Collider รายงานว่า ‘The Beekeeper’ ภาพยนตร์แอ็กชันล่าสุดของผู้กำกับ เดวิด เอเยอร์ (David Ayer) และนำแสดงโดย เจสัน สเตธัม (Jason Statham) ได้กลายเป็นภาพยนตร์เซอร์ไพรส์ฮิตเกินความคาดหมาย ทำรายได้ในสหรัฐฯ ผ่านหลัก 50 ล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 52.2 ล้านเหรียญ ในขณะที่รายได้รวมทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 125.3 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างประมาณ 34 ล้านเหรียญ
นี่ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2024 ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ สูงสุดลำดับที่ 2 ในขณะนี้ รองจาก ‘Mean Girls’ ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไป 67.8 ล้านเหรียญ และยังเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ทำรายได้ในตลาดต่างประเทศดีที่สุดในปี 2024 ในตอนนี้อีกด้วย (นับจนถึง 9 กุมภาพันธ์ 2024)
‘The Beekeeper’ เป็นอีกหนึ่งผลงานของสเตธัมที่ทำรายได้ทั่วโลกในระดับน่าพึงพอใจ และกำลังจะแซงหน้ารายได้ทั่วโลกของ ‘Mechanic: Resurrection’ (2016) ที่ทำไว้ 125.7 ล้านเหรียญ ในเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่ผลงานแสดงของสเตธัมที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดคือ ‘Furious 7’ (2015) รองลงมาคือ ‘The Fate of the Furious’ (2017) ที่ทำไว้ 1,512 ล้านเหรียญ และ 1,235.5 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
5 อันดับผลงานแสดงของสเตธัมที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุด ได้แก่
- ‘Furious 7’ (2015) : 1,512 ล้านเหรียญ
- ‘The Fate of the Furious’ (2017) : 1.235.5 ล้านเหรียญ
- ‘Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw’ (2019) : 760.7 ล้านเหรียญ
- ‘Fast X’ (2023) : 714.6 ล้านเหรียญ
- ‘The Meg’ (2018) : 527.3 ล้านเหรียญ
‘The Beekeeper’ นั้น เปิดตัวอันดับที่ 2 ด้วยรายได้ 16.6 ล้านเหรียญ และลดลงในสัปดาห์ถัดมา พร้อมกับได้รับคำวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ในระดับกลาง แต่ด้วยกระแสปากต่อปากทำให้ตัวภาพยนตร์ยังคงทำรายได้ใน 5 อันดับแรกของบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ มานานถึง 4 สัปดาห์แล้ว
ด้วยความสำเร็จระดับนี้ กอปรกับที่ผู้สร้างปูพื้นรายละเอียดของหน่วยลับที่เรียกว่า Beekeeper เอาไว้อย่างน่าสนใจ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่สตูดิโอจะเปิดไฟเขียวสร้าง ‘The Beekeeper 2’ ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อขยายจักรวาลของ ‘The Beekeeper’ ออกไปให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
ที่มา : ScreenRant, The Numbers และ Box Office Mojo
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส