‘Gyeongseong Creature’ หรือ ‘สัตว์สยองกยองซอง’ เป็นซีรีส์เกาหลีฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2023 ของ Netflix ที่ขนเอาดาราระดับแม่เหล็กรวมไว้ในเรื่องเดียวกัน ทั้ง พัคซอจุน (Park Seo-joon), ฮันโซฮี (Han So-hee), คลอเดีย คิม (Claudia Kim), คิมแฮซุก (Kim Hae-sook) และ โจฮันชอล (Jo Han-chul)
ตัวซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1945 ที่โรงพยาบาลองซองที่ตั้งอยู่ในเมืองกยองซอง เมื่อเถ้าแก่โรงรับจำนำ จางแทซัง (รับบทโดย พัคซอจุน) ต้องร่วมมือเอาตัวรอดไปพร้อมกับ ยุนแชอ๊ก นักล่าค่าหัวสาว (รับบทโดย ฮันโซฮี) ในวันที่ทั้งเมืองต้องโกลาหลจากสัตว์ประหลาดปริศนาที่เกิดจากความโลภในจิตใจของมนุษย์
beartai BUZZ ได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ของทีมนักแสดงนำ และผู้กำกับ จองดงยุน (Jung Dong-Yoon) จากงานแถลงข่าวซีรีส์เรื่องนี้ที่เกาหลีใต้ พวกเขาจะมาเปิดเบื้องหลังการเนรมิตผลงานสุดอลังการนี้ รวมถึงบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวจากการเข้าฉากต่าง ๆ
แค่ได้ยินชื่อนักแสดงและชื่อเรื่องก็รู้ได้เลยว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่แน่นอน เรื่องนี้เป็นการผสมผสานระหว่างดราม่าย้อนยุคกับซีรีส์แนวสัตว์ประหลาด อยากให้คุณพัคซอจุนช่วยเล่าเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้หน่อยได้ไหม
พัคซอจุน: ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องของสัตว์ประหลาดที่โผล่มาในช่วงปี 1945 เหมือนกับที่เห็นในชื่อเรื่องเลยครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิตด้วย ดังนั้นผมคิดว่าเมื่อผู้ชมได้ดูแล้วจะต้องประทับใจกับสิ่งที่ได้รับชมครับ
ทำไมถึงตัดสินใจเล่นซีรีส์เรื่องนี้
พัคซอจุน: ผมมักจะดูเนื้อเรื่องก่อนรับงานเสมอครับ เรื่องนี้พอเห็นบทแล้วน่าสนใจมาก เหมือนว่าจะได้ถ่ายทอดตัวละครในหลากหลายแง่มุม แล้วก็ยังมีนักเขียนคังอึนคยอง (Dr. Romantic 2) ที่ผมเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องคิดเลยครับ นอกจากนี้ก็มีผู้กำกับจองดงยุนด้วย ตอนผมเล่น ‘Itaewon Class’ ผมก็อยากจะเจอเขาอยู่แล้วเพราะได้ดู ‘Hot Stove League’ และเรื่องนี้ยังมีคุณฮันโซฮีอีก ดังนั้นผมไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ ยังไงก็ต้องรับเล่นอยู่แล้ว
ฮันโซฮี: เหมือนที่คุณพัคซอจุนพูดไปแล้ว ฉันเองก็ชอบซีรีส์เรื่อง ‘Hot Stove League’ เหมือนกันค่ะ และฉันก็ชอบดูเรื่องที่คุณพัคซอจุนแสดงด้วย และซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องราวที่ย้อนไปในปี 1945 ด้วย แถมมีสัตว์ประหลาดโผล่มาอีก จึงมีหลายด้านมาก ๆ ให้นำเสนอ เป็นการผสมผสานกันระหว่างดราม่าย้อนยุคกับแนวสัตว์ประหลาด มันก็น่าจะช่วยฉันให้ก้าวหน้าในฐานะนักแสดงด้วยค่ะ
คลอเดีย คิม: ฉันเองก็ห่างหายไปจากการรับงานมาสักพักใหญ่ ๆ พอผู้กำกับจองดงยุนติดต่อมา ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ และเป็นโปรเจกต์ที่สเกลใหญ่มาก ๆ ด้วยค่ะ ไหนจะมีเรื่องของซีนอารมณ์ที่ต้องมาเกี่ยวอีก มันอาจจะเล่นยากแต่คิดว่าน่าจะสามารถทำให้ฉันเติบโตในฐานะนักแสดงเช่นกันค่ะ
คิมแฮซุก: ก็คล้ายกับคนอื่น ๆ นะคะ ฉันเองก็ชอบที่มันผสมกันระหว่างดราม่าย้อนยุคกับแนวสัตว์ประหลาด ฉันเชื่อในตัวนักเขียนกับผู้กำกับ ก็เลยไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ นักแสดงทุกคนก็ยอดเยี่ยม อยากร่วมงานด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องพิจารณาเยอะเลยค่ะ
โจฮันชอล: ผมชอบบทครับ และผมก็เป็นแฟนคลับผู้กำกับจองดงยุนอยู่แล้ว เวลาเข้ามาทำโปรเจกต์มันสำคัญมากที่จะรู้ว่าเราต้องทำงานกับใคร พอรู้ว่าจะต้องมาเจอทีมนี้ ผมอยากร่วมงานด้วยมาก ๆ ก็เลยไม่ต้องคิดเยอะเลย ตัดสินใจง่ายมากครับ ผมชอบบทยุนจุงวอลด้วย เขาเป็นคนโรแมนติก ผมอยากจะแสดงเป็นยุนจุงวอลให้ดีที่สุดครับ
อยากถามทางผู้กำกับบ้าง มันน่าจะมีเหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้มีส่วนผสมระหว่างดราม่าย้อนยุคและซีรีส์แนวสัตว์ประหลาดใช่ไหม คุณอยากสื่ออารมณ์ของเรื่องนี้ออกมาในแบบไหน
ผู้กำกับจองดงยุน: ตอนผมคุยกับคุณคังอึนคยอง (ผู้เขียนบท) เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมบอกไปว่าอยากเล่าถึงยุคกยองซองเพราะผมสนใจยุคนี้มาก แต่ก็อยากเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกจะสามารถเพลิดเพลินและรู้สึกสนใจไปด้วยกันได้ ผมก็เลยเอาเรื่องสัตว์ประหลาดเข้ามา เพราะว่ามันจะทำให้สามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ และยังคงดึงความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกได้ด้วย ก็เลยอยากเอาสองมุมนี้มาผสมกัน ซึ่งก็ลองทำเป็นครั้งแรก และท้าทายสำหรับผมเหมือนกันครับ
ขอถามเกี่ยวกับตัวละครของแต่ละคนหน่อย
พัคซอจุน: ตอนต้นเรื่องคุณจะเห็นว่าในเขตบนจอง จางแทซังเป็นคนที่รวยที่สุด และเป็นเจ้าของโรงรับจำนำคลังสมบัติทอง (House of Golden Treasure) แต่ก่อนหน้านั้น เขาผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มา และเติบโตขึ้นด้วยประสบการณ์เหล่านั้น จนวันหนึ่งก็มีเรื่องบางอย่างมาเกี่ยวพันกับเขา และเป็นที่มาของเรื่องราวในซีรีส์นี้ครับ ตลอดทั้งเรื่อง ผมพยายามโฟกัสการเล่าภูมิหลังของจางแทซังครับ
จางแทซังดูแต่งตัวเก่งมาก ดูเป็นผู้ชายทันสมัยในยุคนั้น คุณชอบสไตล์แบบนี้ไหม
พัคซอจุน: พวกเราทำการบ้านมาเยอะมากเรื่องเสื้อผ้าและสไตล์ของจางแทซัง เพื่อที่จะทำให้เขาออกมาเป็นแบบนั้น ตอนที่ซีรีส์สตรีม ผมรู้ว่าทุกคนจะสนใจเรื่องการแสดงอยู่แล้ว แต่มันก็สำคัญที่คุณจะเห็นภาพลักษณ์แรกของเขาว่าออกมาเป็นยังไง เราคุยกันเยอะมากกว่าจะได้ข้อสรุปว่าเขาควรดูเป็นยังไง หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ พวกเราตั้งใจกันมาก
ถามผู้กำกับ ตอนเห็นคุณพัคซอจุนในฐานะจางแทซัง รู้สึกอย่างไรบ้าง
ผู้กำกับจองดงยุน: ผมว่าเขาสมบูรณ์แบบมากสำหรับบทนี้ครับ รู้สึกว่าดูน่าเชื่อถือมาก
ตอนถ่ายทำ ได้ยินว่าการถ่ายฉากแรกโหดใช้ได้เลย
พัคซอจุน: ใช่ครับ ฉากแรกคือผมต้องโดนจับมาทรมาน มันหนาวมากเพราะว่าโดนสาดน้ำด้วย ผมก็คิดว่านี่เอาผมมาทรมานเหรอ ฉากแรกก็เจอแบบนี้เลยเหรอ พอถ่ายซีนแรกไปก็ทำให้ผมสงสัยว่าแล้วซีนสุดท้ายจะเป็นยังไง ต้องสนุกแน่ ๆ เลย ผมรู้สึกได้ถึงตัวตนของจางแทซังมากขึ้นครับ แต่แล้วก็มานั่งคิดว่าเดี๋ยวนะ มาถ่ายถูกเรื่องไหมเนี่ย แต่พอผมได้มาถ่ายฉากลำบาก ๆ เป็นซีนแรก มันก็ทำให้รู้เลยว่าจางแทซังเป็นคนแบบนี้นี่เอง
ได้ยินว่าต้องมีซีนอารมณ์เยอะและมีเรื่องความรักเข้ามาด้วย
พัคซอจุน: ใช่ครับ มันสำคัญและท้าทายมาก ๆ ว่าเราจะแสดงอารมณ์ออกมาแค่ไหน เพราะมันต้องดูน่าเชื่อถือ ผมพยายามให้ความสำคัญกับระดับของการแสดงและอารมณ์ที่เหมาะกับบทนั้นๆ ด้วยบริบทของประวัติศาสตร์ ผมพยายามทำความเข้าใจ และแสดงมันออกมา อีกอย่างคุณฮันโซฮีเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ผมเองก็สังเกตจากการแสดงของคุณฮันโซฮีด้วย แทนที่เราจะคุยกันว่าเราจะเอายังไง ระดับไหน เราจะพยายามทำความเข้าใจบริบทแล้วก็แสดงไปกับมันเลย ผมคิดว่าความรักในซีรีส์เรื่องนี้มันเหมือนเป็นความรักที่ต้องเก็บเอาไว้ เป็นความรักที่สามารถทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดได้
ได้ยินว่าตัวละครยุนแชอ๊กเป็นคนที่กล้าหาญมาก ตัวละครนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก จนเหมือนจะไม่ตกใจอะไรง่าย ๆ คุณเองก็ได้เรียนรู้จากตัวละครนี้เยอะเลยใช่ไหม
ฮันโซฮี: ยุนแชอ๊กเป็นนักแกะรอยที่แกะรอยได้ทุกคน เธอกำลังตามหาแม่ที่หายตัวไปสิบปีแล้ว และได้เดินทางมาถึงกยองซองจนได้เจอกับจางแทซัง และพบเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายค่ะ
ฉันว่านิสัยฉันกับยุนแชอ๊กไม่ได้เหมือนกันเท่าไรนัก เพราะฉันไม่ได้เป็นคนสบาย ๆ ขนาดยุนแชอ๊ก ก็เลยจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่ด้วยเรื่องในยุคสมัยนั้น และสิ่งที่ฉันได้รับมาจากตัวละครอื่น ๆ รวมถึงจางแทซัง บวกกับการที่ยุนแชอ๊กต้องตามหาแม่ มันมีเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันมา ฉันเลยเข้าใจและแสดงเป็นตัวละครนี้ได้ไม่ยากมากนักค่ะ
พวกคุณคงต้องเตรียมตัวอย่างหนักเลยก่อนถ่ายทำ ในซีรีส์ออกมาดูดีและเท่มาก แต่ตอนถ่ายฉากพระนางเจอกันครั้งแรก เห็นว่าลำบากมากเพราะต้องเอาหัวชนกันตั้งหลายทีใช่ไหม
ฮันโซฮี: ใช่ค่ะ เหมือนคุณพัคซอจุนเลยค่ะ เพราะซีนนี้ก็เป็นซีนแรกของฉัน วันแรกก็ลำบากขนาดนี้เลย ปวดคอไปเลยค่ะ ฉันก็คิดเลยว่าแล้ววันสุดท้ายจะขนาดไหน พอถ่ายจบ วันต่อไปฉันขยับคอไม่ได้เลยค่ะ แต่พอคิดถึงความพยายามของผู้กำกับแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าทำไมซีรีส์ถึงออกมาดีขนาดนี้ ฉันก็คิดว่าอยากแสดงให้ออกมาดีเหมือนกัน ก็เลยพยายามอย่างมากเช่นเดียวกันค่ะ
จางแทซังเปลี่ยนชุดเยอะมาก แต่คุณมีชุดเดียวใช่ไหม และได้เปลี่ยนชุดเป็นสาวสวยครั้งเดียวเอง รู้สึกยังไงบ้าง
ฮันโซฮี: ฉันได้ใส่ชุดสวย ๆ แค่ชุดเดียวเอง จำได้ว่าเราลองชุดกันเยอะมาก เพราะผู้กำกับอยากให้สีเสื้อผ้าเหมาะกับผิวฉัน เรามาสรุปที่สีนี้เพราะเขาบอกว่าสีนี้แหละเหมาะสุด
ฉันก็คิดว่านี่คือฉากที่คนน่าจะชอบกัน เพราะคุณดูเหมือนตุ๊กตาเลย
ฮันโซฮี: ทั้งเรื่องฉันไม่ได้ใส่ชุดเดียวนะคะ มี 2 ชุด แต่ว่ามันต้องมีความดิบ ๆ ให้ดูมีความลำบากหน่อย ๆ ฉันก็เลยมีชุดที่เหมือนกัน 4 ตัวเลย จะได้ถ่ายได้อย่างต่อเนื่องกันค่ะ
คลอเดีย คิม คุณห่างหายจากการรับงานแสดงไปนาน อยากให้พูดถึงตัวละครของคุณหน่อย
คลอเดีย คิม: ฉันรับบทเป็นยูกิโกะ มาเอดะ เป็นผู้หญิงที่มีความลึกลับที่สุดในเรื่อง เธอมีอำนาจและรวยมาก เป็นคนสนับสนุนโรงพยาบาลองซองด้วย บุคลิกจะค่อนข้างใจเย็น นิ่ง ๆ เก็บตัว สงวนท่าที และสวย แต่คุณไม่อาจรู้ได้ว่าในหัวเธอคิดอะไร และเธอเป็นเพื่อนกับจางแทซังค่ะ
ตั้งแต่เรื่อง ‘Marcopolo’ และ ‘The Avengers’ คุณเป็นดาราระดับโลกที่เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่ไม่ทราบว่าคุณพูดญี่ปุ่นได้คล่องด้วย แถมไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั่วไป แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นเกียวโตที่ใช้ในสมัยโบราณ และยังต้องเล่นเป็นคนญี่ปุ่นที่พูดเกาหลีอีก ยากมากเลยใช่ไหม
คลอเดีย คิม: ฉันก็ค่อนข้างกังวลและกดดันมาก เพราะบทนี้ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นในแบบเกียวโตโบราณ ฉันจึงไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เลยต้องไปเรียนด้วย เพราะเป็นภาษาโบราณค่ะ ถ้าคุณส่งฉันไปญี่ปุ่นตอนนี้ก็คงคุยกับใครไม่รู้เรื่องแน่เลยค่ะ ส่วนเรื่องการพูดภาษาเกาหลีในฉบับคนญี่ปุ่นก็ยากค่ะ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งจินตนาการเยอะเลย แต่ผู้กำกับจะคอยเตือนเสมอถ้าสำเนียงมันมากจนเกินไป
นอกจากเรื่องภาษาที่ยาก คุณต้องแสดงอารมณ์โดยต้องไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าด้วยใช่ไหม น่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลย
คลอเดีย คิม: ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนที่แสดงออกเยอะมาก ออกทางสีหน้าและแววตาเพราะฉันตาโต แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ ตัวละครนี้ต้องเป็นคนสงวนท่าทีและลึกลับมาก ฉันก็เลยต้องระมัดระวังการแสดงสีหน้าเป็นอย่างมาก
ถามผู้กำกับ ได้ยินว่าการสร้างคาแรกเตอร์ของยูกิโกะให้เข้ากับตัวคุณคลอเดียเป็นอะไรที่บันเทิงสำหรับคุณมาก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม
ผู้กำกับจองดงยุน: ผมว่ามันสนุกดีครับ ผมชอบตัวละครยูกิโกะ ผมคิดเยอะมากว่าจะทำยังไงให้คลอเดียออกมาเหมือนเธอ เราคุยกันเรื่องให้แสดงอารมณ์ของตัวละครออกมาให้น้อยลงอีก ให้เก็บตัวมากขึ้น คุณคลอเดียก็ทำได้ดีมาก ๆ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแสดงออกเยอะมาก แต่เขาก็พยายามลดการแสดงออกลง เก็บสีหน้า เก็บอารมณ์ได้ดีมากเวลาที่เป็นยูกิโกะครับ
คลอเดีย คิม: ขอบคุณค่ะ ฉันขอบคุณเขามาก ๆ ตอนที่พยายามเป็นยูกิโกะ ผู้กำกับจะโฟกัสรายละเอียดมาก ๆ ฉันรู้สึกได้เลยว่าฉันใกล้เคียงกับยูกิโกะมากขึ้น แล้วเขาก็คอยบอกคอยแนะนำตลอดค่ะ
ด้านคุณคิมแฮซุก เป็นอย่างไรบ้างที่ได้มารับบท ‘นาวอล’
คิมแฮซุก: นาวอลมีบทบาทต่อวัยเด็กของจางแทซังมากค่ะ เหมือนกับเป็นแม่ของเขาได้เลย ฉันคิดว่าแบบนั้นค่ะ
แม้กระทั่งตอนที่จางแทซังไม่อยู่ คุณนาวอลที่น่าเชื่อถือก็คอยดูแลโรงรับจำนำคลังสมบัติทอง ซึ่งเต็มไปด้วยของมีค่าเป็นอย่างดี ตอนถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง ได้ยินมาว่าสนุกมาก ๆ เลย
คิมแฮซุก: ใช่ค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซตฉากใหญ่มาก เลยมีความสุขเวลาไปถ่ายทำ แต่ก็เครียดนะคะ เพราะทุกคนทุ่มเทกันหมด ทั้งนักแสดงและทีมงาน ทุกคนมี Passion กันมาก เห็นเลยค่ะว่าทุกคนเหนื่อยกันมากในทุกวัน เพราะว่าเราทุ่มเททุกอย่างลงไปจริง ๆ
บทของคุณคิมแฮซุกเป็นเหมือนบุคคลที่จางแทซังพึ่งพาได้เสมอ กลับกันบทของยุนจุงวอลก็เป็นคนที่ยุนแชอ๊กจะพึ่งพาได้ ช่วยเล่าให้ฟังถึงตัวละครนี้หน่อย
โจฮันชอล: ภรรยาของเขาหายตัวไปครับ เขาเป็นคนโรแมนติก รักภรรยามาก พอไม่มีเธอชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ก็เลยพาลูกสาวที่ยังเด็กไปตามหาแม่เป็นสิบปีเลย พอมีเบาะแส ก็เลยพาลูกสาวไปเจอจางแทซัง แล้วแทรกซึมเข้าสู่โรงพยาบาลองซองด้วยกันเพื่อตามหาภรรยา ส่วนจางแทซังก็เข้าไปเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ถ้าดูไปเรื่อย ๆ แล้วจะเห็นเองครับว่าเขาเป็นคนอย่างไร
ได้ยินจากนักเขียนคังอึนคยองว่าเขียนบทของยุนจุงวอลง่าย เพราะตรงมาก คาแรกเตอร์ค่อนข้างโดดเด่น คุณชอบอะไรในตัวละครตัวนี้
โจฮันชอล: ตอนเขาเล่าเรื่องตัวละครนี้ให้ฟัง ผมก็คิดว่าทำไมเลือกผมมาเล่นบทที่เท่และดีขนาดนี้ บางครั้งผมชอบได้เล่นเป็นตัวร้ายในผลงานที่ผ่าน ๆ มา แต่คนนี้เขาเป็นคนที่เท่ที่สุดในบรรดาตัวละครที่ผมเล่นมาทั้งหมด ก็เลยกดดันเพราะต้องทำให้คนนี้ออกมาดูดี แต่เหมือนที่คุณฮันโซฮีพูดไปแล้ว ยุนจุงวอลเขามีเป้าหมายที่ยังไงก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ ผมเลยคิดว่าผมเองก็ควรแสดงเป้าหมายนั้นให้ออกมาดีที่สุด ผมเชื่อในผู้กำกับด้วย และอยากรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไงเหมือนกันครับ
เห็นว่าพวกคุณน่าจะสนิทกันมาก ๆ แล้วยุนจุงวอลก็เป็นพ่อของยุนแชอ๊กด้วย
ฮันโซฮี: จริงๆ ฉันมีเข้าฉากกับคุณโจฮันชอลมากว่าคุณพัคซอจุนอีกค่ะ ในระหว่างการถ่ายทำ ถ้าฉันคิดอะไรฉันจะเชื่อใจ พึ่งพา และปรึกษาเขาเสมอ บางครั้งเขาจะแนะนำฉันดีมาก ๆ บางครั้งก็พูดแบบตลก แต่บางครั้งก็แนะนำอย่างจริงจังเลย
โจฮันชอล: แทนที่ผมจะแนะนำนะครับ ผมดูเขาเล่นแอ็กชันในเรื่อง ‘My Name’ แล้ว ผมตกใจมากเพราะเขาเล่นแอ็กชันเก่ง ผมก็จะคอยบอกให้เขาระวัง เพราะเรามีฉากแอ็กชันเยอะมากให้ระวังบาดเจ็บ แล้วเราก็ต้องใส่เสื้อผ้ากันหลายชั้น อากาศก็ร้อน พ่อลูกก็ต้องใส่ใจกันนะครับ พวกเราเลยพกพัดลมมือถือน่ะครับ ต้องดูแลกันดี ๆ
งานนี้เห็นว่าเป็นงานแรกของผู้กำกับจองดงยุนด้วยที่ใช้ VFX เยอะมาก ตอนถ่ายมีอะไรที่ลำบากบ้างไหม และถามนักแสดงนำทั้งสอง ในเรื่องนี้มีซีนแอ็กชันเยอะมาก ทั้งสองคนรับมือยังไง ได้ยินว่าคุณฮันโซฮีบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย
ผู้กำกับจองดงยุน: เป็นงานแรกเลยครับที่มี VFX เยอะมาก ไม่คิดว่าจะได้มาทำ แต่ท้าทายมากเลย ผมก็อยากทำให้ออกมาดี ส่วน Reference ผมดูหนังและซีรีส์มาเยอะครับ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ผมอยากได้สัตว์ประหลาดที่เป็นของเราเอง ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผมกับนักเขียนคังอึนคยองก็เลยคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะเริ่มต้นโดยการเกิดจากเซลล์ในตัวมนุษย์เอง แล้วค่อยมาดูว่ามันจะมีความสามารถยังไง หน้าตาแบบไหน พัฒนามาจากอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องถูกต้องคนดูถึงจะเชื่อในการเกิดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ พวกเราเริ่มต้นมาแบบนั้น
สัตว์ประหลาดจะโผล่มาในช่วง Opening Credit ที่เราแนะนำนักแสดงทั้งหมด เราจะบอกว่ามันมาจากไหน ผมว่าแค่ดู Opening Credit ก็สนุกแล้วครับ อยากจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาเองจริง ๆ เป็นออริจินัลเลย ส่วนที่ถามเรื่องความท้าทาย มันท้าทายมากครับ ลำบากด้วย แต่ผมเป็นผู้กำกับ ก็พยายามไม่ทำให้คุณพัคซอจุน คุณฮันโซฮี คุณคิมแฮซุก และทุก ๆ คนผิดหวัง บางครั้งผมก็บอกเขาว่าเหนื่อยมากเลย แต่พวกเขามักจะบอกผมก่อนเสมอว่าคุณคงเหนื่อยแย่ ทุกคนในทีมเราน่ารักมาก นักแสดงทุกคนก็คงลำบากมากเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่บ่นกันเลยจนจบ ผมก็เลยอยากใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณคุณพัคซอจุน คุณฮันโซฮี คุณคลอเดีย คุณคิมแฮซุก คุณโจฮันชอล และนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วยนะครับ เพราะมันเป็นงานที่ยากมาก ๆ ก็เลยอยากขอบคุณทุกคนครับ
ถามคุณพัคซอจุน การแสดงฉากแอ็กชันเรื่องนี้ มีอะไรท้าทายบ้าง
พัคซอจุน: ตอนแรกผมกังวลครับเพราะตอนโดนแคสต์มารับบทนี้ ทั้งฉากและสัตว์ประหลาดก็พร้อมอยู่แล้ว พอมาเล่นจริง ๆ ผมก็คิดว่าจะเล่นออกมายังไงดี แต่ทุกคนร่วมมือกันดีมาก ๆ เรามีสิ่งที่เรียกว่า Pre-visual ซึ่งทีม VFX จะมาไกด์ให้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้ผมเห็นภาพ ทางทีมจะเอามาให้ผมดูก่อนเข้าฉาก พวกเราพูดกันตลอดว่ามันยากและท้าทาย แต่มันทำให้ทุกอย่างออกมาดี มันช่วยให้ผมมีสมาธิและจดจ่อในตัวละครได้มากเลย ผมคิดว่าความเครียดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เราสร้างผลงานดี ๆ ออกมาได้ อีกอย่างหนึ่งเพราะด้วยความที่มันเป็นครั้งแรกของพวกเราหลาย ๆ คนด้วย ทำงานก็ต้องแข่งกับเวลา เราทุ่มเทกับมันมาก ๆ แต่พอได้เห็นซีรีส์ที่ตัดต่อออกมาแล้ว ผมรู้สึกพอใจมาก ผมรู้สึกว่าผู้ชมน่าจะเซอไพรส์กับฉากที่ดีแน่ ๆ ครับ ผมเองก็อยากรีบดูแล้ว
คุณฮันโซฮีเล่นแอ็กชันแบบไม่ยั้งเลย หลาย ๆ คนกังวลเรื่องที่คุณได้รับบาดเจ็บกันมาก
ฮันโซฮี: เรื่องการบาดเจ็บมันไม่ใช่แค่ฉันค่ะ ทีมสตันท์ก็มีเจ็บเหมือนกัน ใครเล่นแอคชั่นก็มีโอกาสเจ็บตัวอยู่แล้ว ถ้ามันไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นฉันจะรู้สึกดีมาก ๆ เลย แต่เวลาจะเล่นฉากแอ็กชันเราต้องทำใจเอาไว้ว่ายังไงถ้าต้องบาดเจ็บก็ขอให้เจ็บน้อยที่สุด เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้อยู่ดีไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาแค่ไหน เพราะทุกคนทุ่มเทร้อยเปอร์เซ็นต์ในตอนถ่ายทำ ฉันว่าสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงคือไม่รู้ว่าจุดไหนที่ร่างกายเราทำได้หรือไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปฉันอาจจะต้องคิดถึงเรื่องนี้ค่ะ จะได้เสี่ยงและเจ็บตัวน้อยลง อีกอย่างคือการไม่ใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดมากจนเกินไปในฉากแอ็กชัน ฉันคิดว่าถ้าได้เล่นฉากนั้น ๆ อีกครั้งฉันอาจจะทำได้ดีขึ้นนะคะ แต่ตอนนี้อาการบาดเจ็บหายแล้วนะคะ
ถามผู้กำกับ เราได้ดูเรื่อง ‘Sweet Home’ ใน Netflix กันไปแล้ว ส่วนตอนนี้กำลังจะมีซีรีส์สัตว์ประหลาดเข้ามาเพิ่ม สองเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างไร
ผู้กำกับจองดงยุน: ผมคิดว่า ‘Gyeongseong Creature’ มีความแตกต่างอยู่ครับ ผมว่ามันต่างกันเพราะเรามีความเศร้าอยู่ในสัตว์ประหลาดของเรา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ต่างกัน ถ้าคุณได้ดูซีรีส์แล้วคุณจะเข้าใจผมแน่ ๆ ว่าผมหมายถึงความเศร้าแบบไหน ใน ‘Gyeongseong Creature’ มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เท่และน่ากลัวอย่างเดียว นั่นไม่ใช่โฟกัสของเราครับ แต่ทุกตัวจะมีปูมหลังของตัวเอง แล้วเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นตัวหล่อหลอมให้รูปร่างหน้าตาของสัตว์ประหลาดแต่ละตัวออกมาต่างกัน รวมไปถึงการแสดงออกและท่าทางด้วย มันจะออกมาจากความรู้สึก แล้วเราพยายามคุยกับทีม VFX มาก ๆ ว่าจะแสดงออกถึงความเศร้าในตัวสัตว์ประหลาดออกมาได้ยังไง
ถามคุณพัคซอจุนและคุณฮันโซฮี อยากให้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับที่คุณพัคซอจุนบอกไว้ว่าในซีรีส์เรื่องนี้ความรักอาจจะต้องถูกเก็บเอาไว้ อยากทราบว่าพวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
พัคซอจุน: ที่ว่าเป็นความรักที่ถูกเก็บเอาไว้ เพราะว่าพวกเราเจอกันแค่ช่วงแรกของเรื่อง แล้วก็ไม่ได้เจอกันเยอะขนาดนั้นครับ การไม่ได้เข้าฉากด้วยกันบ่อย ๆ ก็ช่วยได้นะครับ เพราะผมก็อยากเจอคุณโซฮีอีก พอมาถ่ายด้วยกันอีกที ผมก็บอกว่า คิดถึงนะ ไม่ได้ถ่ายด้วยกันนานเลย พอมาถ่ายฉากเหล่านี้มันก็เหมือนมีอารมณ์ของการห่างไกลกันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่ามันมีเรื่องที่เราไม่สามารถแสดงออกได้ในเรื่อง ผมก็โฟกัสในเรื่องนั้นในระหว่างการถ่ายทำ
ปกติเวลาถ่ายฉากรัก มันไม่ต้องสกัดความรู้สึกไว้ น่าจะแตกต่างจากที่เคยถ่ายมาใช่ไหม
พัคซอจุน: ใช่ครับ เวลาเราถ่ายเรื่องแบบนี้ เราต้องเชื่อใจนักแสดงที่เล่นด้วยกันมาก ๆ แค่ผมมองตาเขาเวลาที่แสดง มันทำให้เข้าใจถึงปมของตัวละครได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อใจคุณโซฮีครับ
ฮันโซฮี: พวกเขาต้องสกัดความรู้สึกเอาไว้ เพราะทั้งสองคนมีสิ่งที่ต้องปกป้อง ก็เหมือนกับที่คุณพัคซอจุนพูด กว่าจะได้กลับมาถ่ายฉากเดียวกันมันใช้เวลานานมาก เดี๋ยวเขาก็โดนขัง เดี๋ยวฉันก็บาดเจ็บ มันเลยยิ่งทำให้แสดงออกถึงความรักที่มีแต่ต้องอยู่แยกจากกันได้ง่ายขึ้น แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องรักของชายหญิง แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการร่วมมือกันเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันไม่อยากให้ผู้ชมสนใจแค่เส้นเรื่องความรักนะคะ แต่อยากให้เห็นว่าพวกเขาพยายามร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดค่ะ
ฝากอะไรกับแฟน ๆ ทั่วโลก
ผู้กำกับจองดงยุน: วันที่ 22 ธันวาคมนี้จะสตรีมแล้ว หวังว่าจะชอบ ‘Gyeongseong Creature’ กันนะครับ ขอบคุณครับ
พัคซอจุน: พวกเราพูดเรื่องบทกันไปเยอะแล้ว ผมอยากบอกเพิ่มเติมว่าในระหว่างถ่ายทำ ผมเฝ้ารอวันที่ 22 ธันวาคม ที่งานชิ้นนี้จะสตรีมมากเลย ไว้เรารอดูด้วยกันนะครับ
ฮันโซฮี: เราทำงานหนักกันมา 2 ปี ในที่สุดซีรีส์เรื่องนี้ก็จะสตรีมแล้ว พวกเราทุ่มเทกันมาก ๆ ในการทำ อยากให้รอชมและติดตามกันนะคะ
ซีรีส์เรื่องนี้จะแบ่งออกเป็น 2 พาร์ตด้วยกัน 7 ตอนแรก (พาร์ต 1) สตรีมมิงวันที่ 22 ธันวาคม 2023 และ 3 ตอนสุดท้าย (พาร์ต 2) สตรีมมิงวันที่ 5 มกราคม 2024
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส