ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) นักแสดงหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าชาวแคนาเดียนวัย 42 ปี ถือเป็นนักแสดงแห่งยุค 2000 อีกคนที่แฟนหนังชื่นชอบ หลายคนที่ติดตามก็จะพอรู้ว่าเขาเองเริ่มงานวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยหนุ่มน้อย ก่อนจะมีผลงานการแสดงในหนังของแคนาดา ก่อนจะก้าวพรมแดนมาแจ้งเกิดในฮอลลีวูด ด้วยการรับบทในหนังดราม่าคุณภาพ ‘The Notebook’ (2004) หลังจากนั้นก็มีผลงานตามออกมาอีกล้นหลาม ตั้งแต่ ‘Drive’ (2011), ‘La La Land’ (2016) และ ‘Blade Runner 2049’ (2017) และรับบทเป็น เคน (Ken) ตุ๊กตาชายแท้ในหนัง ‘Barbie’ (2023)
แต่ครั้งหนึ่ง นักแสดงหนุ่มคนนี้ก็เคยมีวีรกรรมเกรียน ๆ สมัยวัยเด็ก จนถึงขั้นที่เคยทำให้เขาต้องถูกพักการเรียนตั้งแต่วัยประถมแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เพราะความเกรียนเกกมะเหรกเกเร แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก แม้เขาโตมาในครอบครัวเคร่งศาสนา แต่เขาเองก็เริ่มมีพฤติกรรมห่าม ๆ ที่แสดงออกถึงความสับสน และความไม่ชอบในวัยเด็กของตัวเองด้วยเหมือนกัน
“ตอนผมยังเด็ก ผมเป็นคนเรียนก็ไม่เก่ง กีฬาก็ไม่เอา อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ผมเป็นเด็กเหลือขอที่มีปัญหาตลอดเวลา ครูของผมคิดว่าผมโง่ ซึ่งผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
กอสลิงเผยว่า ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เขาก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ “ตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ ผมเคยแอบออกจากบ้านโดยไม่สวมเสื้อผ้า ผมเคยทำลายข้าวของ จับแมวใส่เครื่องอบผ้า และเคยทำบ้านไหม้มาแล้ว”
เนื่องจากการหย่าร้างของพ่อและแม่ และพฤติกรรมที่น่าเอือมระอาของเขาในโรงเรียน ทำให้เขาถูกครูขนานนามว่าเป็นตัวปัญหา “ผมเดินเข้าไปในโรงเรียน ทุกอย่างเงียบสงบมาก ผมเจอเด็กคนหนึ่งอยู่หน้าโถปัสสาวะ ผมเดินเข้าไปตบหน้าเขาจนเลือดไหล ผมเจอเด็กอีกคนอยู่ที่โต๊ะ ผมเลยหยิบหนังสือเรียนคณิตศาสตร์ฟาดเขาจนเลือดกำเดาไหล”
“ผมกลับบ้านไปร้องไห้ ผมไม่อยากทำ และผมก็ไม่ชอบความรุนแรง แม่ผมเสียใจมาก แล้วผมก็ไม่ได้กลับไปที่โรงเรียนนั้นอีกเลย”
พฤติกรรมที่เป็นจุดเปลี่ยนของเขาเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบตอนเรียนชั้นเกรด 1 ด้วยความที่แม่ของเขา ดอนนา กอสลิง (Donna Gosling) ค่อนข้างจะให้อิสระแก่ลูก เธอจึงอนุญาตให้ลูกชายดูอะไรก็ตามที่เขาอยากจะดูในโทรทัศน์ นั่นจึงทำให้เขาได้พบกับแอ็กชันสตาร์ในตำนานอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ในหนังเรื่อง ‘Rambo: First Blood’ (1982) ความเท่ของแรมโบ้ ทำให้เด็กชายกอสลิงในเวลานั้นเกิดความคิดแผลง ๆ
“ตอนผมเด็ก ๆ ผมดู ‘Rambo: First Blood’ หนังเรื่องนี้มันสะกดจิตผม ผมอยากเป็น ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และผมก็อยากเป็น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ด้วย ตอนที่ผมเห็นแรมโบ้ครั้งแรก มันทำให้ผมหลงใหล และผมก็คิดว่าตัวผมเองเป็นแรมโบ้จริง ๆ ผมคิดว่าตัวเองเป็นแรมโบ้ ผมคิดว่าใบหน้าของผมคล้ายกับ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ด้วยซ้ำ “
“วันหนึ่ง ผมแอบเอามีดสเต๊กจำนวนหนึ่ง ใส่เอาไว้ใน Fisher Price Houdini (ชุดของเล่นมายากล) ของผม วันรุ่งขึ้น ผมพกมันใส่โรงเรียน พอช่วงพักกลางวัน ผมก็หยิบมันออกมาปาใส่เด็ก ๆ ทุกคนในสนามเด็กเล่น”
