เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) แอ็กชันสตาร์รุ่นใหญ่ในตำนาน วัย 68 ปี เจ้าของฉายาคนอึดตายยาก ‘Die Hard’ จำต้องเกษียณจากงานการแสดง หลังจากที่เมื่อปี 2022 ครอบครัวได้ออกมาประกาศว่า แพทย์ได้วินิจฉัยว่าตรวจพบอาการภาวะบกพร่องทางการสื่อความ (Aphasia) และในอีก 1 ปีถัดมา ครอบครัวได้แถลงเพิ่มเติมว่า อาการทางสมองของเขารุนแรงมากขึ้น จนเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้า (Frontotemporal Dementia – FTD) ทำให้เราไม่ได้เห็นเขาโลดแล่นในฮอลลีวูดอีกเลยนับแต่นั้น
ล่าสุด เอมมา เฮ็มมิง วิลลิส (Emma Heming Willis) ภรรยาของวิลลิส วัย 45 ปี ได้โพสต์คลิปบน Instagram ของตัวเอง หลังจากที่เธอได้พบข่าวพาดหัวยั่วให้คลิก หรือข่าว Clickbait ที่พูดถึงเกี่ยวกับอาการทางสมองที่สามีสายบู๊ของเธอกำลังเผชิญ โดยเฉพาะอาการสมองเสื่อมส่วนหน้า ที่ถูกบิดเบือนด้วยการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงว่า อาการนี้ทำให้วิลลิสไม่สามารถมีความรู้สึกมีความสุขในชีวิตได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยผลกระทบจากสมอง รวมไปถึงผลกระทบด้านอารมณ์ในการเผชิญกับโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาก็ตาม โดยเนื้อหาในคลิป เธอต้องการสื่อสารให้ชาวเน็ตหยุดส่งต่อข้อความที่ถูกบิดเบือนเหล่านี้ เพื่อหยุดการสร้างความหวาดกลัวต่อโรคที่ไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายนี้ออกไปจนเกินกว่าความเป็นจริง
“เช้าวันอาทิตย์นี้ ฉันรู้สึกตกใจมากหลังจากเจอข่าว Clickbait ฉันแค่จะเลื่อนดูเรื่องของตัวเอง แล้วก็ได้เห็นพาดหัวข่าว และคลิกเบตที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของฉัน พาดหัวข่าวระบุว่า ตอนนี้สามีของฉันไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว ฉันบอกได้แค่ว่ามันห่างไกลกับความเป็นจริงมาก ๆ ฉันอยากให้คนในสังคม หรือใครก็ตามที่เขียนพาดหัวโง่ ๆ แบบนี้ หยุดทำให้ผู้คนหวาดกลัวซะที หยุดการขู่ให้คนคิดว่าเมื่อพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางระบบประสาทแล้วจะต้องจบเห่เสมอไป”
“อย่าทำแบบนี้อีกเลย มันไม่มีมูลอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามเลย มันจบไปแล้ว แน่นอนว่า ถ้าคิด 100% ในตอนแรกมันมีแต่ความโศกเศร้าเสียใจเต็มไปหมด จนกระทั่งเราเริ่มต้นบทใหม่ ที่อยากจะบอกคือ บทนั้นมันเต็มไปด้วยความรัก เต็มไปด้วยความผูกพัน มันเต็มไปด้วยความสนุก และเต็มไปด้วยความสุข นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการอยากจะหยุดพาดหัวข่าวโง่ ๆ ที่ทำให้คนแตกตื่นเหล่านี้ โอเค หยุดทำแบบนั้นซะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องไม่จริง”
นอกจากนี้ เฮ็มมิงยังได้พิมพ์แคปชันใต้คลิปวิดีโอ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติมจากประเด็นที่เธอพูดไว้ในคลิป
“ในประสบการณ์ของฉัน 2 อย่างที่เป็นจริงและดำรงอยู่ในเวลาเดียวกันนั่นก็คือความโศกเศร้า และความรัก ความเสียใจและความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง การบาดเจ็บและการปรับตัว ฉันต้องเดินออกนอกเส้นทางของตัวเองเพื่อมาถึงจุดนี้ และเมื่อมาถึง ชีวิตก็เริ่มมีความหมาย และฉันก็มีเป้าหมายที่แท้จริง สิ่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสวยงามและจิตวิญญาณ”
“สิ่งที่ฉันได้เข้าใจก็คือ เรากำลังเรียนรู้จากคนที่ผิด คนที่มีความคิดเห็นกับประสบการณ์ แต่ไม่ได้ใช้เวลาในการให้ความรู้กับตัวเองเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาททุกชนิดอย่างเหมาะสม ทำไมฉันถึงกล้าพูดแบบนั้น ? เพราะฉันเห็นพาดหัวข่าวที่ให้ข้อมูลบิดเบือนอันแล้วอันเล่า ฉันไม่เคยพูดถึงครอบครัวของฉันด้วยซ้ำ ฉันคุ้นเคยกับความบ้าคลั่งของหัวข้อข่าวและเรื่องราวเหล่านี้”
“ฉันแค่อยากพูดถึงให้คนตระหนักในความรู้เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม และสิ่งที่เผยแพร่สู่สาธารณะ คุณคงสงสัยว่า ทำไมความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าจึงเกิดขึ้นในสังคมของเรา ฉันคิดว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคลิกเบตเหล่านี้นี่แหละ สิ่งต่าง ๆ ถูกวางแผนเอาไว้และกระจายมาถึงเราได้อย่างไร และเราก็มีเวลาเสี้ยววินาทีในการรับข้อมูลนั้นเข้ามา มันเป็นอะไรที่ส่งผลต่อจิตใจของฉันมากมายเลย”
“สำหรับคนที่กำลังกังวล โปรดคำนึงวิธีการที่คุณจะสื่อสารต่อสาธารณะเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมที่จำเพาะเจาะจง มีองค์กรและผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจในพื้นที่ที่สามารถติดต่อได้ เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะเผยแพร่เรื่องราวและข้อมูลของคุณออกมา ขอบคุณ”
วิลลิส แอ็กชันสตาร์ที่อยู่คู่ฮอลลีวูดมานานกว่า 50 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าตรวจพบอาการภาวะบกพร่องทางการสื่อความ (Aphasia) เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ปี 2022 ด้วยผลกระทบจากอาการดังกล่าว ทำให้เขาไม่สามารถทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างคล่องตัวอีกต่อไป ก่อนที่อีก 1 ปีถัดมา ครอบครัวของวิลลิสได้ออกแถลงการณ์ว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้า ซึ่งส่งผลทำให้เขามีปัญหาด้านการสื่อความ การจดจำ และและสภาพสังขารร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย
ด้วยความที่อาการดังกล่าวยังมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้มีผลข้างเคียงตามมา เช่น อาการอัมพาต โรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย คาดว่าต้นตอของข่าวบิดเบือนที่เกิดขึ้นก็น่าจะมาจากข้อเท็จจริงเหล่านี้
แต่โชคดีที่อาการของเขายังไม่ไปถึงขั้นนั้น ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เผชิญกับโรคร้ายตามลำพัง แต่ยังมีคนรอบข้างที่คอยดูแลและให้กำลังเขาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเฮ็มมิง อดีตนางแบบและภรรยาคนปัจจุบัน รวมทั้งลูกสาวทั้ง 2 คน มาเบล เรย์ (Mabel Ray) วัย 11 ขวบ และ เอเวอลิน (Evelyn) วัย 9 ขวบ รวมทั้งดาราดังอย่าง เดมี มัวร์ (Demi Moore) อดีตภรรยาคนแรก และลูกสาวคนโต รูเมอร์ วิลลิส (Rumer Willis) คอยแวะเวียนมาให้กำลังใจ และคอยสื่อสารความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของเขาให้กับแฟน ๆ ที่รอเฝ้าดูอาการ และอวยพรให้เขากลับมาเป็นคนอึดบนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง
ด้วยประสบการณ์ที่ต้องพบเจอ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาทที่สามีของเธอต้องเผชิญ ทำให้เฮ็มมิงตัดสินใจบันทึกเรื่องราวของเธอ ในฐานะผู้ดูแลสามีอย่างใกล้ชิดออกมาในรูปแบบหนังสือ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าวจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีชื่อหนังสืออย่างเป็นทางการ และมีกำหนดวางแผงในปี 2025 นี้
เฮ็มมิงกล่าวถึงหนังสือเล่มดังกล่าว เพื่อหวังจะส่งต่อประสบการณ์ให้กับผู้คนที่ต้องดูแลคนป่วยที่มีอาการนี้เช่นกัน
“ภาวะสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบต่อคนที่คุณรักเท่านั้น แต่ยังสั่นคลอนรากฐานของครอบครัว รวมทั้งตัวคุณเองด้วย ถ้าคุณยอมให้มันเกิดขึ้น การระบุแหล่งข้อมูลที่เหมาะสม เพื่อให้ความรู้ความกระจ่างแก่ตัวเองนั้นมีพลังอย่างมาก ทำให้ฉันได้มีที่ทางในการเดินไปข้างหน้าในทางบวก เพื่อที่ฉันจะได้เป็นทั้งแม่ ภรรยา ลูกสาว เพื่อน และผู้ดูแลได้อย่างดีที่สุด ฉันอยากจะแบ่งปันสิ่งนั้นกับคนต่อไปที่ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้”