ปี 2023 ถือเป็นปีที่ผู้กำกับหญิงก้าวขึ้นมาโดดเด่นบนฮอลลีวูดในระดับบล็อกบัสเตอร์ได้ โดยเฉพาะ ‘Barbie’ (2023) ผลงานการกำกับของผู้กำกับหญิง เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ที่ประสบความสำเร็จ กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 1,441 ล้านเหรียญ ขึ้นแท่นหนังทำรายได้สูงสุดของปี และยังทำลายสถิติหนังของผู้กำกับหญิงที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย แม้ว่านี่จะเป็นสัญญาณดีในแง่ของความหลากหลายในเส้นทางอาชีพด้านภาพยนตร์ของผู้หญิง แต่สตูดิโอก็ยังคงมีสัดส่วนการจ้างผู้กำกับที่เป็นผู้ชายมากกว่าอยู่ดี
รายงานการวิจัยล่าสุด ของศูนย์สตรีศึกษาแห่งวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ (Center for the Study of Women in Television and Film) ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานดิเอโก (San Diego State University) พบว่า ในปี 2023 มีตัวเลขของผู้กำกับหญิงที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด 250 เรื่องอยู่เพียง 16% เท่านั้น ซึ่งลดลงจากตัวเลข 18% ในปี 2022 แต่หากวัดจากรายได้ของหนัง รายได้ของหนังจากผู้กำกับหญิงที่ติดอันดับทำรายได้สูงสุด 100 เรื่อง อยู่ที่ 14% ซึ่งสูงกว่าปี 2022 ที่ 11%
ซึ่งปรากฏการณ์นี้เป็นที่น่าสนใจ เพราะปี 2023 ถือเป็นปีที่มีผลงานเด่น ๆ จากฝีมือของผู้หญิงมากมาย นอกจาก ‘Barbie’ ของเกอร์วิกแล้ว ผลงานของผู้กำกับหญิงที่ประสบความสำเร็จก็เช่น ‘Salburn’ ของ เอ็มเมอรัล เฟนเนล (Emerald Fennell), ‘Past Lives’ ของ เซลีน ซง (Celine Song) และ ‘Priscilla’ ของ โซเฟีย คอปโปลา (Sofia Coppola) รวมทั้งบรรดาหนังคอนเสิร์ตของศิลปินทั้ง เทเลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) และ บียอนเซ (Beyoncé) ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ถล่มรายได้บน Box Office ได้อย่างสวยงาม
ในการศึกษาพบว่า แม้ปรากฏการณ์ความสำเร็จของผู้กำกับหญิง จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดของอุตสาหกรรมและบรรดาสตูดิโอ ที่ยังมุ่งเน้นการจ้างผู้กำกับและทีมงานผู้ชายเป็นส่วนมากไม่ได้ แต่ผู้หญิงก็ค่อย ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมมากขึ้นถึง 22% ทั้งผู้กำกับ ผู้เขียนบท โปรดิวเซอร์ ทีมงานตัดต่อ ผู้กำกับภาพ ฯลฯ และการศึกษายังพบว่า หากหนังเรื่องใดมีผู้กำกับ หรือผู้ช่วยผู้กำกับเป็นผู้หญิง ทีมงานเบื้องหลังก็จะมีสัดส่วนของผู้หญิงเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ในขณะที่อีกหนึ่งการศึกษาจากสถาบันวิจัย Annenberg Inclusion Initiative ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) กลับระบุว่า ในรายชื่อหนังภายในสหรัฐอเมริกาที่ทำรายได้สูงสุด 100 เรื่องในปี 2023 จากฝีมือของผู้กำกับทั้งหมด 116 คน มีเพียง 14 คน หรือ 12.1% เป็นผู้หญิง ซึ่งมากกว่าตัวเลขในปี 2022 ที่ตัวเลข 9% ในขณะที่ในปี 2018 มีสัดส่วนผู้กำกับหญิงเพียง 4.5%
แม้ตัวเลขจะดูสูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงมุมมองการจ้างงานผู้หญิงในสตูดิโอที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายงานยังลงลึกไปถึงทีมงานผู้หญิงที่มีผิวสีด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงผิวสีเพียง 4 คน หรือ 3.4% ที่มีส่วนกำกับในหนัง 100 เรื่องที่ทำรายได้สูงสุด เทียบเท่ากับปี 2022 ซึ่ง 3 ใน 4 ผู้กำกับเหล่านั้นก็คือผู้กำกับชาวเอเชีย ได้แก่ เซลีน ซง (Past Lives), ฝน วีรสุนทร (Fawn Veerasunthorn) (‘Wish’) และ อะเดล ลิม (Adele Lim) (‘Joy Ride’) ส่วนอีกคนเป็นผู้กำกับผิวดำ นั่นก็คือ เนีย ดาคอสตา (Nia DaCosta) ผู้กำกับ ‘The Marvels’
ส่วนในด้านสตูดิโอ พบว่า Universal Pictures มีการจ้างงานผู้กำกับหญิงมากที่สุด 4 เรื่อง ตามมาด้วย Lionsgate 3 คน และ Disney มีการจ้าง 2 คน ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา Universal มีผู้กำกับหญิง 27 คน (9.2%) ตามมาด้วย Warner Bros. (6.6%), Sony Pictures Entertainment (6.3%), Walt Disney Studios (6.1%) และ Paramount Pictures มีอัตราการจ้างงานน้อยที่สุดที่ตัวเลข 1.6% นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า ในปี 2021 Netflix มีการว่าจ้างผู้กำกับหญิงเพื่อมากำกับหนังออริจินัลของตัวเองมากที่สุดที่ 26.9%
ผู้ร่วมทำการศึกษาได้ระบุไว้ในรายงานว่า “รายงานนี้ นำเสนอสิ่งที่ตรงกันข้ามกับผู้ที่เฉลิมฉลองการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในฮอลลีวูด หลังจากที่ ‘Barbie’ ครองอันดับ 1 ใน Box Office ภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว หรือผู้กำกับเพียงคนเดียว จึงไม่เพียงพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคนที่อยู่หลังกล้อง จนกว่าสตูดิโอ ผู้บริหาร และโปรดิวเซอร์ จะเปลี่ยนแปลงวิธีการตัดสินใจว่า ใครมีคุณสมบัติและพร้อมที่จะทำงานเป็นผู้กำกับของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด การมองโลกในแง่ดีจึงเป็นสิ่งที่รับประกันสิ่งนี้ได้เพียงแค่เล็กน้อย”
ที่มา: Variety, Variety (2)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส