The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า ทอม ครูซ (Tom Cruise) ได้เซ็นดีลใหม่แบบไม่ผูกมัดกับ Warner Bros. ซึ่งอาจรวมไปถึงการพัฒนาภาพยนตร์ภาคต่อในปี 2024 นี้ โดย ไมเคิล เดลูก้า (Michael DeLuca) และ แพม แอบดี (Pam Abdy) ผู้บริหารของ Warner Bros. ต้องการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อร่วมกับครูซเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานยืนยันเกี่ยวกับดีลดังกล่าวว่าครูซจะได้สร้างภาพยนตร์ให้สตูดิโอหรือไม่ และถ้าได้สร้างก็จะยังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นโปรเจกต์ ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part Two’ ที่สร้างร่วมกับ Paramount เสียก่อนแล้ว

นอกจากนี้มีรายงานว่าครูซเองก็ต้องการพัฒนาโปรเจกต์ที่จะสานต่อเป็นแฟรนไชส์ใหม่ต่อไปด้วย

Edge of Tomorrow

นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่ครูซจะผละออกจากโปรเจกต์ภาพยนตร์แอ็กชันสายลับอย่าง ‘Mission: Impossible’ ที่เขาพัฒนามาอย่างยาวนาน เพื่อเริ่มพัฒนาแฟรนไชส์ใหม่อย่าง ‘Top Gun 3’ และถ้าหากต้องการหันไปสร้างแฟรนไชส์ไซไฟก็ยังมี ‘Edge of Tomorrow 2’ ที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

‘Edge of Tomorrow’ (2014) หรือชื่อเดิมคือ ‘All You Need is Kill’ ตามนิยายญี่ปุ่นต้นฉบับของ ฮิโรชิ ซาคุราซากะ (Hiroshi Sakurazaka) ว่าด้วยเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับเอเลียที่มาพร้อมไอเดียการเกิด/ตาย/วนเวียน พร้อมฉากแอ็กขันที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างาน่าสนใจจากฝีมือกำกับของ ดั๊ก ไลแมน (Doug Liman) จาก ‘The Bourne Identity’ (2002)

‘Edge of Tomorrow’ ได้รับคะแนนวิจารณ์จาก Rotten Tomatoes ไปถึง 91% และทำรายได้ทั่วโลกไป 370 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 178 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังได้สร้างฐานผู้ชมจำนวนมากที่เฝ้ารอภาคต่อมานานหลายปี

ด้วยดีลล่าสุดที่ครูซเซ็นกับ Warner Bros. นี้ อาจทำให้โปรเจกต์ ‘Edge of Tomorrow 2’ เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ครูซกลับสู่ภาพยนตร์ไซไฟอีกครั้ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ ‘Minority Report’ (2002) และ ‘Edge of Tomorrow’ มาแล้ว

ที่มา : ScreenRant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส