แม้ว่า ‘Die Hard’ (1988) จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังแอ็กชันมันระห่ำที่กลายมาเป็นไอคอนเรื่องหนึ่งของยุค 80’s รวมทั้งยังเป็นแม่แบบของบรรดาหนังแอ็กชันรุ่นลูกหลานที่ออกมาภายหลัง รวมทั้งยังแจ้งเกิดให้อดีตนักแสดงสายรอมคอม เจ้าของบทบาท จอห์น แม็กเคลน อย่าง บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) กลายเป็นแอ็กชันสตาร์แบบเต็มตัว แต่ความแปลกของหนังเรื่องนี้คือ ในสื่อหลาย ๆ เจ้ามักจะจัดให้ ‘Die Hard’ (เฉพาะภาคแรก) เป็นหนังประจำเทศกาลคริสต์มาสอยู่เป็นประจำ และก็มักจะเป็นหนังแอ็กชันเพียงเรื่องเดียวที่แหวกกระแสเข้ามาร่วมลิสต์หนังคริสต์มาสเป็นประจำทุกปี
เรื่องราวโดยย่อของ ‘Die Hard’ ที่ดัดแปลงจากหนังสือนิยาย ‘Nothing Lasts Forever ‘ ผลงานของ ร็อดเดอริก ธอร์ป (Roderick Thorp) ว่าด้วยเรื่องของ จอห์น แม็กเคลน นายตำรวจสืบสวนสอบสวนแห่งกรมตำรวจนครนิวยอร์ก ได้เดินทางมาที่ลอสแองเจลิส เพื่อมาหาฮอลลี (บอนนี เบเดเลีย – Bonnie Bedelia) ภรรยาผู้เหินห่างที่ทำงานอยู่ในอาคารสำนักงานนากาโตมิพลาซา (Nakatomi Plaza) ในวันคริสต์มาสอีฟ แต่ในขณะเดียวกัน แก๊งผู้ก่อการร้ายชาวเยอรมัน ที่นำทีมโดย ฮานส์ กรูเบอร์ (อลัน ริกแมน – Alan Rickman) ได้ยกกำลังเข้ายึดตึกเพื่อปล้นเงินในตู้เซฟ และจับคนบนตึกไว้เป็นตัวประกัน แม็กเคลนจึงต้องเข้าระงับเหตุร้าย และช่วยภรรยาออกมาจากตึกให้ได้

ซึ่งด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันคริสต์มาสอีฟนี่แหละที่ทำให้หลายคนสงสัยว่า ควรจะนับ ‘Die Hard’ เป็นหนังคริสต์มาสได้ไหม บางคนก็บอกว่านับ เพราะถือว่าเหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าหนังคริสต์มาสโดยปกติก็มักจะเป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว ไม่ใช่หนังบู๊โหดติดเรต R เหมือนหนังเรื่องนี้
แล้วอีกอย่าง หนังคริสต์มาสส่วนใหญ่ก็มักจะมีความ Festive คือมีบรรยากาศเฉลิมฉลองเหมือนหนังคริสต์มาสทั่ว ๆ ไป เช่น ‘Home Alone’ (1990), ‘How the Grinch Stole Christmas’ (2000) หรือ ‘Elf’ (2003) ฯลฯ แต่ ‘Die Hard’ ดันมีแต่แอ็กชันยิงเลือดสาด เอาตรงไหนมา Festive ก่อน
ซึ่งแน่นอนว่า บรรดาทีมงานและนักแสดงต่างก็เคยพูดถึงและตอบคำถามนี้มาแล้วเช่นกัน คนแรกก็คงหนีไม่พ้นนักแสดงนำอย่างวิลลิส ที่เคยแสดง Roast (การแสดงตลกแนวเผาหรือแซวต่อหน้า) เกี่ยวกับเรื่องนี้ในงาน Comedy Central ในเดือนกรกฎาคม 2018 พร้อมกับทิ้งท้ายประโยคดังจากหนัง
“ที่ผมมาเล่นตลกตรงนี้ เป็นเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น เพื่อจัดการกับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนนี้โปรดตั้งใจฟังให้ดี ‘Die Hard’ ไม่ใช่หนังคริสต์มาสโว้ย! แต่มันเป็นหนังโคตรเทพของ บรูซ วิลลิส เพราะฉะนั้น ยิปปี้ไคเย่นะไอ้แม่เยอะ! (“Yippee-Ki-Yay, Motherf***ker!”)”
ในขณะที่นักแสดงร่วมอย่าง เรจินัลด์ เวลจอห์นสัน (Reginald VelJohnson) ผู้รับบทเป็นจ่าสิบเอก อัล พาวเวลล์ แห่งกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ที่แม้จะไม่ได้เชื่อว่ามันจะเป็นหนังคริสต์มาสตอนถ่ายทำ และคงไม่ได้ถึงขนาดอยากประกาศว่าเห็นด้วย แต่ถ้าผู้ชมมองว่าใช่ เขาเองก็ไม่ได้ติดอะไร
“ตอนผมถ่ายหนัง ‘Die Hard’ ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นหนังคริสต์มาสด้วยซ้ำ ผมรู้ว่ามันมีธีมคริสต์มาสในหนัง แต่มันก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจ และผมไม่เคยรู้ว่ามันเป็นหนังคริสต์มาสเลย จนกระทั่งคนดูมาบอกผม และเมื่อคนดูบอกว่ามันเป็นหนังคริสต์มาส ผมก็ ‘ช่าย…ใช่เลย มันเป็นหนังคริสต์มาส ถ้าคุณอยากให้เป็นน่ะนะ ตราบใดที่คุณยังดูหนังเรื่องนี้อยู่ ผมก็โอเค’ และตอนนี้มันก็กลายเป็นหนังธีมคริสต์มาสไปแล้ว เขาเอามาฉายกันทุกวันคริสต์มาส ซึ่งผมก็โอเค ไม่ได้ติดอะไร”

ในขณะที่ สตีเวน อี เดอ โซซา (Steven E. de Souza) หนึ่งในผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้ร่วมกับ เจบ สจวร์ต (Jeb Stuart) ได้โพสต์ลงใน X ของตนเองเมื่อวันคริสต์มาสอีฟ ปี 2017 หลังจากที่ เจค แท็ปเปอร์ (Jake Tapper) ผู้ประกาศข่าวของ CNN ได้โพสต์ถามว่า เขาและสจวร์ตคิดว่าหนังเรื่องนี้คือหนังคริสต์มาสหรือไม่ เดอ โซซาตอบกลับเพื่อแสดงความเห็นด้วยแบบสั้น ๆ ว่า “ใช่ เพราะว่าสตูดิโอเขาไม่เอาดราฟต์ปูริม” พร้อมแฮชแท็ก #DieHardIsAChristmasMovie
คำว่าปูริม (Purim) หมายถึงเทศกาลวันหยุดของชาวยิว คล้ายกับเทศกาลคริสต์มาสที่เป็นวันหยุดของชาวคริสต์เช่นกัน อารมณ์ประมาณว่าอยากให้ จอห์น แม็กเคลน ออกตะลุยวันสงกรานต์ (วันหยุดของไทย) เหมือนกัน แต่เดี๋ยวคนทั่วโลกอาจจะไม่อิน เลยเปลี่ยนบทให้เกิดเหตุช่วงเทศกาลคริสต์มาสแทน
ส่วนผู้กำกับอย่าง จอห์น แม็คเทียร์แนน (John McTiernan) ได้ให้สัมภาษณ์ในปี 2022 แบบกลาง ๆ ว่า ‘Die Hard’ จะเป็นหนังคริสต์มาสหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับผู้ชมว่าจะคิดเห็นอย่างไร เพราะหนังเป็นของคนดูทุกคน
“มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูดเองครับ แต่เป็นคนดูต่างหาก หนังมีไว้สำหรับคนดู ถ้าคนดูจะคิดว่ามันเป็นหนังคริสต์มาส มันก็เป็นหนังคริสต์มาส คือตัวหนังไม่ได้ตั้งใจให้เป็นหนังคริสต์มาสหรอก ความจริงคือหนังมันจงใจเล่าในช่วงคริสต์มาสก็จริง แต่มันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นหนังคริสต์มาสอะไร”
“ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีความเกี่ยวข้องกับคริสต์มาสอยู่ แต่เอาจริง ๆ แล้วมันมีความเป็นการเมืองเข้มข้นมากนะ และเหตุผลเดียวที่มันรอดจากการสั่งเบรกของสตูดิโอมาได้ เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่หนังแอ็กชันในปาร์ตี้คริสต์มาสแย่ ๆ เรื่องหนึ่ง”
ที่มา: Screen Rant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส