เมื่อถึงวาระช่วงสิ้นปี ก็ได้เวลาที่ทีมนักเขียนรีวิวของ beartai BUZZ จะร่วมกันคัดเลือกสุดยอดทีวีซีรีส์ ที่เข้าฉายในรอบปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ก็เป็นดังเช่นในทุก ๆ ปี ทีมนักเขียนของเราจะร่วมกันเสนอชื่อซีรีส์แห่งปี ตามทัศนะและมุมมองของนักเขียนแต่ละคน

ก่อนจะสรุปได้เป็น 10 รายชื่อซีรีส์หลากแนว หลายสัญชาติ จากทุก ๆ แพลตฟอร์มที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ทั้งในแง่ของคำวิจารณ์ ความประทับใจ กระแสนิยม และอีกหลายปัจจัย ที่ถูกคัดเลือกให้เป็น 10 สุดยอดซีรีส์ยอดเยี่ยมแห่งปีในทัศนะและความประทับใจของทีมนักเขียนรีวิวโดยเฉพาะ

ภาพรวมของซีรีส์ตลอดทั้งปี 2023 นี้ยังถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของบรรดาแพลตฟอร์มสตรีมมิง ที่แม้ว่าจะมีซีรีส์หลากรสหลายแนวออกมาเสิร์ฟให้ผู้ชมได้ดูกันตลอดทั้งปี และผู้ชมก็พร้อมเปิดใจรับซีรีส์แนวทางใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้เสมอ รวมทั้งซีรีส์ไอเดียล้ำ ๆ หรือแม้แต่ซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันจากสื่อต่าง ๆ ทั้งแอนิเมชันและเว็บตูน

แต่ซีรีส์ที่จะดึงผู้ชมแบบเอาอยู่และได้รับคำชื่นชม และกลายเป็นกระแสบอกต่อได้อย่างแท้จริง ก็ยังคงต้องเป็นซีรีส์ที่ถึงพร้อมด้านคุณภาพ ทั้งในแง่ของบทภาพยนตร์ งานสร้าง นักแสดง ซึ่งปีนี้ก็ยังคงมีซีรีส์ระดับคุณภาพที่ใส่ใจและทำถึงอย่างชัดเจน และที่อดชื่นใจไม่ได้ก็คือ ในลิสต์นี้มีซีรีส์สัญชาติไทยที่ติดเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าพัฒนาการของซีรีส์สายเลือดไทยก็เรียกได้ว่ามาแรงไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

หมายเหตุ: 10 รายชื่อซีรีส์ดังกล่าวเรียงลำดับตามวันที่ออกฉาย มิใช่การจัดอันดับแต่อย่างใด


‘The Last of Us’
The Last of Us

ไลฟ์แอ็กชันดัดแปลงจากเกมใครว่าห่วยเสมอไป เพราะ ‘The Last of Us’ คือตัวอย่างชั้นยอดของการดัดแปลงเรื่องราวจากวิดีโอเกม ให้กลายเป็นซีรีส์ได้ยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุด เพราะนอกจากจะยังให้ความเคารพ เก็บใจความในเกมที่ทำได้อย่างถูกควรแล้ว การดัดแปลงเนื้อเรื่องบางส่วน เพื่อลงรายละเอียดให้กับตัวละครได้พัฒนาได้อย่างตรงต้องจากเกมต้นฉบับต้องการจะบอกเล่า แม้การคัดเลือกนักแสดงอาจจะไม่ได้ถึงกับแกะจากต้นฉบับ แต่การเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม หรือบางครั้งอาจดีกว่าเกมต้นฉบับด้วยซ้ำ รวมทั้งการเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่บางส่วนเพื่อให้ดำเนินเรื่องที่ไม่ได้เป็นไปเพราะแค่อยากเล่า แต่เป็นไปเพื่อการเล่าเรื่องที่ยังคงอรรถรสจากเกมต้นฉบับเอาไว้ ทำให้นี่ไม่ใช่เพียงแค่ซีรีส์ซอมบี้ที่เอาเกมมาเล่า แต่ยังเป็นซีรีส์ที่มีหัวจิตหัวใจ คนไม่เล่นเกมก็ยังดูได้สนุกและขนลุกไม่แพ้เกม

รับชมได้ทาง HBO GO


‘The Glory’

หากพูดถึงซีรีส์แนวแก้แค้นของยุคนี้ นี่คือชื่อลำดับต้น ๆ ที่ไม่ควรเลี่ยงที่จะพูดถึง เพราะนี่คือซีรีส์ 2 พาร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยแรงแค้นของมุงดงอึนโดยแท้ แถมเป็นการแก้แค้นที่หอมหวานและเย้ายวน ด้วยการวางรากฐานด้วยการให้นางเอกกลับไปแก้แค้นอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่เคยรุมบูลลี ก่อนจะค่อย ๆ แผ่ขยายให้เห็นการเติบโตของทั้งมุนดงอึน จากเด็กหญิงที่ถูกชะตากลั่นแกล้งที่เลื่อนสถานะตน กับเหล่าอดีตเพื่อนชีวิตรุ่งโรจน์ แต่กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายไร้มนุษยธรรม เพื่อปูทางไปสู่บทสรุปการแก้แค้นแบบสะใจ ไร้ข้อกังขา และไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผิดมากที่สุด ในขณะที่ก็ยังแอบหยอดมุมโรแมนติกแบบคุมโทนพอให้มีรสชาติ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เหนือสิ่งอื่นใด นี่น่าจะเป็นหนึ่งในบทบาทที่น่าจดจำมากที่สุดของ ซงฮเยคโย (Song Hye Kyo) หลังจากนี้แน่ ๆ

รับชมได้ทาง Netflix


‘Beef’
Beef

มินิซีรีส์ที่เปิดตัวด้วยภาพความตลกร้ายของ 2 ตัวละคร ที่เบ่งบานกลายเป็นเหตุการณ์ตลกร้ายวายป่วง ผสมรสชาติความเพี้ยนแปลก+ความเป็นเอเชียนสไตล์ A24 แต่เนื้อแท้ของซีรีส์คือการสะท้อนภาพความบรรลัยของโลกและผู้คน โดยเฉพาะคนเจน Y ที่ต้องเผชิญกับความเฮงซวยห่วยแตกภายใต้โลกที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุนิยม ภาพของผู้คนแสนดัดจริตที่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน และมุมมองการใช้ชีวิตอันผิดเพี้ยนไม่ตรงร่องตรงรอยของคน 2 คน ที่นำไปสู่ความฉิบหายวายป่วงแบบไร้ขีดจำกัด ที่ว่าฉิบหายได้แล้วก็ยังฉิบหายกว่านี้ได้อีก ก่อนที่ซีรีส์จะระเบิดความฉิบหายนั้นจนเหลือแต่เถ้าแห่งความว่างเปล่าและการไถ่บาป ที่ทำให้ทั้งตัวละครและผู้ชมได้ร่วมแสวงหาความเป็นมนุษย์อันจริงแท้ไปด้วยแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ

รับชมได้ทาง Netflix


‘Succession’

ซีรีส์ที่ขนานนามปากต่อปากว่าเป็นอีกหนึ่ง ‘ของดี’ ทั้งคำวิจารณ์ กระแส และรางวัลอีกหนึ่งเรื่องของ HBO ที่เดินทางมาสู่บทสรุปสุดท้ายในซีซันที่ 4 ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์อย่างเหนียวแน่น ทั้งตลกแนว Dark Comedy อันร้ายกาจที่ออกมาจากการผรุสวาท ด่าทอ โจมตีของบรรดาตัวละคร ฉากและการนำเสนอที่เต็มไปด้วยความเซอร์เรียล พิลึกพิเรนทร์ ความแสบสันร้ายลึกของบรรดาตัวละครคนรวย ที่ซีซันนี้สามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเหนียวแน่นและน่าดึงดูดใจ บทสนทนาที่แม้จะคุยกันแทบทั้งเรื่อง แต่กลับดึงดูดใจได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งการแสดงที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม และนำไปสู่บทสรุปสุดท้ายของการเสียดสีแย่งชิงมรดก ที่เรียกได้ว่าน่าพึงพอใจยิ่งนัก

รับชมได้ทาง HBO GO


‘Ted Lasso’
Ted Lasso

ซีรีส์ดราม่าลูกหนัง ที่ให้อะไร ๆ ยิ่งกว่าแค่การเป็นซีรีส์วงการกีฬาฟุตบอลเฉย ๆ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยังตีแผ่จิกกัดความต่างของวัฒนธรรมฟุตบอลของอังกฤษ และซอกเกอร์ (Soccer) ของอเมริกันได้อย่างมีชั้นเชิง เต็มไปด้วยบทสนทนาอันเฉียบคม ตัวละครที่เข้าถึงได้ง่าย การวางจังหวะมุกตลกได้อย่างพอเหมาะ สร้างสถานการณ์ให้ตัวละครมีพัฒนาการไปพร้อม ๆ กับรอยยิ้ม หาแง่มุมอันดีงามในการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดและการเปลี่ยนแปลงได้อย่างพอดิบพอดี จนกลายเป็นสุดยอดซีรีส์ฟีลกู้ดที่ดีที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี และโมเมนต์ที่ดีที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ และสำหรับคอบอลก็คือ การปรากฏตัวของ เปป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) กุนซือของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นครั้งแรกในโลกของซีรีส์

รับชมได้ทาง Apple TV+


‘Moving’
ซีรีส์ Moving ติดอันดับ

อาการเบื่อหน่ายคอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโรนั้นไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง และไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และยิ่งได้เจอกับซีรีส์แอ็กชันแฟนตาซีซูเปอร์ฮีโรสัญชาติเกาหลีใต้เรื่องนี้ จะยิ่งเห็นภาพในสิ่งที่หนังซูเปอร์ฮีโรฟอร์มยักษ์ก็อาจให้ไม่ได้ ทั้งการเปิดเรื่อง ขมวดปม ทิ้งปมได้อย่างรวดเร็วไม่มีช่วงน่าเบื่อ แต่ให้เวลาในการเล่าปูมหลังของแต่ละตัวละครอย่างไม่เร่งรีบ รวมทั้งการสอดแทรกความมีหัวใจของคนเหนือมนุษย์ที่ไม่ใช่แค่สาดพลังไปมา แต่ยังเต็มไปด้วยหัวใจ จากการสื่อสารกับคนดูในหลากหลายประเด็น ทั้งความรักในครอบครัว มิตรภาพ แม้แต่ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนได้อย่างพอเหมาะพอดี สอดแทรกอารมณ์แบบครบทุกรส ทั้งคอมมีดี้ โรแมนติก ทริลเลอร์ แอ็กชันโหดสะใจแบบไม่มีจืดชืด จนทำให้ 20 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เยอะเกินไปสำหรับการรับชม

รับชมได้ทาง Disney+Hotstar


‘Mask Girl’
Mask Girl

อีก 1 ซีรีส์เกาหลีกระแสดีในรอบปีนี้ของ Netflix ที่สามารถดัดแปลงการสะท้อนและจิกกัดเสียดสีสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานความงาม หรือ Beauty Standard ของผู้คนในสังคมได้อย่างแหลมคมยิ่งกว่าต้นฉบับ การคุมธีมอารมณ์ได้อย่างน่ากลมกล่อม มีบทที่ดี ที่สามารถเดินเรื่องได้อย่างฉลาด ด้วยหลากหลายโหมด ทั้งดาร์กแบบจิต ๆ ซีเรียสจริงจัง และมุกตลกร้ายเบาสมอง การแสดงที่เปลี่ยนโทนหนังผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละตัวที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ การเฉลยความจริงอันแสนยอกย้อนที่ล่อหลอกผู้ชมได้มันมาก ๆ แถมยังได้ข้อคิดข้อถกเถียงให้ไปคิดต่อได้อย่างสนุก ติดหนึบชนิดที่ถ้าดูไปแล้ว จะหยุดดูกลางคันก็ถือว่าทำใจยาก

รับชมได้ทาง Netflix


‘One Piece’
นักพากย์วันพีซ One Piece Netflix

ประวัติศาสตร์ของการดัดแปลงต้นฉบับจากมังงะ หรืออนิเมะในรูปแบบไลฟ์แอ็กชันนั้นล้วนแต่เต็มไปด้วยผลงานอันด่างพร้อย ยิ่งกับการดัดแปลงการ์ตูนที่มีความยากในยาก เต็มไปด้วยเรื่องราวแนวแฟนตาซีจ๋า ๆ แถมจำนวนตอนยาวเหยียดอย่าง ‘One Piece’ ให้กลายเป็นไลฟ์แอ็กชันก็ยิ่งน่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ก็คือ แม้ตัวหนังจำเป็นต้องตัดตอนเนื้อเรื่องออกไปจำนวนมาก แต่การคงไว้ซึ่งการเคารพต้นฉบับ ทั้งการคงใจความของซีรีส์ การรักษาคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักที่สร้างพื้นฐานของตัวละครได้อย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งการปรับบท ขมวดปมเพื่อสนับสนุนเนื้อเรื่องที่สำคัญเอาไว้อย่างแนบเนียนและไม่ทำลายใจความสำคัญจากต้นฉบับ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงรสคงชาติเรื่องราวของโลกแห่งวันพีซเอาไว้ได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด

รับชมได้ทาง Netflix


‘Loki Season 2’
Loki Season 2 © 2023 MARVEL

ท่ามกลางวิกฤติขาลงของคอนเทนต์ซูเปอร์ฮีโรในแง่ของคุณภาพ ซึ่งซีรีส์ของ Marvel Studios ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กลับมีซีรีส์เรื่องนี้ที่แตกต่าง ด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับการเล่าเรื่องการผจญภัยข้ามเส้นเวลา ควบการไถลไปมาในลูปของเวลาที่ซับซ้อนแต่ดูสนุก ภารกิจการปกป้องเส้นเวลาที่ขยายกลายเป็นภัยพิบัติระดับมัลติเวิร์ส การผจญภัยสู่รากเหง้าและเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเปิดเผยในซีซันแรก การตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าเจตจำนงเสรี ผสมเข้ากับตัวละครเก่าและใหม่ที่ล้วนมีความน่าสนใจ และงานสร้างที่ยังเนี้ยบในสเกลเทียบเท่าหนังเรื่องหนึ่ง รวมทั้งผลลัพธ์และบทสรุป ที่มีครบทั้งอารมณ์ชวนยิ้ม เคร่งขรึม ชวนอึ้ง เศร้าสร้อย เป็นบทสรุปที่ทรงพลังและงดงามทั้งในแง่ของการจบบริบูรณ์ของตัวซีรีส์ และเสมือนบทสรุปการเดินทางอันยาวไกลของโลกิ จากตัวละครแอนตี้ฮีโรจอมเจ้าเล่ห์ของ MCU สู่การทุ่มเทเสียสละตัวเองเพื่อลิขิตอันทรงเกียรติ ที่ทำให้ทุกคนรักตัวละครนี้แบบไม่มีข้อสงสัยอื่นใด

รับชมได้ทาง Disney+Hotstar


‘Analog Squad ทีมรักนักหลอก’
Analog Squad ทีมรักนักหลอก

ซีรีส์เลือดไทยที่พร้อมเปิดตลาดโลกได้สบาย ๆ ด้วยการคราฟต์เนื้อหา ความลุ่มลึกรายละเอียด กิมมิก การแสดง บทสนทนา ไปจนถึงคุณภาพงานสร้างที่ถึงพร้อม การนำเสนอองค์ประกอบครอบครัวและความสัมพันธ์แบบไทย ๆ อย่างไม่ยัดเยียด ตัวละครที่ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์และเข้าถึงง่ายจนทำให้ผู้ชมหลงรักได้อย่างไม่รู้ตัว การวางจังหวะการเรื่องเรื่องที่เต็มไปด้วยความแม่นยำ การวางโครงเรื่องในช่วงเวลาปลายปี 1999 เข้าสู่ปี 2000 ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และการก้าวข้ามยุคเก่าสู่ยุคดิจิทัล ที่เปรียบเทียบกับความแตกต่างของคนรุ่นเก่าและใหม่ได้อย่างดี รวมทั้งการคัดเลือกนักแสดงทั้งตัวหลักและสมทบที่ยอดเยี่ยม ทำให้แม้การโกหกจะทำร้ายชีวิตแค่ไหน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็คือคำโกหกดี ๆ ที่ช่วยเติมพลังใจได้อย่างเต็มเปี่ยม

รับชมได้ทาง Netflix


พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส