Variety ได้รายงานว่า ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ ยังคงทำรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 โดยอยู่ในอับดับที่ 2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยรายได้ 5.8 ล้านเหรียญ ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 289.7 ล้านเหรียญ

แม้ว่าจะทำรายได้ทั่วโลกน้อยกว่าภาค ‘The Hunger Games: Mockingjay – Part 2’ (2015) ที่ถือครองสถิติรายได้น้อยที่สุดของแฟรนไชส์ก่อนหน้านี้ที่ 661.4 ล้านเหรียญ แต่ ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ ก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกแซงหน้าภาพยนตร์สยองขวัญเซอร์ไพรส์ฮิตอย่าง ‘Five Nights at Freddy’s’ ที่ทำไว้ 288.6 ล้านเหรียญ เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะทำรายได้ทั่วโลกถึงหลัก 300 ล้านเหรียญ ในเร็ว ๆ นี้

นั่นทำให้ ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ จะเป็นภาพนตร์เรื่องที่ 15 ในปี 2023 ที่ทำรายได้ทั่วโลกถึงหลัก 300 ล้านเหรียญ รองจาก ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ ที่ทำรายได้ทั่วโลก 383.9 ล้านเหรียญ รวมถึงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มใหญ่เรื่องอื่น ๆ อย่าง ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ (567.5 ล้นเหรียญ), ‘Fast X’ (704.8 ล้านเหรียญ), ‘Oppenheimer’ (953.8 ล้านเหรียญ) และ ‘Barbie’ (1,441.8 ล้านเหรียญ) เป็นต้น

The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes

ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่ ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ อาจทำรายได้ทั่วโลกแซงหน้าได้ มีดังนี้

  • Meg 2: The Trench: 395 ล้านเหรียญ
  • Transformers: Rise of the Beasts: 438.9 ล้านเหรียญ
  • John Wick: Chapter 4: ล้านเหรียญ 440.1 ล้านเหรียญ
  • Ant-Man and the Wasp: Quantumania: 476 ล้านเหรียญ

‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกก่อนวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ ไป 44.6 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยที่สุดในแฟรไชส์ แต่สามารถติด 1 ใน 5 บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ ได้ต่อเนื่องด้วยกระแสปากต่อปากได้ถึง 5 สัปดาห์ซ้อน และอาจทำให้สตูดิโอเปลี่ยนใจมาเปิดไฟเขียวสร้างภาคต่อก็เป็นได้

ในสุดสัปดาห์ถัดไป ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes’ จะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่าง ‘Aquaman and the Lost Kingdom’, ‘The Color Purple’ เวอร์ชันมิวสิคัล, ‘Anyone But You’, ‘Migration’, ‘Ferrari’ ของผู้กำกับ ไมเคิล แมนน์ (Michael Mann) และ ‘The Boys in the Boat’ ของผู้กำกับ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) จึงต้องรอดูว่าภาพยนตร์ล่าสุดในแฟรนไชส ‘The Hunger Games’ นี้ จะทำรายได้ดีต่อเนื่องไปหรือไม่

ที่มา : ScreenRant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส