เมื่อถึงวาระช่วงสิ้นปี ก็ได้เวลาที่ทีมนักเขียนรีวิวของ beartai BUZZ จะร่วมกันคัดเลือก สุดยอดภาพยนตร์ที่เข้าฉายในรอบปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ก็เป็นดังเช่นในทุก ๆ ปี ทีมนักเขียนของเราจะร่วมกันเสนอชื่อภาพยนตร์แห่งปีตามทัศนะและมุมมองของนักเขียนแต่ละคน ก่อนจะสรุปได้เป็น 10 รายชื่อหนังที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ทั้งในแง่ของรายได้ คำวิจารณ์ ความประทับใจ กระแสนิยม และอีกหลายปัจจัย ทั้งหนังที่เข้าฉายในโรง รวมทั้งผลงานหนังออริจินัลของสตรีมมิงแต่ละแพลตฟอร์มที่ถูกคัดเลือกให้เป็น 10 สุดยอดภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีในทัศนะและความประทับใจของทีมนักเขียนรีวิวโดยเฉพาะ
ภาพรวมของภาพยนตร์ตลอดทั้งปี 2023 นี้ สำหรับฮอลลีวูด ในปีนี้ถือเป็นปีทองของบรรดาหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดบรรดาแฟรนไชส์หนังที่มีทั้งจบแบบสำเร็จและล้มเหลว ในขณะที่ปีนี้ถือเป็นปีที่ตลาดหนังซูเปอร์ฮีโรเริ่มอิ่มตัวอย่างชัดเจน
ในขณะที่ภาพรวมของหนังไทยในปีนี้ถือเป็นปีที่น่าชื่นใจ เพราะถือเป็นปีที่ค่ายหนังพยายามเสิร์ฟความแปลกใหม่ให้กับวงการ ปีนี้หนังไทยคุณภาพเจ๋งหลายเรื่องจึงสร้างปรากฏการณ์ สามารถทำรายได้แตะหลักร้อยล้าน และไปถึงพันล้านบาทได้ในที่สุด
ส่วนผลงานออริจินัลของสตรีมมิง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่แต่ละแพลตฟอร์มเริ่มขับเคี่ยวกันด้วยผลงานที่มีคุณภาพและแปลกใหม่ทั้งในแง่บท และคุณภาพของงานสร้างที่พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้ผลงานที่ได้รับคำชื่นชมส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานหนังที่มีพร้อมทั้งบทที่ดี และงานสร้างที่ดีพอจะฉายในโรงได้
หมายเหตุ: 10 รายชื่อภาพยนตร์ดังกล่าวเรียงลำดับตามวันที่ออกฉาย มิใช่การจัดอันดับแต่อย่างใด
‘John Wick: Chapter 4’
หนังปิดฉากนักฆ่าบาบายาก้า จากสุนัข 1 ตัว เดินทางมาสู่บทสรุปมหากาพย์นองเลือดที่ยกระดับความดุเดือดจัดเต็มกว่า 3 ชั่วโมง อัดกันแบบแทบไม่มียั้งด้วยฉากแอ็กชันสไตล์ฟิล์มนัวร์ งานลองเทคยาว ๆ แบบสาแก่ใจ งานภาพสุดอลังการ งานสร้างสุดหรูหรา งานสตันท์อันหนักหน่วง ชนิดที่ถ้าไม่ให้เครดิตทีมสตันท์ ถือว่าผิดบาปอย่างร้ายแรง ผสมผสานความเท่ตามสไตล์ จอห์น วิค เข้ากับความดิบโหดออกมาได้อย่างไม่ประนีประนอม แต่ทำออกมาได้ลงตัว ตัวละครทุกตัวล้วนมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ นี่คือบทสรุปสุดท้าย (?) ที่เหมาะควรที่สุดกับชีวิตการเป็นนักฆ่า ที่ จอห์น วิค เฝ้าหามาทั้งชีวิต
‘Guardians of the Galaxy Vol.3’
ภาพยนตร์ปิดไตรภาคแก๊งซูเปอร์ฮีโรพิทักษ์จักรวาลสุดเกรียน และทิ้งทวนการทำงานร่วมกันครั้งสุดท้ายของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) กับ Marvel Studios ก่อนจะย้ายไปเป็นแม่ทัพฝั่ง DC ที่ยังคงมีครบทั้งเพลงเพราะ แอ็กชันเท่มันระเบิด มุกฮาเกรียน โปรดักชันสุดเพี้ยน และเรื่องราวสุดสะเทือนใจ ที่ถูกเล่าออกมาอย่างเข้าอกเข้าใจตัวละคร และเข้าใจผู้ชมอย่างที่สุด ส่งผลทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นบทสุดท้ายของเรื่องราวที่อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ครบครันทั้งความเร้าใจ ฮาระเบิด ซึ้งน้ำตาซึม ยิ้มอิ่มใจหลังดู แต่เหนืออื่นใด คงเป็นเรื่องยากสำหรับคนดูสายใจไม่แข็ง ที่จะไม่รู้สึกรักและคิดถึงบรรดาตัวละครแก๊งเกรียนเหล่านี้แบบจับใจหลังดูจบ
รับชมได้ทาง Disney+Hotstar
‘Oppenheimer’
ปฏิกิริยาลูกโซ่ และแรงระเบิดลูกใหญ่ของผู้กำกับวิสัยทัศน์เยี่ยมแห่งยุค คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) กับการค่อย ๆ กระเทาะแก่นและกระพี้ของ เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) บุรุษผู้อยู่เบื้องหลังโครงการแมนฮัตตัน ผู้ให้กำเนิดระเบิดปรมาณู ที่เล่าอย่างทรงพลังผ่านงานสร้าง Practical Effect ล้วน ๆ รวมทั้งการรีดเค้นศักยภาพของระบบ IMAX แบบเต็มกระเบียดตั้งแต่งานภาพที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มสี สลับกับฟิล์มขาวดำเพื่อเล่าเรื่องสลับ 2 ไทม์ไลน์ งานด้านเสียงสุดกระหึ่ม เพลงสกอร์ของ ลุดวิก เยอรันซอน (Ludwig Göransson) ทั้งหมดนี้ค่อย ๆ เร่งปฏิกิริยาผู้ชมตลอด 3 ชั่วโมง ปะทุกลายเป็นระเบิดปรมาณูทางอารมณ์ที่ไม่มีวันจาง
รับชมได้ทาง Apple TV
‘Barbie’
แม้ไอเดียจะฟังดูเป็นหนังไลฟ์แอ็กชันของเล่นก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ขายความ Woke แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ Woke แค่เพียงเปลือก นอกจากจะเป็นหนังที่หยิกแกมหยอกป๊อปคัลเจอร์ มุมมองทางเพศ ความเป็นชายแท้ และหันกลับมาหยิกกัดปูมหลังตัวเองได้แบบแสบ ๆ คัน ๆ ดีแท้ ยังเป็นหนังตุ๊กตาที่ดันเต็มไปด้วยหัวจิตหัวใจและความรู้สึกแบบมนุษย์มนาอย่างเต็มเปี่ยม แถมยังเป็นหนังบันเทิงสีชมพูลั้นลา ที่เคล้าด้วยมุกฮางานสร้างและบทสุดเซอร์เรียล แต่กล้าสอดไส้คำถามเชิงปรัชญาให้คนดูขบคิดหลายตลบ พร้อมปลอบประโลมด้วยการมอบคุณค่าของการมีชีวิตเอาไว้ให้น้ำตาซึมได้อย่างร้ายกาจ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหนังเรื่องนี้จึงวิ่งแซงแตะหลักพันล้านเหรียญ เพราะจริง ๆ แล้วชายแท้เขาก็ดู ‘Barbie’ กันนี่แหละ…
รับชมได้ทาง HBO GO, Apple TV
‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’
คำกล่าวที่ว่า Sony ทำ Spider-Verse ในรูปแบบแอนิเมชันได้ดีกว่ารูปแบบหนังไลฟ์แอ็กชัน อาจไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง เพราะภาคต่อดีกรีรางวัลออสการ์ ‘Spider-Man: Into the Spider-Verse’ (2018) เรื่องนี้มีดีที่ความเล่นใหญ่ในการนำเสนอการเดินทางข้ามมัลติเวิร์สสุดอลังการ การนำเสนอภาพของจักรวาลสไปเดอร์-แมน หรือ Spider-Society อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งตัวละครเหล่าสไปเดอร์-แมนลีลาเหลือร้าย และวายร้ายสุดเจ๋ง งานภาพสุดบ้าพลังแบบกะพริบตาไม่ลง การเคารพจักรวาลสไปเดอร์-แมนแบบสุดติ่ง พัฒนาการตัวละคร ดราม่าครอบครัวเข้มข้น นี่คือแอนิเมชันที่ทำถึงและเหนือชั้นในทุกด้าน ซีเรียส บันเทิงมีครบถ้วน แต่แอบทรมานนิดหน่อยตรงที่จบแบบไม่รู้ว่าภาคต่อไปจะมาเมื่อไหร่
รับชมได้ทาง Netflix, Apple TV
‘Past Lives’
มีหนังดราม่าโรแมนติกหลายเรื่องที่เล่าเรื่องของ ‘พรหมลิขิต’ มากมาย แต่หนังดราม่ากลิ่นเอเชียของค่าย A24 ฝีมือการกำกับและเขียนบทของ เซลีน ซง (Celine Song) เรื่องนี้ ทรงพลังด้วยการใช้ Pacing ของหนังที่ไม่รีบร้อน บท วิธีการเล่าเรื่องของหนัง และโปรดักชันอันเรียบง่าย สะท้อนการเติบโตและความคิดที่สะท้อนผ่านคน 2 คนที่ถูกขับเคลื่อนเรื่องราวไปด้วยโชคชะตาหรือพรหมลิขิตได้อย่างละเมียดละไม เต็มไปด้วยบทสนทนาอันสมจริง จังหวะการเล่าเรื่องอันเนิบช้าที่ชวนให้ผู้ชมสัมผัสถึงตัวละครได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบทบาทของ เกรตา ลี (Greta Lee) และ ยูแทโอ (Yoo Teo) ที่ส่งเสริมกัน ทำให้หนังเต็มไปด้วยความกลมกล่อมและลึกซึ้งกินใจมากยิ่งขึ้น
‘Monster’
ผลงานของผู้กำกับญี่ปุ่นนามอุโฆษ ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ (Hirokazu Koreeda) ที่สะท้อนเรื่องราววังวนของมนุษย์ และตบหน้าผู้ชมด้วยความจริงอันแสนจะหดหู่ของสังคมญี่ปุ่น ผ่าน 3 มุมมองเรื่องราวของ 3 ตัวละครภายในเหตุการณ์เดียวกัน ที่พาผู้ชมเข้าไปสู่วังวนอันสลับซับซ้อน ภายใต้การดำเนินเรื่องอันเชื่องช้าและเรียบนิ่ง กลายเป็นหนังดราม่าสุดเข้มข้นที่ตีแผ่ประเด็นอันตกผลึกได้อย่างเหนือชั้น เต็มไปด้วยความหดหู่และงดงาม การันตี 2 รางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ และองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ก็คือ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ฝีมือของ ริวอิจิ ซากาโมโตะ (Ryuichi Sakamoto) นักดนตรีและนักประพันธ์เพลงผู้ล่วงลับ ที่ฝากผลงานบรรเลงเปียโนเอาไว้เป็นมรดกชิ้นสุดท้าย
‘สัปเหร่อ’
แม้จนถึงสิ้นปี 2023 คนไทยจะยังคงถกเถียงถึงความหมายของคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) แต่ถ้าในแง่ของกระแส จะเรียกว่าหนังเรื่องนี้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ของวงการภาพยนตร์ไทยในปี 2023 ก็ว่าได้ เพราะปรากฏการณ์การเป็นหนังระดับรายได้ 1,000 ล้านบาทเรื่องแรกของแฟรนไชส์ ‘ไทบ้าน เดอะซีรีส์’ และเรื่องที่ 2 ของไทยนั้นไม่ใช่เรื่องที่ได้มาแบบฟลุค ๆ เพราะหนังเรื่องนี้สามารถผสมจังหวะมุกเฉพาะตัวสไตล์ไทบ้าน วิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบไทย ๆ เข้ากับการสะท้อนปรัชญาความตายด้วยไอเดียบ้าน ๆ แต่กลับทัชใจผู้ชมในวงกว้างได้อย่างน่าประทับใจ แถมยังเป็นหนังไทยไม่กี่เรื่องที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงระดับรัฐบาล และสร้างแรงสะเทือนให้ประชาชนคนไทยตาดำ ๆ ต้องมานั่งทบทวนขบคิดหาคำนิยามกันใหม่ว่า ตกลงแล้วซอฟต์พาวเวอร์มันคืออะไรกันแน่
‘Killers of the Flower Moon’
หนังอภิมหาโศกนาฏกรรมสันดานมนุษย์ ผลงานของผู้กำกับชั้นครูวัยหลัก 8 มาร์ติน สกอร์เซซี (Matin Scorsese) ที่หยิบเอาเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ชนพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา มาสะท้อนเรื่องราวของความละโมบโลภมาก ที่เป็นชนวนเหตุของอาชญากรรมต่อเนื่อง แม้แม้หนังจะยาวบรมถึง 3 ชั่วโมง 26 นาที แต่ครูยังไงก็ยังเป็นครู ปู่มาร์ตี้สามารถใช้ชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง True Crime และดราม่าง่าย ๆ ให้เต็มไปด้วยภาพความรุนแรง เผยผิว เผยสันดาน ความโหดร้ายของมนุษย์ที่อยู่ในตัวละครออกมาอย่างเข้มข้น เป็นหนังความยาวเกือบ 4 ชั่วโมงที่เรียบง่ายแต่เขย่าขวัญ ผสมความสะอิดสะเอียนในความชั่วร้ายของมนุษย์จนไม่อยากละสายตา และไม่แน่เราอาจได้เห็น ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) และ ลิลลี แกลดสโตน (Lily Gladstone) ขึ้นรับรางวัลสักเวทีก็เป็นได้
รับชมได้เร็ว ๆ นี้ทาง Apple TV
‘มนต์รักนักพากย์’
แม้ประวัติศาสตร์หนังไทยยุค ‘มิตร-เพชรา’ หรือยุคฟิล์ม 16 มิลลิเมตร จะถือเป็นยุคสมัยอันเรืองรอง แต่แทบไม่มีหนังเรื่องไหนที่กล้าหยิบเอาประวัติศาสตร์ข้างเคียง มาผสมเข้ากับเรื่องราวของกลุ่มคนทำอาชีพฉายหนังขายยา ที่หายสาบสูญไปแล้วได้อย่างซื่อ ๆ แต่อิ่มอุ่นได้เท่ากับหนังเรื่องนี้มาก่อน นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับ นำเสนอเรื่องราวดราม่าความรักง่าย ๆ ของคนฉายหนังขายยา และนักพากย์เสียงสด สะท้อนวัฏจักรความเฟื่องฟู-ถดถอยของหนังขายยา และวงการหนังไทย ที่มีการเสียชีวิตของ มิตร ชัยบัญชา เป็นจุดสิ้นสุด ผ่านบรรยากาศที่เข้าถึงง่าย งานสร้างที่สมจริง รวมทั้งตัวละครที่มีเสน่ห์กุมหัวใจได้อยู่หมัด โดยเฉพาะ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ในบทลุงหมาน ที่ดูแล้วอาจนึกถึงหรือระลึกถึงญาติ หรือลุงแก่ ๆ ใจดีที่เราสนิทสนมด้วยมาก ๆ สักคนอย่างอดไม่ได้
รับชมได้ทาง Netflix
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส