หนังเทศกาลคริสต์มาสหนึ่งเดียวของปีนี้ ที่ปีนี้ไม่มีหนังโรแมนติกหรือหนังครอบครัวซึ้ง ๆ แต่เปลี่ยนบรรยากาศกลายเป็นหนังตลกรั่ว ๆ รวมดารา เป็นหนังที่มาเงียบ ๆ ไม่มีข่าวคราวให้ได้ยินมาก่อน แต่เป็นหนังที่ดารามากันเพียบ มีเจนนิเฟอร์ อนิสตัน มาเป็นตัวนำ ประกบคู่กับ จัสติน เบทแมน ที่ร่วมงานกันมาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 5 แล้ว และยังมี ที.เจ. มิลเลอร์ , โอลิเวีย มุนน์ , เคท แม็คคินนอน , เจมี่ ชุง มาสมทบ ได้คู่หู จอช กอร์ดอน และ วิล สเป๊ค ที่เคยกำกับ อนิสตัน และ เบทแมน มาแล้ว จาก The Switch (2010) มากำกับคู่นี้อีกรอบ
หนังมาในฟอร์มเดิม ๆ ของหนังคอมมีดี้ฮอลลีวู้ดที่เคยผ่านตากันมาแล้วหลายรอ ที่เรื่องราวมักจะวนเวียนอยู่กับปาร์ตี้รั่ว ๆ หรือการผจญภัยในเมืองในชั่วข้ามคืน Office Chrisrmas party ก็เลยผสมผสาน 2 พล็อตนี้ลงมาในเรื่องเดียวกันซะ ครึ่งแรกก็อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศปาร์ตี้ พอกลัวจะเบื่อกันครึ่งหลังก็เลยพาตัวละครออกมาผจญภัยกันในเมืองชิคาโก้ เรื่องราวหลักอยู่ที่ 2 เพื่อนรัก เคลย์ แวนสโตน และ จอช ปาร์คเกอร์ ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ ซีโนเทค บริษัทซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ สาขาชิคาโก้ ที่กำลังจะโดนยุบสาขา เหตุจาก Ceo ใหญ่อย่างแครอล พี่สาวของเคลย์ ไม่พอใจที่สาขานี้ทำยอดได้ไม่เข้าเป้า เคลย์เลยวางแผนจัดงานปาร์ตี้คริสต์มาสส่งท้ายปีเอาใจพนักงานและความอยากสนุกของตัวเอง และมากไปกว่านั้นคือการชวนวอลเตอร์ ลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นทางรอดเดียวของบริษัทให้มาสนุกด้วยกันในปาร์ตี้เพื่อจะได้กระชับความสัมพันธ์ งานนี้จัดขึ้นลับหลังแครอล ที่เธอประกาศเด็ดขาดว่าห้ามจัดปาร์ตี้คริสต์มาสแล้วเธอก็บินไปอังกฤษ แต่แล้วเรื่องราวก็ดูจะโป๊ะแตกเมื่อหิมะตกหนักเที่ยวบินงด แครอลก็กลับมาพบกันปาร์ตี้หลุดโลกในออฟฟิศที่เธอสั่งห้ามจัด เคลย์ และ จอช จะทำไงดีละทีนี้ ?
ตามสไลต์หนังเทสกาล ต้องเป็นหนังที่ควรดูได้ทั้งครอบครัวและต้องแฝงอารมณ์อบอุ่นความเป็นแฟมิลี่ไว้ในเรื่องราว หนังก็เลยไม่ได้อัดมุกเอามันส์กันอย่างเดียว แต่ยังต้องสอดแทรกเรื่องราวภายในไว้มาก ทั้งการไม่ลงรอยระหว่างพี่สาวจอมเฮี้ยบและน้องชายที่ดูไม่เอาถ่าน วิกฤตการณ์บริษัทที่ทางออกดูเหมือนจะริบหรี่เต็มทน เรื่องราวโรแมนติกที่แอบมีความรู้สึกแต่ไม่เปิดเผยกันของ จอช และ เทรซี่ ลูกน้องสาวคนสวยที่ได้โอลิเวีย มุนน์มารับบท รอบนี้โอลิเวีย พลิกบทจากสาวเซ็กซี่มาเป็นสาวออฟฟิศแต่งตัวเรียบร้อยแต่ก็ยังต้องย้ำว่า “สวยมากกก” แล้วก็ยังมีเรื่องราวสารพันของบรรดาพนักงานออฟฟิศที่ล้วนทำหน้าที่เป็นสีสันของเรื่องราว และน่าจะโดนใจคนดูที่เป็นชาวออฟฟิศทั้งหลายเพราะหนังถ่ายทอดสังคมวัฒนธรรมออฟฟิศออกมาได้เหมือนที่เรา ๆ คุ้นเคย ฝ่าย HR ที่ยังต้องทำหน้าที่เหมือนครูผู้ปกครองคอยจ้ำจี้จำไชทุกคนที่ทำผิดกฏ ใครจะสนุกก็ยังเป็นห่วงกังวลเรื่องออฟฟิศอยู่เสมอ พนักงานตัวป่วนเสียงดังที่คอยโวยวายเรื่องโบนัส ไปจนถึง รปภ.ที่เป็นเหมือนด่านหน้าบริษัทรู้จักแทบทุกคนในออฟฟิศ การแอบปิ๊งแอบเหล่กันระหว่างเพื่อนพนักงาน ขาโม้ในออฟฟิศที่มีเพื่อน ๆ คอยจับผิด
บรรยากาศงานปาร์ตี้ยังคงทำได้มันส์สุดติ่ง ตามสไตล์หนังฮอลลีวู้ด ถึงแม้รอบนี้ยกระดับจากปาร์ตี้มัธยม มหาลัย มาเป็นวัยทำงาน เพลงประกอบเลยกลายเป็นเพลงย้อนยุคสักหน่อย แต่ก็ยังมีบรรดาตัวเมารั่ว ๆ ให้เห็นกันทั้งเจ้านายและลูกน้อง การปู้ยี้ปู้ยำบรรดาเครื่องใช้พนักงาน พี้ยาในห้องน้ำ หรือหลบมุมนัวเนียกัน เป็นหนังที่ถ่ายทอดบรรยากาศปาร์ตี้ออกมาได้สนุกมาก แต่แล้วก็ต้องพักไว้ในชั่วโมงแรกเพราะหนังวางโจทย์ไว้มากที่ต้องคลี่คลายให้หมดภายในช่วงท้าย เพื่อให้หนังออกมาฟีลกู๊ดตามขนบธรรมเนียมของหนังคริสต์มาส เรื่องราวช่วงท้ายจึงดูอีรุงตุงนังไปนิด เพราะต้องรวบรัดคลี่คลายทุกโจทย์ภายในเวลาอันสั้น ทั้งการลงเอยของคู่จิ้น ความสัมพันธ์พี่น้องและการกู้วิกฤตบริษัท ที่ถือว่าคลายปมได้หมดแบบไม่สวยงามนัก แต่ก็อยู่ในระดับ “เอาน่ะ” นี่มันหนังคอมมีดี้นะ ไม่ใช่หนังดราม่าหวังรางวัล ก็ถือว่า Office christmas Party ทำหน้าที่หนังเทศกาลคริสต์มาส ได้ผ่านในระดับเสมอตัว เป็นหนังที่ได้หัวเราะได้ยิ้มไปกับมุกประปรายในหนัง ที่ยิงมาให้หัวเราะได้ถี่ ๆ แต่ก็ไม่มีมุกแรง ๆ ที่ถึงขั้นน่าจดจำ เป็นหนังที่ซื้อตั๋วเขาไปดูผ่อนคลายได้เหมาะกับบรรยากาศปลายปีแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ต้องดู พลาดไปก็ไม่น่าเสียดายครับ