ช่วงปลายปีนี้หนังไซไฟมากันหลายเรื่องนะ Arrival , The Space Between Us แต่ Passengers นี่สายเอาใจตลาดล้วน ๆ มาในแนว แอ็คชั่น-โรแมนติก ได้ คริส แพรตต์ และ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ พระนางระดับต้น ๆ ของฮอลลีวู้ดมาเป็นชื่อขาย บนฉากหลังที่เป็นเหตุการณ์บนยานอวกาศลำยักษ์ บวกกับผู้กำกับ มอร์เต็น ทิลดัม ชาวนอร์เวย์ที่มาจากสายรางวัล The Imitation Game (2014) เปลี่ยนแนวมาจับหนังตลาดทุนสูงเรื่องแรก แล้วยังได้ จอน สเปธส์ มือเขียนบทงานชุกในช่วงนี้ Doctor Strange (2016) , Prometheus (2012) และเป็นคนเขียน The Mummy เวอร์ชั่นทอม ครุยส์ ด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นจุดขายที่น่าจะเรียกคนดูได้มากในช่วงเปิดตัว
หนังกำหนดเหตุการณ์ให้เกิดในอนาคตอันไกล ชาวโลกเจอดาวอาณานิคมดวงใหม่ในระบบสุริยะห่างไกล ที่ชื่อ โฮมสเตด มีเอกชนดำเนินกิจการขนย้ายชาวโลกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ โฮมสเตด ด้วยยานอวกาศลำยักษ์ชื่อ อวาลอน ขนชาวโลก 5,000 คนหลับมาในแคปซูลจำศีล ใช้เวลาเดินทางถึง 120 ปี หลังเดินทางไปได้ 30 ปี เกิดปัญหาระบบภายในขัดข้องทำให้จิม และ ออโรร่าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาก่อนจะถึงโฮมสเตดถึง 90 ปี ทั้งคู่รู้ทันทีว่าถ้าไม่ทำอะไร จะต้องแก่ตายกันไปบนยานอวาลอนนี่เป็นแน่ เลยพยายามทุกวิถีทางที่จะพาตัวเองกลับเข้าแคปซูลไปจำศีลให้ได้ แต่แล้วก็หมดหนทาง ท้ายที่สุดทั้งคู่พบว่ายานอวาลอนเกิดความเสียหายรุนแรงและจะต้องดับกลางคัน ทุกชีวิตจะต้องตายหมด มีเพียงเขาทั้งคู่ที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
หนังออกมาเป็นการผสมผสานของไซไฟ โรแมนติกและแอ็คชั่น ที่ยังไม่ลงตัวนัก เปิดมาด้วยดราม่าที่ตั้งโจทย์เรื่องศีลธรรมมาชั่งใจคนดู ว่าถ้าเป็นเราจะตัดสินใจเหมือนจิมหรือไม่ ก่อนจะพาเข้าสู่โหมดโรแมนติก ชีวิตคู่หวานแหววในช่วงกลางเรื่อง ลงท้ายด้วยฉากแอ็คชั่นยาว ๆ กับวีรกรรมกู้ภัยยานในช่วงท้าย ที่เป็นช่วงที่สนุกสุดแล้วของความยาวหนังทั้ง 2 ชั่วโมง จุดเด่นที่สุดของเรื่องและพาให้เพลิดเพลินไปกับหนังได้ตลอดคืองานออกแบบฉาก ทั้งรูปแบบยานที่ถือว่าได้ว่าฉีกรูปแบบยานอวกาศที่สุดที่เห็นในหนังฮอลลีวู้ดมาแล้ว มองด้านข้างเห็นยานรูปทรงคดเคี้ยวประหลาด ๆ แต่พอมองด้านหน้าจึงเห็นได้ว่าปีกทั้ง 3 ของยานนี่หมุนวนแกนกลางนั้น ล้อมกันเป็นทรงกลม ช่วงที่จิม พาทัวร์ยานนั้นก็น่าตื่นตากับแต่ละห้องที่ออกแบบมาได้สวยงาม ทั้งห้องนอน ห้องโถง ห้องเล่นเกม สระว่ายน้ำ การออกแบบหน้าจอระบบคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ก็ดูล้ำดี รวมไปถึงชุดท่องอวกาศที่ดูเท่มาก
บทสนทนาของ จอน สเปธส์ เขียนออกได้อย่างมีเสน่ห์ แม้เป็นงานยากที่ทั้งเรื่องจะเป็นการพูดคุยกันอยู่แค่มนุษย์ 2 คน กับหุ่นยนต์อีก 1 ตัว บทสนทนาถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินเรื่องของ Passengers ทริค ลูกเล่นต่าง ๆ ปัญหาในเรื่องล้วนมาจากบทสนทนาของทั้ง 3 แม้หนังหลาย ๆ เรื่องเรามักจะคาดเดาคำตอบของตัวละครในบทสนทนานั้นได้ถูก แต่กับ passengers เดาตามแล้วก็ผิดครับ แต่ก็เป็นคำตอบที่ดูฉลาดและลื่นไหล แต่กับการเชื่อมต่อเข้าองก์สุดท้ายของหนัง รู้สึกได้ชัดว่าอารมณ์หนังค่อนข้างโดด เหมือนว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ หนังน่าจะมีปัญหาอะไรในเวอร์ชั่นล่าสุดหรือรอบฉายโชว์นะ เลยถูกตัดต่อฉากจบใหม่ หนังจริงถึงได้ออกมาไม่เหมือนตัวอย่าง เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือบทของแอนดี้ การ์เซีย ที่เห็นจากตัวอย่างหนังน่าจะมีบทบาทพอสมควร แต่ในหนังจริงกลับถูกตัดทิ้งหมดเหลือโผล่มาให้เห็นประมาณ 3 วินาทีได้ และปริศนาน่าสนใจที่ฝากไว้ในตัวอย่างว่า “There’s a reason we woke up early” เหมือนว่าพล็อตเดิมคู่นี้ถูกปลุกให้ตื่นภายใต้แผนการอะไรสักอย่าง แต่ประเด็นนี้ก็กลับหายไปในเวอร์ชั่นที่ออกฉาย ทำให้ดูจบด้วยความตะขิดตะขวงอยากรู้ว่าในเวอร์ชั่นเดิม จิมถูกปลุกขึ้นมาเป็นแผนการของใคร และมีจุดประสงค์อะไร
เวอร์ชั่นแรกของ Passengers นั้นวางตัว คีอานู รีฟส์ และ ราเชล แมคอดัมส์ ไว้ แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นคู่นี้แทน ชื่อเสียงของคู่นี้ขายได้ดีกว่าแน่ล่ะและค่าตัวแพงกว่ามากด้วย คริส แพรตต์ แม้จะอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่ก็ถือว่าเป็นหน้าใหม่เลยได้ค่าแรงกลับไป 10 ล้านเหรียญ ในขณะที่ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ได้ค่าเหนื่อยไปถึง 20 ล้านเหรียญแถม 30% ของกำไรทั้งหมดของหนัง ถึงแม้บทของเธอจะน้อยว่า คริส แพรตต์ ด้วยซ้ำ Passengers ออกมาเป็นหนังที่ไม่ถูกใจนักวิจารณ์ต่างประเทศนัก คะแนนออกมาค่อนข้างย่ำแย่ แต่ในฐานะหนังเอาใจตลาด ก็ถือว่าเป็นหนังที่สนุกเรื่องหนึ่ง แม้ช่วงกลางจะผ่อนคันเร่งไปนิด แต่โดยรวมก็ให้ความบันเทิงได้ดี พระนางสวยหล่อ ยานอวกาศออกแบบสวยดูน่าบันเทิงดี งานซีจีเนี้ยบ มีฉากตื่นเต้นให้ได้ลุ้นในช่วงท้าย แต่ออกจะเหมือน The Martian มากไปนะ ได้ทั้งสาระและบันเทิง ดูได้ครับไม่เสียดายตังค์