ทำไม Cartoon Network ถึงเป็นหนึ่งในช่องทีวี ที่นำพายุคทองของแอนิเมชันมาสู่เด็กยุค 2000 กันนะ

ก่อนที่จะมีสตรีมมิงอย่างทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งโลกเรายังอยู่ในยุคที่มีทีวีไม่กี่ช่อง ทว่าการมาของเคเบิลทีวีได้เปลี่ยนแปลงวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ไปอย่างมหาศาล เพราะสิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกของการเฝ้าจอ เพื่อดูรายการที่ชอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใครชอบช่องอะไรก็เปิดไปช่องนั้น ไม่เว้นแม้แต่ช่องการ์ตูนก็เช่นกัน

ในช่วงยุคทองของรายการทีวีนั้น มีหนึ่งในช่องที่เป็นโดดเด่นในเรื่องการคัดสรรผังรายการเป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่าทั้งช่องนี้จะฉายแค่แอนิเมชัน แต่มันกลับตอบโจทย์คนดูทุกเพศ ทุกวัย และใช่เรา กำลังพูดถึง Cartoon Network ช่องการ์ตูนที่ไม่เพียงให้ความบันเทิงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนึ่งในสื่อเอนเตอร์เทนเมนต์ ที่เป็นเสาหลักของป็อปคัลเจอร์ยุค 2000 จนหล่อหลอมวัยเด็กของผู้คนนับล้าน

ช่องการ์ตูนที่ถูกสร้างโดย ชายหนุ่มผู้เจอเรื่องสะเทือนใจ

Cartoon Network ถูกสร้างโดยเจ้าพ่อสื่อมวลชนแห่งอเมริกาอย่าง เท็ด เทอร์เนอร์ (Ted Turner) ซึ่งก่อนหน้าที่ เขาจะเป็นเจ้าพ่อเคเบิลทีวีนั้น เขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยที่ต้องทนทุกข์กับเหตุไม่คาดฝัน อันเนื่องมาจากพ่อของเขาปลิดชีวิตตัวเองลง และหลังจากที่พ่อของเขาจากไป เทอร์เนอร์ก็ได้เข้ามาจับธุรกิจโฆษณา Turner Outdoor Advertising ของบิดาต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วหลังจากนั้น 7 ปีเขาก็ได้ก่อตั้ง Turner Broadcasting System ซึ่งเป็นบริษัทสื่อมวลชนขึ้นมา

ในปี 1986 The Turner Broadcasting System ได้เข้าซื้อกิจการ Metro-Goldwyn-Mayer/United Artists ในครั้งนั้นทำให้เทอร์เนอร์พบว่าตัวเองมีคลังของสื่อเอนเตอร์เทนเมนต์มากมายในมือ และมันก็ถึงเวลาที่เขาจะนำคลังที่มีมาใช้ เพื่อดึงคนดูให้มาอยู่กับช่องในเครือข่ายของเขา

เท็ด เทอร์เนอร์

เทอร์เนอร์ได้เปิดตัวช่อง Turner Network Television ซึ่งเป็นช่องเคเบิลที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะทั้งช่องคัดสรร แต่ภาพยนตร์ที่สนุกสนานมาสู่ผู้ชม โดยในบางช่วงเทอร์เนอร์ ก็ได้มีการนำการ์ตูนคลาสสิกมาฉาย เพื่อดึงดูดฐานคนดูผู้ใหญ่ที่คิดถึง และดึงดูดเด็ก ๆ ไปพร้อมกัน ทว่านั่นทำให้เทอร์เนอร์พบว่า ยังมีคนที่ต้องการดูแต่การ์ตูนอย่างเดียวอยู่อีกมาก

ความสนุกที่พร้อมเสิร์ฟคุณหนูทุกเวลา

ในปี 1992 เทอร์เนอร์เล็งเห็นถึงเทรนด์การฉายต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ว่ามันจะเป็นอีกหนึ่งความบันเทิงสำคัญในอนาคต เขาจึงได้แยกช่องออกมาเพื่อฉายแอนิเมชันโดยเฉพาะ ซึ่ง Cartoon Network ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ณ ช่วงเวลานั้น ในฐานะช่องการ์ตูนช่องแรกที่ฉายแอนิเมชันตลอด 24 ชั่วโมง โดยนำร่องด้วยการนำแอนิเมชันเก่า ๆ ในที่มีอยู่ในคลังอย่าง ‘Tom and Jerry’, ‘The Flintstones’, ‘Scooby-Doo’, ‘Yogi Bear’ และ ‘The Jetsons’ มาฉายก่อน เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ใหญ่ที่โหยหา และเด็ก ๆ ที่กำลังเติบโตมา 

ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้ Cartoon Network เป็นที่รู้จักในทันที เพราะเวลานั้นเป็นยุคการแข่งขันของเคเบิลทีวี ทำให้มีช่องมากมายที่พร้อมจะแย่งคนดูจาก Cartoon Network ไป ซึ่งพวกเขาตระหนักดีว่า ถ้ามีแต่ซื้อลิขสิทธิ์คนอื่น กับเอาการ์ตูนเดิม ๆ มาฉาย คนดูคงเบื่อตาย พวกเขาจึงริเริ่มที่จะสร้างผลงาน Original Content ของตัวเองออกมา ด้วยการชิมลางกับโปรเจกต์ ‘What a Cartoon!’ ซึ่งเป็นรายการแอนิเมชันขนาดสั้น ที่ทำออกมาแบบไม่ต่อเนื่องกัน โดยมีเป้าหมายในการค้นหาว่าคนดูชอบอะไร รวมถึงเป็นการบอกใบ้ว่าต่อจากนี้ Cartoon Network จะมี Original Content ของตัวเองออกมาแล้ว

ในปี 2005 ในที่สุด Original Content เรื่องแรกอย่าง Dexter’s Laboratory ก็ได้ปล่อยออกมา โดยเป็นการ์ตูนใหม่ ที่สร้างเพื่อฉายที่ Cartoon Network โดยเฉพาะ และด้วยความสนุกกับความนิยมของ Dexter’s Laboratory ก็ทำให้ Cartoon Network เป็นที่รู้จักจนผู้ชมเริ่มเห็นแนวทางที่ชัดเจนของช่อง ไม่เพียงแค่นั้น ลำพังตัว Dexter’s Laboratory เองก็ประสบความสำเร็จ จนมีภาคต่อตามมามากมาย และสิ่งนี้ก็ทำให้ Cartoon Network คลอดโปรเจกต์ที่เป็น Original Content  ต่อ ๆ มา อาทิ ‘The Powerpuff Girls’ , ‘Ed, Edd n Eddy’, ‘Courage the Cowardly Dog’ และ ‘Johnny Bravo’ ซึ่งแอนิเมชันแต่ละเรื่องต่างก็นำเสนอสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับอารมณ์ขันที่เข้าใจง่าย จนสามารถตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของเด็ก ๆ ได้

Dexter’s Laboratory ซึ่งเป็นแอนิเมชันเรื่องแรก

นอกจากการมาของ Original Content แล้ว อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญต่อมาก็คือ การที่ในปี 1996 นั้นบริษัทแม่ของ Cartoon Network อย่าง Turner Broadcasting System ก็ได้รวมกิจการกับบริษัท Time Warner ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Warner Bros. และมันทำให้ Cartoon Network จึงได้รับลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่แอนิเมชันของ Warner Bros. มาด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น การควบรวมกิจการครั้งนี้ ยังทำให้ Cartoon Network ได้รับองค์ความรู้ ที่จะต่อยอดไปสู่ผลงานใหม่ ๆ ที่ตีกลุ่มตลาดเด็กโต กับวัยทำงานได้ เพราะใครต่างก็รู้ว่าในยุคนั้น Warner Bros. มีจุดเด่นในการทำหนังฮีโร่ DC ให้กลายเป็นภาพยนตร์สำเร็จอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ DNA บางอย่างจะส่งต่อมายัง Original Content ของ Cartoon Network อีกที

Teen Titans หนึ่งในผลผลิตชั้นดีที่เกิดจากควบรวมกับ WB

ความโด่งดังของ Cartoon Network ดึงดูดให้องค์กรแห่งนี้เป็นหนึ่งในช่องเคเบิลทีวีที่หลายคน อยากเข้ามาทำงาน อยากลองเข้ามาเรียนรู้ เพื่อเป็นสนามทดลอง ก่อนออกไปดังที่อื่น อาทิ เซ็ธ แม็คฟาร์เลน (Seth MacFarlane) ผู้เคยเป็นชิมลางเป็นนักเขียนบทในซีรีส์ Cow and Chicken กับ Johnny Bravo ก่อนที่จะมาโด่งดังกับ Family Guy และกลายเป็นผู้กำกับดังในยุคปัจจุบัน ในฐานะผู้สร้าง ‘TED’ หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก

ยุคทองของแอนิเมชันเพื่อคนทุกวัย

การควบรวมกิจการกับ Warner Bros. ส่งผลดีกับ Cartoon Network เป็นอย่างมาก เพราะในเวลานี้ Cartoon Network ได้ทดลองสร้างการ์ตูนหลายเรื่อง รวมถึงปรับผังฉาย เพื่อตอบสนองรสนิยมที่มากมายของคนดู โดยในผังรายการ พวกเขามีเสิร์ฟตั้งแต่เด็กเล็กอย่าง ‘Tom & Jerry’, ‘Baby Looney Tunes’ 

พอเด็กที่โตมาหน่อยก็จะเริ่มเรียนรู้ความสามัคคี และความเป็นเด็กดีจาก ‘The Powerpuff Girls’, ‘Codename: Kids Next Door’ หรือหากเด็กคนไหนชอบความปั่น จิกกัดก็จะมี ‘Ed, Edd n Eddy’, ‘The Grim Adventures of Billy & Mandy’ และหากเป็นวัยรุ่นที่โหยหาความเป็นการ์ตูนโชเน็น ทางช่องก็จะมี ‘Teen Titans’, ‘Star Wars: Clone Wars’ เป็นตัวนำร่อง ซึ่งผู้ใหญ่ที่ต้องการเนื้อหาที่ลึกขึ้นก็จะเลือกดู ‘Samurai Jack’, ‘Courage the Cowardly Dog’ นั่นเองล่ะ

เราจะเห็นเลยว่า Cartoon Network ค่อนข้างแบ่งเนื้อหาออกเป็น Category ที่หลากหลายได้เก่ง จนสามารถดึงคนที่ชอบแอนิเมชันทุกกลุ่ม ให้มาติดหนึบที่ช่องของตัวเองได้ ซึ่งพี่แกก็ไม่ได้ทำเล่น ๆ นะ เพราะแอนิเมชันมากมาย ก็ได้รับรางวัลที่การันตีว่ารายการของพวกเขานั้น ถูกสร้างมาอย่างพิถีพิถัน อาทิ Dexter’s Laboratory ที่ได้รางวัล Annie Awards ถึง 3 รางวัล หรือเจ้าหมาน้อยผู้กล้าหาญอย่าง Courage the Cowardly Dog ก็ไปไกลถึงขั้นเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม จากงานออสการ์ครั้งที่ 68 ด้วยตอน ‘The Chicken from Outer Space’ มาแล้ว

Courage the Cowardly Dog

นอกเหนือจากการวางโปรแกรมการฉายที่ถูกใจคนดูแล้ว Cartoon Network ยังมีบทบาทสำคัญในการ เป็นรากฐานของการสร้างวัฒนธรรมป็อปคัลเจอร์ในยุคนี้ เพราะตัวละครที่มักโผล่มาในหน้าฟีดเราบ่อย ๆ อย่าง The Powerpuff Girls, Ben 10, Chowder, Scooby-Doo ก็กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งยุค ซึ่งกลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าของเด็กที่เติบโตมาในช่วงปี 2000

ถ้าหากพูดว่าเด็กยุค 2000 โตมากับอะไร แน่นอนว่าก็ต้องมี Cartoon Network เป็นส่วนผสมสำคัญของชีวิตอย่างแน่นอน แม้ว่าในปัจจุบันความนิยมจะลดน้อยลงไป อันเนื่องมาจากการมาถึงของสตรีมมิง จนมีกระแสขนาดที่ช่วงต้นกรกฏาคม 2024 มี #RIPCartoonNetwork ขึ้นเทรนด์บน X จนทำให้แฟน ๆ ตื่นตระหนกว่า Cartoon Network กำลังจะปิดตัวลง ทว่า Cartoon Network ก็รีบชี้แจงประเด็นนี้อย่างรวดเร็วว่ามัน ‘ไม่เป็นความจริง’ แต่อย่างใด ซึ่งสร้างความโล่งใจให้กับแฟน ๆ ที่เติบโตมากับช่องเคเบิลทีวีช่องนี้

หากมองย้อนกลับไป เราจะเห็นเลยว่า Cartoon Network ถือเป็นหนึ่งในความทรงจำ อันล้ำค่าของเด็กยุค 2000 เพราะช่องทีวีแห่งนี้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้พวกเขาชอบอยู่บ้าน สร้างนิสัยการตื่นเช้าเพื่อมาดูการ์ตูน พร้อมกับบ่มเพาะการเป็นเด็กดีด้วยการ์ตูนที่รัก ซึ่งจะเห็นเลยว่า Cartoon Network ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเป็นแค่ช่องการ์ตูนไปแล้ว สิ่งนี้กลายเป็นหนึ่งในมรดกชิ้นสำคัญแห่งยุคที่ผู้คนจะจดจำเสมอ และแม้ว่าวันหนึ่งช่องจะเลิกฉายการ์ตูนไป แต่ผลงานที่สร้างไว้ จะถูกกล่าวขาน ในแง่ของอิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรมแอนิเมชันไปอีกนาน