่ะ”
สตรีปตอบคำถามของบลันต์ว่า “มันโคตรจะแย่เลย! ฉันดูน่าสังเวชมาก ตอนดูตัวอย่าง ฉันเห็นคนอื่น ๆ หัวเราะกันตัวโยน แต่ฉันเองกลับหดหู่มาก! ฉันได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า มันก็คงเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเป็น ‘เจ้านาย’ แหละ ซึ่งนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันลองใช้ Method Acting นะ!”
ที่มา: People, Entertainment Weekly
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส