เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งแล้ว สำหรับการประกาศผลรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81 ประจำปี 2024 โดยพิธีการมอบรางวัลจะจัดขึ้น ณ โรงแรม เบเวอรี ฮิลตัน (Beverly Hilton) นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2024 (หรือเช้าวันจันทร์ที่ 8 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย) โดยมี วิลเมอร์ วัลเดอร์รามา (Wilmer Valderrama) นักแสดงจากซีรีส์ ‘That ’90s Show’ และ เซลดริก “เดอะ เอ็นเตอร์เทนเนอร์” (Cedric “The Entertainer”) พิธีกร และนักแสดงเดี่ยวไมโครโฟน รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในงานลูกโลกทองคำปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายประการ ทั้งการเปลี่ยนสถานีแม่ข่ายในการออกอากาศ จากสถานีโทรทัศน์ NBC ที่สิ้นสุดความร่วมมือไปในปีนี้ หลังจากออกอากาศมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ และได้สถานีโทรทัศน์ CBS รับช่วงต่อเป็นสถานีแม่ข่ายในการถ่ายทอดสด คู่ขนานกับการออกอากาศทางแพลตฟอร์มสตรีมมิง Paramount+
นอกจากนี้ ยังเป็นปีแรกที่กลุ่มองค์กรเอกชนทั้ง Dick Clark Productions และ Eldridge Industries จะเข้ามาเป็นผู้จัดงานแทนผู้จัดงานเดิมอย่าง สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของฮอลลีวูด (Hollywood Foreign Press Association) หรือ HFPA ที่ถูกยุบหลังจากการเข้าซื้อทรัพย์สินของกลุ่มองค์กรเอกชนดังกล่าว โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการซื้อกิจการ จะนำไปมอบให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานของ HFPA ต่อไป
โดยองค์กรเอกชนดังกล่าว ยังมีหน้าที่จัดตั้งกลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจากตัวแทนสื่อสารมวลชน และตัวแทนบุคคลเชื้อชาติและชาติพันธ์ุจาก 76 ประเทศ จำนวน 300 คน เพื่อคัดเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง และลงคะแนนเสียงโหวตผู้ชนะรางวัลในปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ ในปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเพิ่มหมวดหมู่รางวัลใหม่ 2 รางวัลที่จะมีการประกาศในงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกด้วย ได้แก่ รางวัลความสำเร็จด้านภาพยนตร์และบ็อกซ์ออฟฟิศ (Cinematic and Box Office Achievement) ที่จะมอบรางวัลให้กับภาพยนตร์ที่มีรายได้ Box Office รวม 150 ล้านเหรียญขึ้นไป โดย 100 ล้านเหรียญจะต้องมาจากรายได้ Box Office ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือมีจำนวนผู้ชมจากสตรีมมิงที่เหมาะสม ตามเกณฑ์การรับชมจากแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้
และอีกรางวัลที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้ก็คือ รางวัลการแสดงสแตนด์อัปคอมมีดี้ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม (Best Performance in Stand-Up Comedy on Television) โดยนักแสดง Stand-Up Comedy ที่ได้เข้าชิงจะต้องมีการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนที่มีความยาวอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป และต้องเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในรูปแบบภาพยนตร์ หรือรูปแบบใด ๆ บนแพลตฟอร์มสื่อที่ได้รับการยอมรับ
โดยในปีนี้ ในประเภทภาพยนตร์ หนังที่ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมากที่สุดได้แก่ ‘Barbie’ ที่มีชื่อได้เข้าชิงมากที่สุดถึง 9 สาขา ในขณะที่หนังชีวประวัติฟอร์มยักษ์ ‘Oppenheimer’ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 8 สาขา ส่วนหนังทริลเลอร์อิงประวัติศาสตร์สุดเข้มข้น ‘Killers of the Flower Moon’ และ ‘Poor Things’ มีชื่อได้รับการเสนอเข้าชิง 7 สาขา ส่วนในฟากฝั่งโทรทัศน์ ซีรีส์ ‘Succession’ มีชื่อเข้าชิงมากที่สุด 9 รางวัล ในขณะที่ซีรีส์ ‘The Bear’ และ ‘Only Murders in the Building’ มีชื่อได้เข้าชิง 5 สาขาเท่ากัน ในขณะที่ซีรีส์ดังของต้นปีอย่าง ‘The Last of Us’ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 3 รางวัล
รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 81
สาขาภาพยนตร์
- รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
‘Anatomy of a Fall’
‘Killers of the Flower Moon’
‘Maestro’
‘Oppenheimer’
‘Past Lives’
‘The Zone of Interest’
- รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
‘Air’
‘American Fiction’
‘Barbie’
‘The Holdovers’
‘May December’
‘Poor Things’
- รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม
‘The Boy and the Heron’
‘Elemental’
‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’
‘The Super Mario Bros. Movie’
‘Suzume’
‘Wish’
- รางวัลความสำเร็จด้านภาพยนตร์และบ็อกซ์ออฟฟิศ
‘Barbie’
‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’
‘John Wick: Chapter 4’
‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’
‘Oppenheimer’
‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’
‘The Super Mario Bros. Movie’
‘Taylor Swift: The Eras Tour’
- รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม
‘Anatomy of a Fall’ (ฝรั่งเศส)
‘Fallen Leaves’ (ฟินแลนด์)
‘Io Capitano’ (อิตาลี)
‘Past Lives’ (สหรัฐอเมริกา)
‘Society of the Snow’ (สเปน)
‘The Zone of Interest’ (สหราชอาณาจักร)
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์ชายยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) ‘Maestro’
ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) ‘Killers of the Flower Moon’
โคลแมน โดมิงโก (Colman Domingo) ‘Rustin’
แบร์รี คีโอแกน (Barry Keoghan) ‘Saltburn’
คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ‘Oppenheimer’
แอนดรูว์ สก็อตต์ (Andrew Scott) ‘All of Us Strangers’
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
แอนเน็ต เบนนิง (Annette Bening) ‘Nyad’
ลิลลี แกลดสโตน (Lily Gladstone) ‘Killers of the Flower Moon’
แซนดรา ฮิลเลอร์ (Sandra Hüller) ‘Anatomy of a Fall’
เกรตา ลี (Greta Lee) ‘Past Lives’
แครี มัลลิแกน (Carey Mulligan) ‘Maestro’
เคลี สแปนี (Cailee Spaeny) ‘Priscilla’
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์ชายยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) ‘Dream Scenario’
ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) ‘Wonka’
แมตต์ เดมอน (Matt Damon) ‘Air’
พอล จิอาแมตติ (Paul Giamatti) ‘The Holdovers’
วาคีน ฟีนิกซ์ (Joaquin Phoenix) ‘Beau Is Afraid’
เจฟฟรีย์ ไรต์ (Jeffrey Wright) ‘American Fiction’
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
แฟนตาเซีย บาร์ริโน (Fantasia Barrino) ‘The Color Purple’
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ‘No Hard Feelings’
นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) ‘May December’
อัลมา ปอยส์ตี (Alma Pöysti) ‘Fallen Leaves’
มาร์โกต์ ร็อบบี (Margot Robbie) ‘Barbie’
เอ็มมา สโตน (Emma Stone) ‘Poor Things’
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์สมทบชายยอดเยี่ยม
วิลเล็ม ดาโฟ (Willem Dafoe) ‘Poor Things’
โรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) ‘Killers of the Flower Moon’
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ‘Oppenheimer’
ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) ‘Barbie’
ชาร์ลส์ เมลท์ตัน (Charles Melton) ‘May December’
มาร์ก รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) ‘Poor Things’
- รางวัลนักแสดงภาพยนตร์สมทบหญิงยอดเยี่ยม
เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt) ‘Oppenheimer’
แดเนียล บรูกส์ (Danielle Brooks) ‘The Color Purple’
โจดี ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) ‘Nyad’
จูลีแอนน์ มัวร์ (Julianne Moore) ‘May December’
โรซมันด์ ไพก์ (Rosamund Pike) ‘Saltburn’
ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ (Da’Vine Joy Randolph) ‘The Holdovers’
- รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) ‘Maestro’
เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ‘Barbie’
ยอร์กอส ลานธิมอส (Yorgos Lanthimos) ‘Poor Things’
คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ‘Oppenheimer’
มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ‘Killers of the Flower Moon’
เซลิน ซง (Celine Song) ‘Past Lives’
- รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) และ โนอาห์ บัมบาค (Noah Baumbach) ‘Barbie’
โทนี แม็กนามารา (Tony McNamara) ‘Poor Things’
คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ‘Oppenheimer’
อีริก รอธ (Eric Roth) และ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ‘Killers of the Flower Moon’
เซลิน ซง (Celine Song) ‘Past Lives’
จัสตีน ทรีเย (Justine Triet,) และ อาเธอร์ ฮารารี (Arthur Harari) ‘Anatomy of a Fall’
- รางวัลเพลงบรรเลงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เจอร์สกิน เฟนดริกซ์ (Jerskin Fendrix) ‘Poor Things’
ลุดวิก เยอรันซัน (Ludwig Göransson) ‘Oppenheimer’
โจ ฮิราอิชิ (Joe Hisaishi) ‘The Boy and the Heron’
มิกา เลวี (Mica Levi) ‘The Zone of Interest’
แดเนียล เพ็มเบอร์ตัน (Daniel Pemberton) ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’
ร็อบบี โรเบิร์ตสัน (Robbie Robertson) ‘Killers of the Flower Moon’
- รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
“Addicted to Romance” ‘She Came to Me’
“Dance the Night” ‘Barbie’
“I’m Just Ken” ‘Barbie’
“Peaches” ‘The Super Mario Bros. Movie’
“Road to Freedom” ‘Rustin’
“What Was I Made For ? ” ‘Barbie’
สาขาโทรทัศน์
- รางวัลทีวีซีรีส์ยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
‘1923’ (Paramount+)
‘The Crown’ (Netflix)
‘The Diplomat’ (Netflix)
‘The Last of Us’ (HBO/Max)
‘The Morning Show’ (Apple TV+)
‘Succession’ (HBO/Max)
- รางวัลทีวีซีรีส์ยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
‘Abbott Elementary’ (ABC)
‘Barry’ (HBO/Max)
‘The Bear’ (FX)
‘Jury Duty’ (Amazon Freevee)
‘Only Murders in the Building’ (Hulu)
‘Ted Lasso’ (Apple TV+)
- รางวัลซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม
‘All the Light We Cannot See’ (Netflix)
‘Beef’ (Netflix)
‘Daisy Jones & the Six’ (Prime Video)
‘Fargo’ (FX)
‘Fellow Travelers’ (Showtime)
‘Lessons in Chemistry’ (Apple TV+)
- รางวัลนักแสดงซีรีส์ชายยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
ไบรอัน ค็อกซ์ (Brian Cox) ‘Succession’
คีแรน คัลกิน (Kieran Culkin) ‘Succession’
แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) ‘Slow Horses’
เพโดร พาสคาล (Pedro Pascal) ‘The Last of Us’
เจเรมี สตรอง (Jeremy Strong) ‘Succession’
โดมินิก เวสต์ (Dominic West) ‘The Crown’
- รางวัลนักแสดงซีรีส์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า
เฮเลน มีร์เรน (Helen Mirren) ‘1923’
เบลลา แรมซีย์ (Bella Ramsey) ‘The Last of Us’
เครี รัสเซลล์ (Keri Russell) ‘The Diplomat’
ซาราห์ สนูก (Sarah Snook) ‘Succession’
อีเมลดา สตอนตัน (Imelda Staunton) ‘The Crown’
เอ็มมา สโตน (Emma Stone) ‘The Curse’
- รางวัลนักแสดงซีรีส์ชายยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
บิล เฮเดอร์ (Bill Hader) ‘Barry’
สตีฟ มาร์ติน (Steve Martin) ‘Only Murders in the Building’
เจสัน ซีเจล (Jason Segel) ‘Shrinking’
มาร์ติน ชอร์ต (Martin Short) ‘Only Murders in the Building’
เจสัน ซูเดคิส (Jason Sudeikis) ‘Ted Lasso’
เจเรมี อัลเลน ไวต์ (Jeremy Allen White) ‘The Bear’
- รางวัลนักแสดงซีรีส์หญิงยอดเยี่ยม ประเภทตลก/มิวสิคัล
ราเชล บรอสนาแฮน (Rachel Brosnahan) ‘The Marvelous Mrs. Maisel’
ควินตา บรันสัน (Quinta Brunson) ‘Abbott Elementary’
อาโย เอเดบิรี (Ayo Edebiri) ‘The Bear’
แอล แฟนนิง (Elle Fanning) ‘The Great’
เซเลนา โกเมซ (Selena Gomez) ‘Only Murders in the Building’
นาตาชา ลีออนน์ (Natasha Lyonne) ‘Poker Face’
- รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
แมตต์ โบเมอร์ (Matt Bomer) ‘Fellow Travelers’
แซม คลาฟลิน (Sam Claflin) ‘Daisy Jones & the Six’
จอน แฮมม์ (Jon Hamm) ‘Fargo’
วูดดี แฮร์เรลสัน (Woody Harrelson) ‘White House Plumbers’
เดวิด โอเยโลโว (David Oyelowo) ‘Lawmen: Bass Reeves’
สตีเวน ยอน (Steven Yeun) ‘Beef’
- รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ขนาดสั้นและภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
ไรลีย์ คีโอ (Riley Keough) ‘Daisy Jones & the Six’
บรี ลาร์สัน (Brie Larson) ‘Lessons in Chemistry’
อลิซาเบธ โอลเซน (Elizabeth Olsen) ‘Love & Death’
จูโน เทมเพิล (Juno Temple) ‘Fargo’
ราเชล ไวส์ (Rachel Weisz) ‘Dead Ringers’
อาลี วอง (Ali Wong) ‘Beef’
- รางวัลนักแสดงซีรีส์สมทบชายยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ตลกหรือดราม่า
บิลลี ครูดัป (Billy Crudup) ‘The Morning Show’
แมธธิว แม็กเฟเดียน (Matthew Macfadyen) ‘Succession’
เจมส์ มาร์สเดน (James Marsden) ‘Jury Duty’
อีบอน มอสส์-บาครัก (Ebon Moss-Bachrach) ‘The Bear’
อลัน รัก (Alan Ruck), ‘Succession’
อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด (Alexander Skarsgard) ‘Succession
- รางวัลนักแสดงซีรีส์สมทบหญิงยอดเยี่ยม สาขาซีรีส์ตลกหรือดราม่า
‘อลิซาเบธ เดบิกกี (Elizabeth Debicki) ‘The Crown’
แอบบี เอลเลียต (Abby Elliott) ‘The Bear’
คริสตินา ริชชี (Christina Ricci) ‘Yellowjackets’
เจ สมิธ แคเมรอน (J. Smith-Cameron) ‘Succession’
เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) ‘Only Murders in the Building’
ฮันนาห์ แวดดิงแฮม (Hannah Waddingham) ‘Ted Lasso’
- รางวัลการแสดงสแตนอัปคอมมีดี้ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม
ริกกี เกอร์เวส (Ricky Gervais) ‘Ricky Gervais: Armageddon’
เทรเวอร์ โนอาห์ (Trevor Noah) ‘Trevor Noah: Where Was I’
คริส ร็อก (Chris Rock) ‘Chris Rock: Selective Outrage’
เอมี ชูเมอร์ (Amy Schumer) ‘Amy Schumer: Emergency Contact’
ซาราห์ ซิลเวอร์แมน (Sarah Silverman) ‘Sarah Silverman: Someone You Love’
แวนดา ไซก์ส (Wanda Sykes) ‘Wanda Sykes: I’m an Entertainer’
ที่มา: The Hollywood Reporter, Variety
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส