คำเตือน: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’
รีเบ็กกา เฟอร์กูสัน (Rebecca Ferguson) นักแสดงสาวชาวสวีเดนวัย 40 ปี ผู้รับบทเป็น เลดี เจสสิกา (Lady Jessica) พระมารดาของเจ้าชายพอล อะเทรดีส ใน ‘Dune: Part Two’ ที่กำลังเข้าฉายในเวลานี้ และหากยังจำกันได้ เธอคือนักแสดงที่รับบทเป็นสายลับ อิลซา ฟาวสต์ (Ilsa Faust) เจ้าหน้าที่หน่วย MI6 ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย IMF ใน ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ (2015), ‘Mission: Impossible – Fallout’ (2018) ก่อนจะพบบทสรุปอันน่าเศร้าในภาค ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ (2023)
ในภาคนี้ อีธาน ฮันต์ ที่รับบทโดย ทอม ครูซ (Tom Cruise) ต้องเดินทางไปตามหาอิลซา ที่ตอนนี้กำลังถูกรัฐบาลตั้งค่าหัว เนื่องจากเธอได้สังหารคนส่งของ และครอบครองเสี้ยวหนึ่งของกุญแจที่ใช้เปิดระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า เอนทิตี (Entity) เอาไว้ ฮันต์ได้ตามไปพบกับเธอที่ทะเลทรายและส่งมอบกุญแจให้กับฮันต์ ต่อมา อิลซาได้ร่วมปฏิบัติการครั้งใหม่ในการเข้าร่วมปาร์ตี้เจรจาซื้อขายกุญแจในกรุงโรม ในที่สุด ฮันต์และอิลซาถูกจับได้ แต่สุดท้ายเธอกลับถูกสังหารในระหว่างการต่อสู้กับ แกเบรียล (อีไซ โมราเลส – Esai Morales)
ล่าสุด เฟอร์กูสันได้ไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้กับเว็บไซต์ The Playlist ซึ่งเธอได้เปิดเผยเหตุผลที่ทำให้ตัวละครนี้ต้องพบกับบทสรุปสุดช็อกแบบที่เห็นกันในหนัง นั่นก็เป็นเพราะว่าตารางงานที่ไม่ตรงกัน และเธอเองก็หมดความสนใจในแฟรนไชส์นี้จนไม่อยากจะรับแสดงในภาคอื่น ๆ อีกต่อไปแล้ว
“ฉันเองคิดว่า สำหรับฉันแล้ว เมื่อไหร่ที่พวกเขามาหาฉันพร้อมกับข้อเสนอ ฉันก็จะบอกไปเลยว่าไม่สนใจ และนั่นก็คือคำตอบ มันเป็นสิ่งที่ฉันวางแผนตารางเอาไว้ชัดเจนแล้วค่ะ นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งฉันก็ถือโอกาสอธิบายตรงนี้ให้ทุกคนรู้พร้อมกันเลยค่ะ แล้วฉันเองคิดว่า สามีของฉันทำให้ฉันเสียใจยิ่งกว่าที่อีธานทำซะอีกนะ”
“ถ้าจะให้พูดกันตามตรง ฉันคิดว่า คริส แม็กควอรี (ผู้กำกับ) และทอมทำหนังเรื่องนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และพวกเขาก็ต้องการทำให้หนังไปในทิศทางที่มืดหม่น คาดเดาไม่ได้ และน่าสนใจ แล้วมันก็มาถึงจุดที่ไม่มีอะไรจะให้ทำกับอิลซาแล้วจริง ๆ “
“และเราในฐานะนักแสดง เมื่อมีข้อตกลงแสดงหนังไตรภาคตามแบบของฮอลลีวูดมา เราก็ต้องมีหน้าที่ตัดสินใจว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้น ยังไง ๆ พวกเขาจะทำผลงานที่น่าทึ่งออกมาแน่นอนค่ะ แต่สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้ก็คือต้องยอมรับมัน”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตายของอิลซานั้นถือเป็นการตายของตัวละครหลักในแฟรนไชส์ที่สะเทือนใจแฟน ๆ อย่างมาก เพราะอิลซาเป็นสายลับหญิงที่มีความสามารถรอบตัว และต่างก็แอบมีความเสียดายนิด ๆ ในความสัมพันธ์เล็ก ๆ ของเธอกับ อีธาน ฮันต์ ที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้นได้ไม่นาน การตายของเธอจึงสะเทือนใจไม่แพ้กับฉากการตายของสมาชิก IMF รุ่นแรกใน ‘Mission: Impossible’ (1996) เลยก็ว่าได้ และนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงคำวิจารณ์ที่ให้เธอตายเร็วไปหน่อย ในขณะที่บางคนก็รับได้ เพราะเป็นเส้นเรื่องที่ทรงพลังที่สื่อไปถึงความสัมพันธ์อันตราย ที่ฮันต์ต้องเผชิญมาตลอดด้วย
ก่อนหน้านั้น ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ แม็กควอรี (Christopher McQuarrie) เองก็เคยออกมาเปิดใจถึงการตายของตัวละครนี้กับ USA Today ว่า “มันเป็นการตัดสินใจที่ลำบากจริง ๆ ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้ว่าต้องทำ เพื่อให้หนังเรื่องนี้มีสิ่งเดิมพัน และทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงมีภารกิจที่ว่าด้วยการเดินทางของอีธานเป็นหลัก และเขามักจะต้องสูญเสียคนที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุดไป มันเป็นเรื่องราวที่วุ่นวายมาก และเราก็รู้ว่าคนจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนั้นแน่ ๆ แต่เราก็ตระหนักดีด้วยว่า นี่คือความเป็นจริงของโลกที่ถูกกำหนดสร้างขึ้นจากหนังทั้ง 7 ภาค”
เฟอร์กูสันเคยเปิดเผยอย่างชัดเจนกับ Entertainment Tonight ถึงตัวละครนี้ เพราะเธอเองอยากให้ตัวละครที่เธอสวมบทนั้นมีมิติที่น่าสนใจมากขึ้น และนั่นก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอหมดความสนใจในตัวละครนี้ไปในที่สุด “ฉันค้นพบว่า มันมีอะไรมากมายที่คุณจะทำได้ในตัวละครตัวหนึ่ง และฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้นะ ฉันอยากให้เธอเป็นตัวละครขี้โกง ฉันสนใจในด้านมืด ฉันไม่ต้องการสมาชิกในทีม แบบนั้นมันไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับฉัน และฉันคิดว่านั่นคือทิศทางที่เรากำลังจะเดินทางไป”
เฟอร์กูสันทิ้งท้ายถึงความรู้สึกที่มีคนพูดถึงการตายของตัวละครของเธอที่มากมายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้บทบาทของเธอ หรือแม้แต่หนังภาคแยกของอิลซา ที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้จะดูความหวังริบหรี่ แต่เธอก็ยินดีที่ครั้งหนึ่งเคยได้ร่วมแสดงในแฟรนไชส์นี้
“ฉันเองแค่หวังว่าผู้ชมจะสนุกไปกับมัน แต่ฉันรู้ว่าผู้คนจำนวนมากก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นหรอก และฉันรู้ว่ามันก็มีคำวิจารณ์อีกมากมายตามมา แต่ฉันไม่ใช่คนเขียนบทไงคะ ฉันเองก็แค่ทำงานของฉัน และทำให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันเลือกที่จะรับบทบาทนี้ เพราะฉันมองว่าคริสเป็นคนที่สามารถเขียนตัวละครที่มหัศจรรย์ออกมาได้ และฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติ และรู้สึกขอบคุณมากที่ได้รับบทเป็นเธอ”