สื่อต่างประเทศได้เริ่มเปิดเผยคำวิจารณ์แรกของ ‘Dune: Part Two’ จากการฉายรอบพรีเมียร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความชื่นชมภาพยนตร์ไซไฟระดับมหากาพย์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เรามาชมบางส่วนของคำวิจารณ์จากสื่อต่างประเทศ เริ่มต้นที่ Griffin Schiller จาก FilmSpeak ได้กล่าวว่า
“‘Dune: Part Two’ มิใช่เพียงแค่ผลงานชิ้นเอกของเดอนีส แต่ยังเป็นภาพยนตร์ไซไฟระดับมหากาพย์แห่งยุคจริง ๆ นี่เป็นเรื่องราวของการอุทิศตัวให้กับความเชื่ออย่างหน้ามืดตามัว, การคอร์รัปชัน, การสร้างสุดตระการตาอันเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์ และสะท้อนอารมณ์เบื้องลึกของการเดินทางอันยากลำบากของ Paul ได้อย่างงดงาม ทำเอาผมอึ้งไปเลย”
Gregory Ellwood จาก The Playlist ได้กล่าวว่า
“‘Dune: Part Two’ น่าประทับใจมาก วีลเนิฟว์สร้างช่วงเวลาแห่งวิสัยทัศน์อย่างแท้จริง ออสติน บัตเลอร์ พลิกบทบาทการแสดงได้อย่างเหลือเชื่อ ฉากจบทำได้อย่างน่าติดตามมาก แต่ตัวภาพยนตร์มีความยาวมากไปสักหน่อย แต่ก็ยังคงความยอดเยี่ยมอยู่”
Germain Lussier ผู้รายงานข่าวบันเทิงชื่อดัง ได้กล่าวว่า
“เดอนีส วีลเนิฟว์ ยังคงสร้าง ‘Dune: Part Two’ ได้อย่างยอดเยี่ยม, ตัวละครที่น่าพรั่นพรึง บอกเล่าเรื่องราวในระดับไซไฟมหากาพย์ วางจังหวะของตัวละคร ทิโมธี ชาลาเมต์ และ เซ็นเดยา ทำได้อย่างยอดเยี่ยม และทีมนักแสดงสมทบก็ช่วยยกระดับภาพยนตร์ขึ้นไปอีก”
Hoai-Tran Bui จาก Inverse ได้กล่าวว่า
“สุดยอดไปเลย ฉันดื่มด่ำมันยิ่งกว่าภาคแรกเสียอีก เดอนีส วีลเนิฟว์ จัดการร้อยเรียงเส้นเรื่องจากอีกครึ่งหนึ่งของนวนิยายเล่มแรกออกมาได้อย่างน่าสนใจ เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันระดับมหากาพย์ มีฉากรบที่สุดยอดระดับเดียวกับ ‘Two Towers’ (หมายถึง ‘The Lord of the Rings: The Two Towers’ (2002)) และเซ็นเดยาดูเฉิดฉายมาก”
Steven Weintraub จาก Collider ได้กล่าวว่า
“นี่เป็นงานสร้างภาพยนตร์อันน่าเหลือเชื่อ, งานสกอร์สุดบรรเจิด, ทีมนักแสดงทั้งหมดล้วนยอดเยี่ยม, สิ่งเดียวที่ผมติคือ ผมหวังจะให้ภาพยนตร์มีความยาวมากกว่านี้ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ภาพยนตร์เรื่องมีความยาว 2 ชั่วโมง 40 นาทีก็จริง แต่ผมยังอย่างให้มันยาวกว่านี้อีกสักชั่วโมง”
Eric Eisenberg จาก CinemaBlend ได้กล่าวว่า
“มันเป็นประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ นี่เป็นการดัดแปลงบทภาพยนตร์ที่ตรงกับนวนิยายต้นฉบับอย่างที่แฟน ๆ เฝ้ารอ (รายละเอียดบางอย่างได้รับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น) ตัวภาพยนตร์เดินเรื่องได้อย่างน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยประเด็นการเมืองในระดับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์”
Mike Ryan จาก Uproxx ได้กล่าวว่า
“‘Dune: Part Two’ เป็นภาพยนตร์ที่มหัศจรรย์ เป็นภายพนตร์ไซไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา”
Jordan Farley จาก Total Film ได้กล่าวว่า
“ผมอินกับ ‘Dune: Part Two’ อย่างเต็มอารมณ์มากกว่าภาคแรก เห็นได้ชัดว่าฉากแอ็กชันได้รับการออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยมพร้อมภาพที่กระจ่างชัด”
Emily Murray จาก GamesRadar+ ได้กล่าวว่า
“‘Dune: Part Two’ เป็นผลงานมาสเตอร์พีซของ เดอนีส วีลเนิฟว์ นำคุณเข้าสู่ฉากแอ็กชันได้อย่างสุดเหวี่ยง, เด็มอิ่ม และยิ่งใหญ่ ทิโมธี ชาลาเมต์ และ เซ็นเดยา แสดงได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นี่เป็นภาพยนตร์ที่น่าทึ่งมากจริง ๆ”
‘Dune: Part Two’ ยังคงกำกับและร่วมเขียนบทโดย เดอนีส วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) โดยยังคงเล่าเรื่องของ Paul Atreides (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์; Timothée Chalamet) ที่เข้าร่วมกองกำลังของชนเผ่า Fremen เพื่อต่อสู่กับอาณาจักร Harkonnen โดยยังคงได้นักแสดงชุดเดิมมาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเดยา (Zendaya), รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน (Rebecca Ferguson), จอช โบรลิน (Josh Brolin), เดฟ บอทิสตา (Dave Bautista), สเตลแลน สการ์สการ์ด (Stellan Skarsgård), ชาร์ลอตต์ แรมพลิง (Charlotte Rampling) และ ฆาบิเอร์ บาร์เดม (Javier Bardem) ร่วมด้วย ออสติน บัตเลอร์ (Austin Butler), ฟลอเรนซ์ พิว (Florence Pugh), คริสโตเฟอร์ วอลเคน (Christopher Walken) และ เลอา แซดู (Léa Seydoux)
‘Dune: Part Two’ จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 นี้
ที่มา : Deadline
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส