ณ ตอนนี้เรียกได้ว่าชีวิตครอบครัวของ ไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) และ เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) เรียกได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาคนดังฮอลลีวูดที่น่าอิจฉามาก ๆ อีกคู่ เพราะทั้งคู่ยังคงรักกันเหนียวแน่นมานานกว่า 14 ปี หลังจากที่ปิ๊งกันในกองถ่าย ‘Green Lantern’ (2011) หนังซูเปอร์ฮีโรของ DC ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานกันในปี 2012 และตอนนี้พวกเขากลายมาเป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งคู่เป็นปะป๊าและหม่าม้าของลูก ๆ 4 คน ได้แก่ เจมส์ (James Reynolds), ไอเนซ (Inez Reynolds), เบธตี (Betty Reynolds) และลูกสาวคนสุดท้องที่เพิ่งจะอายุครบ 1 ขวบไปหมาด ๆ
ล่าสุด ไลฟ์ลี วัย 36 ปี แม่ลูก 4 นักแสดงสาวจากซีรีส์ดัง ‘Gossip Girl’ (2007–2012) ได้ไปร่วมให้สัมภาษณ์ในตอนล่าสุดของรายการออนไลน์ ‘Further Ado’ ที่มี แอมเบอร์ แทมบลิน (Amber Tamblyn) เพื่อนนักแสดงที่เคยมีผลงานร่วมกับไลฟ์ลีในหนังตลกดราม่า ‘The Sisterhood of the Traveling Pants’ (2005) เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในรายการ ไลฟ์ลีได้เล่าเรื่องราวชีวิตในมุมต่าง ๆ ทั้งการเป็นดารา เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่ม รวมทั้งเรื่องราวชีวิตครอบครัว และชีวิตคู่ที่ไม่จืดจางลงแม้แต่น้อย ซึ่งไลฟ์ลีได้เผยเคล็ดลับให้ฟัง นั่นก็คือการที่ทั้งคู่ยึดมั่นในกฏเหล็ก 1 ข้อ นั่นก็คือ การที่ทั้งคู่ไม่รับงานแสดงในช่วงเวลาเดียวกัน หรือแม้แต่การที่ทั้งคู่มักจะไม่ทำอะไรพร้อม ๆ กัน เช่นจองตั๋วคอนเสิร์ต หรือแม้แต่ดูหนัง ดูการแข่งขัน NFL ด้วยกัน เพื่อจัดลำดับความสำคัญของหน้าที่การงานกับชีวิตครอบครัว ชีวิตส่วนตัว และรักษาสมดุลระหว่างการทำมาหากิน กับการอยู่กับครอบครัว มีเวลาว่างให้กับลูก ๆ โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น
แม้จะฟังดูเหมือนห่างเหิน แต่กลับทำให้ชีวิตคู่ของเขายิ่งแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไลฟ์ลีเล่าถึงกฏที่ทั้งคู่ตั้งขึ้นมาตอนที่เธอกับเรย์โนลด์เริ่มคบหากันใหม่ ๆ ที่ทั้งคู่ตกลงร่วมกัน และยังคงปฏิบัติตามต่อกันเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันว่า
“เมื่อตอนที่ไรอันกับฉันเริ่มคบหากัน เราได้ตั้งกฏเอาไว้ว่า เราจะไม่ทำงานในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อที่เราจะได้จัดลำดับความสำคัญในชีวิตส่วนตัวของเราได้อยู่เสมอ มันเลยเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาและพยายามกันหนักมากจริง ๆ เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ทำงาน รวมทั้งการวางแผนทางการเงิน และการรักษาในชีวิตส่วนตัวที่ต้องทำให้เกิดความสมดุล”
“ฉันคุ้นเคยกับการทำงานหนักแบบทำแล้วทำอีก ทำแล้วทำอีกแบบไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะตอนที่ฉันเล่น ‘Gossip Girl’ ที่อยู่ในชีวิตของฉันมา 6 ปี ซึ่งบางครั้งเราก็ต้องถ่ายทำ 3 ตอนไปพร้อม ๆ กัน”
ซึ่งสิ่งที่ไลฟ์ลีพูดก็ดูเหมือนจะไม่ผิดไปจากความจริงนัก เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คุณสามีอย่างเรย์โนลด์ กำลังง่วนวุ่นอยู่กับหนังความหวังของหมู่บ้าน MCU ในปีนี้อย่าง ‘Deadpool & Wolverine’ ในขณะที่คุณภรรยาอย่างไลฟ์ลีเองกลับแทบจะไม่ได้ทำงานแสดงในช่วงปี 2020-2023 เลย มีช่วงปี 2021 ที่เธอแวบไปเขียนบทและกำกับมิวสิกวิดีโอเพลง “I Bet You Think About Me” ของเพื่อนซี้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) และเพิ่งจะกลับมามีงานในปีนี้ ด้วยการร่วมแสดงนำ และทำหน้าที่เป็น Executive Producer ในหนังโรแมนติกเรื่อง ‘It Ends with Us’
ปี 2019 พ่อหนุ่ม Deadpool เคยพูดถึงกฏข้อนี้เอาไว้เหมือนกันว่า “เบลกกับผมไม่ดูหนังในเวลาเดียวกันนะครับ หรือถ้าเธอต้องไปเล่นหนังในประเทศไทย และผมแสดงหนังที่แวนคูเวอร์ เราน่าจะไม่ได้เจอกันอีกแหง ๆ เราเลยทำงานกันทีละอย่าง และมันก็ได้ผลดีสำหรับเรามาก ๆ เด็ก ๆ ได้อยู่กับเรา และครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน และนั่นแหละคือที่ที่เป็นเหมือนบ้าน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสเปน ยูทาห์ นิวยอร์ก ตราบใดที่เราได้อยู่ด้วยกัน ก็เหมือนว่าเราได้อยู่ในบ้าน”
“ผมเป็นคนที่สนใจว่ายุคสมัยและสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขามันดำเนินไปอย่างไรบ้าง สำหรับผม เวลาที่ดีที่สุดของวันคือการที่ผมได้พาพวกเขาไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับบ้าน ในฐานะพ่อแม่ เรามีความพร้อมกว่ามาก ๆ ในการรับมือกับความยากลำบากของลูก ๆ มากกว่าตอนที่ผมเป็นเด็ก ตอนนี้มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเลย”
“ผู้คนตระหนักในตัวเองมากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด คือการสอนให้ลูก ๆ ของเราตระหนักรู้ในตนเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรหรือมีความสุขไปมากกว่านี้ ขอแค่มีสติ และยินดีเปิดรับทุกสิ่งที่เข้ามาหาพวกเขา”
อย่างที่ทราบกันดีว่า เรามักจะได้เห็นโมเมนต์การหยอกล้อกันของสามีภรรยาคู่นี้ผ่านทางโซเชียลมีเดียอยู่เนือง ๆ แถมยิ่งทำก็ยิ่งเอาคืนเป็นที่สะใจแกมน่ารักเป็นอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่ง เรย์โนลด์เคยกล่าวถึงภรรยาและลูก ๆ ของเขาแบบหยอก ๆ แต่จริงจังในรายการ ‘Late Show With David Letterman’
“คือผมไม่ใช่คนที่ชอบสำรอกประกาศความรู้สึกทางวิทยุอะไรแบบนี้นะครับ แต่เมื่อผมมีลูก ผมตกหลุมรักภรรยามากกว่าที่ผมเคยเป็นมาทั้งชีวิต มันไม่น่าเชื่อเลย ผมเคยบอกกับเบลกว่า ผมนี่สามารถรับกระสุนแทนคุณได้เลยนะ ผมไม่เคยรักใครหรืออะไรได้เท่ากับที่ผมรักเธอ”
“และในวินาทีที่ผมมองเข้าไปในดวงตาของลูก ผมรู้เลยว่าถ้าวันไหนเราถูกปล้น ผมนี่แหละจะผลักภรรยาผมเข้าไปเพื่อเป็นเกราะกำบังให้กับลูก”
***