“(สิ่งที่ผมคิดในหัวก็คือ) ผมไม่ได้เอามีดไปโรงเรียน แต่ผมคือแรมโบ้ที่กำลังจะไปทำสงครามต่างหาก”
แม้ว่าเด็กชายกอสลิงจะเชื่อว่าตัวเขาเองเป็นแอ็กชันสตาร์ แต่ในสายตาของโรงเรียนและคุณครู เขาคือเด็กมีปัญหา พฤติกรรมห่ามเกินลิมิตครั้งนี้ทำให้เขาถูกลงโทษพักการเรียน แต่ที่หนักข้อยิ่งกว่าก็คือ เขาได้รับการวินิจฉัยจากโรงเรียนว่าเป็นโรคสมาธิสั้น แม้จะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการเลยก็ตาม เขาต้องถูกจับไปอยู่ในชั้นเรียนสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ต้องรับยารักษาอาการสมาธิสั้น จนเมื่ออายุได้ 10 ขวบ แม่ของเขาจึงตัดสินใจพากอสลิง ลาออกจากโรงเรียน และจัดระบบการเรียนในบ้าน หรือโฮมสคูลให้แทน
นอกจากนี้ ยังทำให้กอสลิง ที่ปกติแล้วมักจะได้รับไฟเขียวให้ดูสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ แต่หลังจากเหตุการณ์ เขาไม่สามารถดูอะไรก็ตามที่อยากดู อย่างเช่นหนังเรต R แบบแรมโบ้ได้อีกต่อไป “พ่อกับแม่ผมบอกว่า ‘เด็กคนนี้ดูหนังไม่ได้ มันมีผลกระทบต่อลูกมากเกินไป'” ทำให้เขาได้ดูแต่หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา และหนังสารคดีของ National Geographic แทน ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เขาเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน
“ผมได้เรียนรู้บทเรียนว่า ผมเองไม่ได้ภูมิใจกับสิ่งนี้ ผมถูกพักการเรียน และแม่ของผมก็บอกว่า ผมไม่สามารถดูหนังเรต R ได้อีกต่อไป”
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอิสระจากการไม่ต้องถูกกดดันจากสภาพแวดล้อมในโรงเรียนอีกต่อไป แต่การเรียนในระบบโฮมสคูลจากที่บ้าน โดยมีแม่ของเขาที่ลาออกจากงานเลขานุการ มาทำหน้าที่สอนหนังสือให้เขาตลอดระยะเวลา 1 ปี ก็ทำให้เขารู้สึกว่าหมดหวังที่จะมีอนาคตที่ก้าวไปไกลกว่าบ้านเกิดในแคนาดา เพราะเขาเองไม่อยากจะลงเอยด้วยการทำงานเป็นพนักงานขายในโรงงานกระดาษเหมือนกับพ่อของเขา
“ผมไม่อยากทำงานในโรงงานกระดาษเหมือนพ่อของผม ผมไม่อยากอยู่ในโรงเรียน ผมเกลียดการเป็นเด็ก ผมไม่ชอบให้ใครมาคอยบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมไม่ชอบในตัวเอง แล้วก็ไม่ชอบอะไรเลยด้วย”
จนกระทั่งในปี 1993 ตอนที่อายุได้ 12 ปี กอสลิงสามารถเอาชนะเด็ก ๆ 15,000 คน ที่มาออดิชันเพื่อเข้าร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ ในรายการโทรทัศน์ ‘The Mickey Mouse Club’ ของ Disney Channel กอสลิงกลายเป็นชาวแคนาเดียนคนแรกที่ได้เข้ามาอยู่ในรายการนี้ ร่วมกับนักแสดงวัยรุ่นที่จะมีผลงานโด่งดังระดับโลกในภายภาคหน้า ทั้ง คริสตินา อากีเลรา (Christina Aguilera), บริตนีย์ สเปียร์ (Britney Spears) และ จัสติน ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake)
แม้ว่าตลอดเวลา 2 ซีซันที่ได้ไปร่วมรายการ กอสลิงจะได้โผล่มาบนหน้าจอแค่ไม่กี่ตอน แต่นั่นก็เพียงพอที่จะส่งให้เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนตอนช่วงมัธยมปลาย เพื่อไปเรียนด้านการแสดง และทำงานด้านนี้อย่างจริงจัง จนสามารถไต่เต้าจากนักแสดงหนังสั้น นักแสดงหนังอินดี้ของแคนาดา และข้ามพรมแดนมาแจ้งเกิดในฮอลลีวูดได้ในที่สุด
ที่มา: New York Daily News, Paper, The New York Times
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส