‘Rebel Moon’ มหากาพย์จักรวาลเรื่องใหม่ผลงานของ แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Netflix เททุนสร้างมาให้ 166 ล้านเหรียญ หนังแบ่งเป็น 2 ภาค เล่าเรื่องราวของกลุ่มกบฎที่ลุกฮือขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลคอร์รัปชันของ ‘Motherworld’ โดยเนื้อหาอาจจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกับจักรวาล Star Wars เหตุเพราะครั้งหนึ่ง แซ็ก สไนเดอร์ เคยนำโครงเรื่องนี้ไปเสนอให้ LucasFilm เผื่อว่าจะได้นำไปใช้เป็นตอนหนึ่งในจักรวาล Star Wars แต่ก็ถูกปฎิเสธ สไนเดอร์เลยนำมาเสนอกับ Netflix แทน
หนังสตรีมมิงในสหรัฐฯ ไปแล้วเมื่อวานนี้ 15 ธันวาคม เสียงตอบรับจากนักวิจารณ์กลุ่มแรก ชื่นชมงานภาพที่สไนเดอร์นำสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของเขามาใช้อีกครั้ง นักวิจารณ์บางคนก็หยิบยกไปเทียบกับภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง ‘Seven Samurai’ อีกด้วย
แต่เสียงโดยรวมเหมือนจะกล่าวตรงกันว่า ด้วยทุนสร้างที่สูงและสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่อัดแน่นก็ไม่สามารถช่วยยกระดับคุณภาพหนังให้กับ ‘Rebel Moon – Part One: A Child of Fire’ ได้ เพราะล่าสุดคะแนนบนเว็บไซต์รวบรวมบทวิจารณ์ Rotten Tomatoes ตกลงมาอยู่ที่ 24% (ขณะที่เขียนอยู่นี้) คะแนนตอนเปิดตัวอยู่ที่ 19% ด้วยซ้ำ นักวิจารณ์หลายคนบอกว่าผิดหวังสำหรับก้าวแรกของสไนเดอร์ ที่เข้าสู่หนังแนวสงครามอวกาศ
The Independent กล่าวว่า “น่าจะถูกใจคนที่คิดว่า ‘Star Wars’ นั้นมันมีเรื่องการเมืองมากเกินไป แต่มีฉากเซ็กส์ และความรุนแรงน้อยเกินไป”
จูเลียน โรมัน จาก Movieweb บอกว่าเขารู้สึกเพลิดเพลินดีกับฉากแอ็กชันต่าง ๆ ในหนัง แต่ก็เบื่อกับฉากสโลว์โมชันของชไนเดอร์
“หนังมาพร้อมกับโครงเรื่องที่สุดเรียบง่าย เรื่องราวของกลุ่มปฎิวัติที่พยายามดิ้นรนต่อสู้ ฉากแอ็กชันแรก ๆ ดูลื่นไหลดี แต่แล้วก็กลายเป็นความซ้ำซากเพราะอัดฉากสโลว์โมชันมามากเกินไป ซึ่งเราก็เคยเห็นแบบนี้กันมาหมดแล้ว และน่าเสียดายที่เคยเห็นน่ะเขาทำได้ดีกว่าเรื่องนี้ ตัวหนังก็ไม่ได้มีความโดดเด่น หนังมีแต่ตัวละครที่น่าเบื่อ โครากับแก๊งของเธอไม่น่าสนใจเอาซะเลย หนังไม่ได้เล่าเรื่องราวเบื้องหลังของพวกเขาเลย และนั่นทำให้ตัวละครเหล่านี้เป็นฐานรากที่อ่อนแอ ถ้าจะต่อยอดไปในอนาคต”
บทวิจารณ์จาก BBC กล่าวว่า “ฝั่งคนดีก็ดีซะเหลือเกิน ส่วนฝั่งตัวร้ายก็ร้ายแบบเถรตรง แล้วคุณก็จะบอกได้ทันทีว่าใครดีใครเลวจากความน่าดึงดูดใจของพวกเขา”
ส่วนทางด้านผู้ชมนั้น ออกจะมีความคิดเห็นสวนทางกับฝั่งนักวิจารณ์
มีผู้ชมรายหนึ่งเขียนว่า “คอยดูแล้วกัน คะแนนฝั่งคนดูจะพุ่งไปเกิน 90% นักวิจารณ์กลุ่มใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถตัดสินหนังได้”
อีกคนมาช่วยเชียร์เขียนว่า “คะแนนฝั่งคนดูใกล้จะถึง 90% แล้ว”
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่บนเว็บ Rotten Tomatoes ที่คะแนนฝั่งนักวิจารณ์และคนดูจะสวนทางกัน
ส่วนบ้านเราจะเห็นพ้องต้องกับคนดูในสหรัฐฯ หรือไม่ รอตัดสินพร้อมกัน 22 ธันวาคมนี้
ที่มา : unilad movieweb rottentomators