เคต ฮัดสัน (Kate Hudson) นักแสดงสาวอีกคนที่โด่งดังจากยุค 90s จนถึงยุค 2000 ที่มีผลงานการแสดงมากมาย ผลงานหนังส่วนใหญ่ของเธอมักจะเป็นหนังรอมคอม ก่อนจะมาโด่งดังสุด ๆ และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากหนังตลกดราม่า ‘Almost Famous’ (2000) ส่วนผลงานล่าสุดที่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันก็คือ การรับบทเป็น เบอร์ดี เจ อดีตนางแบบที่ผันตัวมาทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ในหนังรหัสคดี ‘Glass Onion: A Knives Out Mystery’ (2022) ภาคต่อ ‘Knives Out’ (2019) ของ Netflix
แต่กว่าที่เธอจะเป็นที่รู้จักขนาดนี้ เธอเองเคยมีผลงานการแสดงมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ซึ่งผลงานแรก ๆ ของฮัดสันในวงการบันเทิงก็คือ การรับบทในภาคต่อหนังตลกประจำเทศกาลคริสต์มาสสุดโด่งดัง ‘Home Alone 2: Lost in New York’ (1992) แต่บทบาทที่เธอได้รับนั้นก็คือเป็นตัวประกอบนักร้องคอรัสในวงประสานเสียงร่วมกับน้อง เควิน แมคคาร์ลิซเตอร์ ที่นำแสดงโดย แม็กเคาเลย์ คัลกิน (Macaulay Culkin) ในองก์แรกของตัวหนังนั่นเอง ในฉากนั้น เควินโดนบัซ พี่ชายตัวเองแกล้งทำหูเรืองแสง เอาเทียนไฟฟ้าไปจ่อที่หลังใบหู ทำให้เควินผลักเขา และพาให้นักร้องทุกคนตกจากสแตนด์ระเนระนาดไปด้วย
แม้ว่าฮัดสันจะได้ร่วมแสดงเป็นตัวประกอบในหนังเรื่องนี้แบบไม่มีเครดิตต่อท้ายด้วยซ้ำ แต่ผลตอบแทนที่เธอได้รับจากการร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ก็ยังคงมีผลสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เธอได้เปิดเผยในพอดแคสต์ ‘Sibling Revelry’ ที่เธอรับหน้าที่เป็นโฮสต์ร่วมกับ โอลิเวอร์ ฮัดสัน (Oliver Hudson) พี่ชายของเธอเองว่า แม้จะรับบทเป็นตัวประกอบ แต่เธอก็ยังคงได้รับเช็กส่วนแบ่งค่าตอบแทนจากหนัง ‘Home Alone 2’ มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
นั่นหมายความว่า ทุกครั้งที่หนังเรื่องนี้ถูกนำไปออกอากาศในเทศกาลคริสต์มาส (หรือช่วงไหนก็ตาม) ฮัดสันก็จะได้รับเช็กส่วนแบ่งประมาณ 10 เซ็นต์ หรือคิดเป็นเงินไทยตกประมาณ 3.59 บาท หรือถ้าตีกลม ๆ ก็คือประมาณเกือบ ๆ 4 บาท ซึ่งมาจากสัญญาการจ่ายค่าสิทธิ์ในการใช้งานของนักแสดงที่ถูกนำมาฉายซ้ำ (Residuals) ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานตามปกติของการทำงานในฮอลลีวูดนั่นเอง ไม่ว่าผลงานของนักแสดงคนนั้นจะรับบทเล็กจ้อยแค่ไหน แต่ถ้ามีส่วนร่วมในหนังเรื่องนั้น ๆ ที่ถูกนำไปเปิดซ้ำ นักแสดงที่ทำสัญญานี้ไว้ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากการฉายซ้ำนี้ไปตลอด
เคตเล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า “ฉันเองยังคงได้รับเงินส่วนแบ่งจาก ‘Home Alone 2’ เพราะว่าฉันไปเข้าฉากร้องเพลงในคอรัส ฉันอยู่ในวงคอรัสนั้นนั่นแหละ แล้วฉันก็ได้รับเงิน 10 เซ็นต์อยู่เรื่อย ๆ ” ในขณะที่โอลิเวอร์เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอไปเล่นเป็นตัวประกอบในหนังเรื่องนี้ เพราะปกติทั้งคู่ไม่เคยดูผลงานของกันและกันเท่าไหร่ เขาถึงกับบอกว่าคงต้องไปหามาดูซ้ำอีกที
เคต ฮัดสัน เป็นทายาทของศิลปินและนักแสดง บิล ฮัดสัน (Bill Hudson) และนักแสดงภาพยนตร์ระดับตำนาน โกลดี ฮอว์น (Goldie Hawn) เธอค่อย ๆ ไต่เต้าอาชีพนักแสดง ซึ่งการับบทเป็นตัวประกอบไร้เครดิต ‘Home Alone 2’ ก็นับเป็นผลงานแรก ๆ ของเธอเอง ก่อนที่จะเริ่มมีผลงานสมทบที่มีเครดิตเป็นครั้งแรก ๆ ในทีวีซีรีส์ ‘Party of Five’ (1996) และข้ามมาจอเงินในหนังตลกดราม่า ‘Desert Blue’ (1998)
ก่อนจะโด่งดังในช่วง 90s และ 2000 จากบทบาทในหนังรอมคอม หนังตลก และอีกหลายแนว ทั้ง ‘How to Lose a Guy in 10 Days’ (2003), ‘You, Me and Dupree’ (2006), ‘Fool’s Gold’ (2008) ที่เธอแสดงร่วมกับ แมทธิว แม็กคอนนาเฮย์ (Matthew McConaughey) และ ‘Bride Wars’ (2009) ที่แสดงร่วมกับ แอนน์ แฮททาเวย์ (Anne Hathaway) ล่าสุดเธอเริ่มถอยห่างจากการแสดง และหันไปเป็นนักดนตรี ฮัดสันเพิ่งปล่อยซิงเกิลแรก “Talk About Love” ที่เธอแต่งร่วมกับ แดนนี ฟูจิคาวะ (Danny Fujikawa) คู่หมั้นของเธอเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง
และเนื่องจากตอนนี้ของพอดแคสต์ เป็นการพูดถึงในประเด็นของนักแสดงที่เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่เยาว์วัยเช่นเดียวกับตัวเธอเอง แขกรับเชิญที่มาร่วมพูดคุยในตอนนี้ก็คือ โจอี้ ลอว์เรนซ์ (Joey Lawrence) นักแสดงและศิลปินที่เข้าสู่วงการด้วยการแสดงในโฆษณาตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ เคตจึงได้ถามเขาว่าเคยได้ส่วนแบ่งอะไรแบบนี้บ้างไหม ซึ่งเขาเองเผยเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า “คือบางครั้งผมก็ได้เงินแค่ 2 เซ็นต์ (ประมาณ 0.71 บาท) เองครับ ซึ่งผมก็แบบว่า ‘เดี๋ยว… คือค่าซองจดหมายกับกระดาษยังแพงกว่านี้อีกนะ'”
ซึ่งเคตก็ปิดท้ายด้วยประโยคติดตลกแบบง่าย ๆ ว่า “อย่างน้อย พวกเขาก็ยุติธรรมและซื่อสัตย์ดีนะคะ…”
***