อย่างที่ทราบกันว่า นักแสดงสาวมากฝีมือของยุคนี้อย่าง อันยา เทเลอร์-จอย (Anya Taylor-Joy) กำลังจะมีผลงานใหม่ นั่นก็คือ การรับบทเป็น ฟูริโอซา (Furiosa) วัยสาว ในหนัง ‘Furiosa: A Mad Max Saga’ หนังสปินออฟต้นกำเนิดของฟูริโอซา ก่อนกลายมาเป็นผู้นำหญิงแกร่งใน ‘Mad Max: Fury Road’ (2015) มหากาพย์แอ็กชันสุดบ้าคลั่งผลงานโดย จอร์จ มิลเลอร์ (George Miller) ที่จะเข้าฉายในปี 2024 ที่ต้องฉีกลุค เปลี่ยนภาพลักษณ์จากสาวพราวเสน่ห์ สู่บทบาทกร้าวแกร่งอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งคนที่คัดเลือกให้เธอมารับบทนี้ก็ไม่ใช่ใคร นอกจากผู้กำกับอย่างมิลเลอร์นั่นเอง
ล่าสุด มิลเลอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire ฉบับใหม่ล่าสุด เกี่ยวกับเบื้องหลังการเลือกเธอมารับบทเป็นสาวแกร่ง ตัวละครขวัญใจแฟนมหากาพย์สุดบ้าคลั่งเรื่องนี้ โดยเหตุผลที่เลือกเธอมารับบทนั้นก็เป็นเพราะว่า เขาได้มีโอกาสชมหนังสยองขวัญ ‘Last Night in Soho’ (2021) ที่ผู้กำกับเพื่อนซี้ของเขาอย่าง เอ็ดการ์ ไรต์ (Edgar Wright) ได้ส่งหนังดราฟต์แรก ๆ ที่เพิ่งตัดต่อเสร็จให้เขาลองชม ซึ่งในเรื่องนั้น น้องจอยรับบทเป็น แซนดี นักร้องสาวสวยแห่งยุค 60s ที่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
มิลเลอร์เล่าถึงความประทับใจในการแสดงของเทเลอร์-จอยในหนังเรื่องนั้น “คือผมเองก็พอรู้จักอันยานะ แต่ไม่เคยดูหนังของเธอมาก่อนเลย จนกระทั่งผมได้เห็นเธอใน ‘Last Night in Soho’ ผมบอกกับไรต์ว่า ‘นี่นาย อันยานี่น่าสนใจดีนะ’ ผมเริ่มบอกเขาว่า ‘คือฉันกำลังมองหาคนที่จะมารับบทเป็นฟูริโอซาน่ะ’ และผมยังไม่ทันพูดประโยคนั้นจบ เขาก็สวนกลับมาว่า ‘นายไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลหรอก เธอเก่งมาก เธอจะยิ่งใหญ่มาก ๆ เธอเป็นคนที่ทำงานด้วยได้ดีเยี่ยมมาก’ ซึ่งผมเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เสียด้วย”
แต่นั่นไม่ใช่ว่าน้องจอยจะได้มารับบทเป็นฟูริโอซาทันที เพราะเธอต้องทำการพูดคุย และทำการออดิชันผ่านออนไลน์ ซึ่งมิลเลอร์ได้ให้โจทย์ที่ไม่ธรรมดาให้เธอลองแสดง นั่นก็คือการรับบทเป็นนักข่าวจอมคลั่ง ฮาวเวิร์ด บิล ในหนังเรื่อง ‘Network’ (1976) ที่ว่าด้วยเรื่องของนักข่าวที่กำลังจะตกงานเพราะเรตติ้งรายการตกต่ำ แต่หลังจากแสดงความบ้าคลั่งออกทีวี เรตติ้งกลับพุ่งสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งประโยคดังที่บิลพูดออกอากาศก็คือ “ผมโคตรจะโกรธ” (“I’m mad as hell”)
มิลเลอร์เล่าถึงตอนช่วงที่ให้น้องจอยลองรับบทเป็นนักข่าวจอมคลั่ง “ผมบอกกับเธอว่า ‘ผมอยากให้คุณลองทำแบบทดสอบง่าย ๆ อ่านบทหน้ากล้องได้’ มันเป็นสปีชจากหนัง ‘Network’ ท่อนที่พูดว่า “I’m mad as hell” นอกจากจะเป็นบทประพันธ์ที่หลักแหลม มันยังเป็นงานที่สามารถแสดงต่อหน้ากล้อง (คนเดียว) ได้โดยที่ไม่ต้องมีนักแสดงคอยเป็นลูกคู่ด้วย”
“อันยาลองแสดงมาเวอร์ชันเดียว ซึ่งมันดีมากจริง ๆ จากนั้นผมก็ลองให้เธอพูด 2-3 ประโยคง่าย ๆ ซึ่งเธอก็ทำออกมาได้อย่างดี ผมลองเอาคลิปที่ถ่ายจาก iPhone ส่งไปให้สตูดิโอ และอธิบายว่าทำไมผมถึงคิดว่าเธอเหมาะสมกับบทบาทนี้ คือผมเองก็โอเคที่จะคุยกับสตูดิโอแหละนะครับ แต่ทุกอย่างมันก็ลงล็อกมากซะจนผมไม่ต้องไปโน้มน้าวอะไรมาก สตูดิโอตอบกลับมาแค่ว่า ‘เอาเลย'”
เทย์เลอร์-จอย เปิดเผยในรายการพอดแคสต์ ‘Happy Sad Confused’ ว่า ตอนที่เธอทราบข่าวว่าได้รับบทบาทนี้ เธอกำลังทำงานในกองถ่ายหนัง ‘The Northman’ (2022) ที่ประเทศไอร์แลนด์ เอ็ดการ์ส่งข้อความมาหาเธอว่า “ผมตื่นเต้นที่ผมได้รู้เรื่องนี้ก่อนใคร แต่ตอนนี้รู้กันทั้งโลกแล้วล่ะ ยินดีด้วย!” แม้เธอจะดีใจมาก ๆ แต่ด้วยความที่ไม่สามารถถอดบทบาทได้ เธอเองจึงเฉลิมฉลองแบบเงียบ ๆ ตามลำพังด้วยการดูหนัง ‘Harry Potter’ และหาของอร่อย ๆ กิน
“ฉันได้ดู ‘Fury Road’ เป็นครั้งแรก ที่โรงหนัง มันทำให้ฉันรู้สึกทึ่งกับวิสัยทัศน์อันเหลือเชื่อของ จอร์จ มิลเลอร์ เป็นครั้งแรก ไม่รู้จะใช้คำพูดไหนอธิบาย ฉันรู้สึกถ่อมตัวและขอบคุณมาก ฉันคิดว่าสิ่งแรกที่ฉันนึกได้ก็คือ ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานหนัก ที่มาจากความมุ่งมั่นของผู้คนที่มาก่อนฉัน ฉันพยายามจะเชื่อมโยงกับสิ่งนั้น มันทำให้ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรู้สึกเคารพคนที่สร้างโลกอันบ้าคลั่ง และกลุ่มตัวละครเหล่านี้ขึ้นมากมาก ๆ ฉันตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้ทำงานที่หนักหนาขนาดนี้”
แน่นอนว่า การรับบทฟูริโอซาของเธอ ย่อมต้องถูกเปรียบเทียบกับ ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) นักแสดงที่เคยรับบทนี้มาแล้วใน ‘Mad Max: Fury Road’ อย่างปฏิเสธไม่ได้ และเธอเองก็รักในบทบาทนี้มากถึงขั้นยอมโกนหัวจริง ๆ แบบเดียวกับที่เธอรอนเคยทำ แต่โชคดีที่มิลเลอร์ไม่อนุญาต ซึ่งน้องจอยเองเปิดเผยว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้สานต่อบทบาทนี้จากเธอรอน
“ฉันเองหลงรักฟูริโอซา โดยเฉพาะวิธีที่ชาร์ลิซนำเสนอบทบาทนี้ออกมา เธอทำออกมาได้อย่างดีมาก มันสวยงามมาก มากจนฉันแทบไม่อยากจะไปแทนที่เธอ ฉันจึงต้องนำเสนอสิ่งที่มีความแตกต่าง เพราะไม่ใช่แค่ทำให้มันจบ ๆ ไป”
“ฉันเริ่มฝันถึงฟูริโอซาแล้ว และเธอก็เข้ามาอย่างแข็งแกร่ง ฉันจึงต้องมุ่งมั่นที่จะทำงานให้หนักมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันบอกเสมอว่า ฉันต้องการบทบาทที่ฉันเองจะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ได้ ไม่ใช่แค่จิตใจ แต่เป็นทั้งร่างกายด้วย ฉันตื่นเต้นมากกับสิ่งนี้ สิ่งที่ฉันกำลังทำกับตัวเองเมื่อไม่ได้อยู่ในกองถ่ายก็คือ ต้องพยายามจะผลักตัวเองให้เกินขีดจำกัดของสิ่งที่สมองของฉันคิดว่าเป็นไปได้”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส