แม้เวลาจะผ่านมานานนับ 7 ปี สำหรับหนังที่ว่าด้วยเรื่องการ ‘โกง’ อย่าง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ หนังไทยจากค่าย GDH ปี 2017 ผลงานการกำกับของ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ นำแสดงโดย ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ และนนกุล-ชานน สันตินธรกุล หนังเรื่องนี้ยังคงถูกพูดถึงเสมอมา ทั้งมีการพัฒนาเป็นซีรีส์ในชื่อ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ เมื่อปี 2020
และในปี 2024 หนังเรื่องนี้ได้ถูกนำไปรีเมกเป็นเวอร์ชันต่างประเทศอีกครั้ง ในชื่อ ‘Bad Genius’ หรือ ‘แบด จีเนียส’ กำกับโดย เจ.ซี. ลี (J.C. Lee) และนำแสดงโดย คัลลินา เหลียง (Callina Liang), จาบารี แบงส์ (Jabari Banks), เทย์เลอร์ ฮิกสัน (Taylor Hickson) และแซมมวล บรอน (Samuel Braun) กับเรื่องราวการโกงครั้งใหม่ของ ลินน์ (คัลลินา เหลียง) สาวนักเรียนทุนที่รับจ้างโกงข้อสอบเพื่อหารายได้ พร้อมกับเพื่อนของเธอ
BT BUZZ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักแสดงนำจาก ‘Bad Genius’ อย่าง คัลลินา เหลียง ถึงการรับบท ‘ลินน์’ พร้อมเปิดเบื้องหลังการทำงานสุดท้าทายในหนังรีเมกเรื่องนี้ และถามความรู้สึกของเธอหลังจากที่ได้ดูหนังต้นฉบับอย่าง ‘ฉลาดเกมส์โกง’
คุณเคยดูหนังหรือซีรีส์ไทยมาก่อนหรือไม่ ?
คัลลินา: ฉันดูหนังกับซีรีส์เกาหลีและญี่ปุ่นเยอะมากเลย ส่วนหนังไทยฉันจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยดูอยู่เรื่องหนึ่ง ฉันจำชื่อหนังไม่ได้ แต่มันคือหนังสยองขวัญที่ฉันดูตั้งแต่ตอนที่อายุ 16 ปี และมันทำให้ฉันกลัวจนฝังใจมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ หนังสยองขวัญไทยทำให้ฉันกลัวมาก ๆ และแน่นอนว่าอีกเรื่องที่ฉันเคยดูก็คือ ‘ฉลาดเกมส์โกง’
หนังแนวไหนที่คุณชอบที่สุด ?
คัลลินา: ฉันคิดว่ามันเลือกยากมาก ฉันชอบหนังโรแมนติก เพราะทุก ๆ คนก็ชอบหนังโรแมนติก และฉันก็ชอบหนังแนวระทึกขวัญด้วย ฉันชอบหนังแอ็กชันที่มันเร็วเร้าใจจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ และหนังที่มีฉากต่อสู้ด้วย แนวนี้ฉันก็ชอบ
คุณรู้จัก ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง นักแสดงผู้รับบท ลิน ใน ‘ฉลาดเกมส์โกง’ หรือไม่ ?
คัลลินา: ตอนที่ฉันได้ออดิชันครั้งแรก ฉันได้ดูตัวอย่างของ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ ไป และฉันก็หลงเสน่ห์การแสดงของเธออย่างมาก แต่หลังจากที่ฉันได้รับบท ฉันก็ไม่อยากคิดมากให้ปวดหัวถึงการทำให้มันคล้ายกับหนังต้นฉบับเกินไป ดังนั้นฉันจึงไม่ดูหนังต้นฉบับเลยในระหว่างการถ่ายทำ และรอให้ถึงตอนที่พวกเราถ่ายทำเสร็จแล้ว และในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็กลับมาที่บ้านพักด้วยกัน แล้วนักแสดงทุกคนก็เปิด ‘ฉลาดเกมส์โกง’ ดูด้วยกัน และมันก็น่าสนใจมาก ๆ ที่เราได้ดูหนังที่เราทำเหมือนกัน และสิ่งที่แตกต่างกันในหนังทั้ง 2 เวอร์ชันนี้ ซึ่งออกแบบนั้นเก่งมาก ๆ และฉันก็เพิ่งได้ดูหนังอีกเรื่องของเธอเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่าง ‘Hunger’ ด้วย ซึ่งฉันชอบมาก
ตัวละคร ลิน ใน ‘ฉลาดเกมส์โกง’ และ ลินน์ ใน ‘Bad Genius’ แตกต่างกันอย่างไร ?
คัลลินา: จริง ๆ เราทั้งคู่ค่อนข้างคล้ายกันนะ แต่ฉันคิดว่ามันมีความชัดเจนอยู่แล้ว ว่าฉันกับเธอเป็นคนละคนกัน เราต่างก็นำเสนอมุมมองนั้น ๆ ผ่านตัวละคร ฉันรู้สึกว่าตัวละครของเราทั้งคู่นั้นเป็นคนที่ฉลาดและจริงจังเหมือนกัน แต่เราต่างก็มีโมเมนต์แปลก ๆ ฟีลขำ ๆ อยู่นะ ฉันรู้สึกว่าเราคล้ายกัน แต่ก็มีสิ่งที่ต่างกันในบางอย่าง โดยรวมแล้วฉันรู้สึกว่าเรามีเอเนอร์จีเหมือนกัน แต่นำเสนอออกมาในมุมมองที่ต่างกัน
‘ฉลาดเกมส์โกง’ และ ‘Bad Genius’ แตกต่างกันอย่างไร ?
คัลลินา: เนื้อหาส่วนใหญ่จะมีความคล้ายกัน แต่ในเวอร์ชันนี้ตอนจบจะแตกต่างออกไป และถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งฉันตื่นเต้นมาก ๆ ที่เร็ว ๆ นี้พวกคุณจะได้ดูกัน และในบางส่วนจากพาร์ตการโกงก็จะมีความต่างอยู่ด้วย รวมถึงตัวละครลินน์ก็จะมีความต่างออกไป เช่น เรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อ และอื่น ๆ
ในชีวิตจริง คุณเคยมีวีรกรรมการแอบโกงบ้างหรือไม่ ?
คัลลินา: ก็…บางครั้งตอนฉันไปที่ร้านขายของ แล้วตอนจ่ายเงินแทนที่ฉันจะบอกเขาว่าใช้ถุงช็อปปิง 2 ใบ ฉันกลับบอกว่าไม่ได้ใช้ อีกอย่างก็คือเมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก และฉันต้องการจะซื้อบัตรรถไฟในราคาที่ถูกก็เลยซื้อแบบที่เป็นของผู้สูงอายุ แต่นั่นก็ใช้ได้แค่เดือนเดียวนะ เพราะฉันโดนตำรวจจับเสียก่อน ดังนั้นเด็ก ๆ อย่าหาทำตามกันนะจ๊ะ
การทำงานกับผู้กำกับ เจ.ซี. ลี เป็นอย่างไรบ้าง ?
คัลลินา: มันเจ๋งมากค่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันได้เจอเขา มันเป็นการทำงานที่เราร่วมมือกันมาก ๆ เขาเปิดใจให้ฉัน และเราต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดกันไปเยอะมาก ๆ เขาเป็นคนที่ทำงานเป๊ะมาก ๆ และฉันคิดว่าเขาเอาไอเดียจากตัวเองใส่เข้าไปในหนังเยอะมาก มันสนุกมาก ๆ เลยค่ะที่ได้ทำงานกับ เจ.ซี. ลี
การร่วมงานกับ เบเนดิกต์ หว่อง (Benedict Wong) ผู้รับบทเป็น ‘พ่อ’ ของ ลินน์ และนักแสดงคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง ?
คัลลินา: มันเจ๋งมากเลยค่ะ พวกเรากลายมาเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่จริง ๆ เลย เราสนิทกันมากและเป็นเพื่อนกันนอกกองถ่ายด้วย ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ อย่างฉันกับเทย์เลอร์ (นักแสดงผู้รับบท เกรซ) เราเจอกันบ่อยมาก ส่วนเบนนี่ (เบเนดิกต์ หว่อง) ก็เหมือนกัน เขาแทบจะเป็นเหมือนพ่อของฉันในชีวิตจริงเลย เขาให้คำแนะนำฉันเยอะมาก เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของฉัน เขาจึงคอยสนับสนุนฉัน และการได้ทำงานกับเขามันก็สุดยอดมาก เพราะฉันเป็นแฟนตัวยงของเขามาตั้งแต่เด็ก พอฉันรู้ว่าเขาจะมาเล่นเป็นพ่อของฉัน ฉันก็แบบ ‘อะไรนะ นี่มันบ้าชะมัด’ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก และในทุก ๆ ซีนที่เราแสดงด้วยกัน มันก็รู้สึกสมจริงมาก ฉันแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย ปล่อยให้อารมณ์มันพาไปเอง
คุณเคยดูผลงานเรื่องไหนของ หว่อง มาก่อนหรือไม่ ?
คัลลินา: เขาเป็นนักแสดงที่อยู่ในหนังที่ฉันชอบเลยแหละ อย่างเรื่อง ‘Prometheus’ จากแฟรนไชส์ Alien ฉันรักหนังเรื่องนั้นมาก และแน่นอนในเรื่อง ‘Doctor Strange’ ที่เขาเล่นเป็นตัวเอง (หว่อง) แบบคลาสสิกสุด ๆ และในซีรีส์ ‘Marco Polo’ ด้วย ซึ่งเป็นซีรีส์ใน Netflix เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก และก็ทำงานมาเยอะมากด้วย เขานี่สุดยอดจริง ๆ
คาแรกเตอร์ไหนในหนังทั้ง 2 เวอร์ชัน ที่คุณชอบที่สุด ?
คัลลินา: โอ้ นี่มันยากมากนะ ฉันคิดว่าในเวอร์ชันไทย ฉันชอบตัวละคร ‘ลิน’ มาก ฉันรู้แหละว่าเธอคือตัวละครที่ฉันแสดง แต่ฉันคิดว่าพวกเราแสดงออกมาในแบบที่แตกต่างกัน และฉันก็ชอบ ‘เกรซ’ ด้วย เธอน่ารัก หวาน และตลกมาก ๆ ส่วนในเวอร์ชันรีเมกตัวละครที่ฉันชอบที่สุด คือ ‘แบงค์’ ฉันชอบแบงค์มาก แล้วก็ชอบแฟนของเกรซอย่าง ‘พัท’ ด้วย เขาตลกมาก เขาตลกสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้
คุณเตรียมตัวสำหรับซีนเล่นเปียโนในหนังอย่างไรบ้าง เคยเรียนเปียโนมาก่อนหรือไม่ ?
คัลลินา: จริง ๆ ฉันเริ่มเล่นเปียโนมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ดังนั้นฉันจึงรู้วิธีการเล่นเปียโนและอ่านโน้ตเพลงได้ แต่ฉันไม่ได้เล่นมันมาสักพักแล้วในช่วงก่อนการถ่ายทำ เพราะฉันไม่มีเวลาและไม่มีเปียโน แต่เมื่อฉันรู้ว่าฉันได้รับบทนี้ ฉันก็เลยเริ่มกลับมาฝึกซ้อมทุกวัน ประมาณวันละ 3-4 ชั่วโมง ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อฉากและเพลงต่าง ๆ และแน่นอนว่าลินน์นั้นเธอเล่นเปียโนเก่งมาก ซึ่งฉันก็เล่นได้ในระดับดี แต่เธอนั้นเก่งในระดับ Juilliard (The Juilliard School) เลย ดังนั้นฉันต้องฝึกซ้อมอย่างจริงจัง และมันก็สนุกมาก ซึ่งก่อนที่จะถ่ายทำฉันก็ใช้เวลาฝึกไป น่าจะประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ได้
เบื้องหลังการถ่ายทำซีนเล่นเปียโน นักแสดงคนไหนจำมือของลินน์ได้แม่นมากที่สุด ?
คัลลินา: ฉันคงต้องตอบว่า ‘เทย์เลอร์’ เพราะเธอนั้นเล่นกีตาร์เป็น และเธอก็เล่นเปียโนเป็นอยู่บ้าง ดังนั้นเธอก็เลยเข้าใจได้ดีนั่นเอง
ในชีวิตจริง คุณเคยเรียนได้เกรดเท่าไหร่ ?
คัลลินา: ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.6 ราว ๆ นั้น ซึ่งมันถือว่าดีเลยนะ ตอนนั้นฉันเรียนดีพอสมควรเลย จนกระทั่งฉันตัดสินใจมาเป็นนักแสดงนี่แหละ หลังจากนั้นฉันก็ลืมเรื่องเรียนไปหมดเลย
คุณเป็นเด็กที่ ชอบเรียน หรือ ชอบทำกิจกรรม มากกว่ากัน ?
คัลลินา: ฉันเป็นเด็กเรียน ฉันชอบเรียนมาก ๆ ฉันจำได้ว่าตอนที่อยู่ ม. ปลาย ขณะที่เพื่อน ๆ ทุกคนไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน ฉันจะนั่งอยู่คนเดียวในห้องและอ่านหนังสือเป็นชั่วโมงเลย
สมัยเรียน คุณชอบและไม่ชอบวิชาไหนมากที่สุด ?
คัลลินา: วิชาที่ฉันไม่ชอบคือ ‘ฟิสิกส์’ ฉันเกลียดฟิสิกส์มาก ฉันไม่เก่งฟิสิกส์เลย ส่วนวิชาที่ชอบที่สุดคือ ‘คณิตศาสตร์’ หรือไม่ก็ ‘ชีววิทยา’ โอ้ และฉันก็ไม่ชอบวิชา ‘ภาษาอังกฤษ’ ด้วย ฉันเกลียดภาษาอังกฤษ ฉันพูดอังกฤษได้ แต่ฉันเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ และฉันจำได้ว่าตอนเรียนฉันรู้สึกลำบากมากที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนเรียงความ
คุณมีคำแนะนำสำหรับเด็ก ๆ ที่เตรียมตัวอ่านหนังสือก่อนสอบบ้างหรือไม่ ?
คัลลินา: ฉันเป็นคนชอบเตรียมตัวล่วงหน้า ดังนั้นเมื่อฉันรู้วันสอบแล้ว ฉันจะเริ่มอ่านทบทวนเนื้อหาตั้งแต่เนิ่น ๆ และฉันก็ชอบทำข้อสอบจำลองเยอะมาก ๆ ฉันจะทำมันซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าฉันจะรู้คำถามทั้งหมด จริง ๆ แล้วคำแนะนำที่ดีที่สุดของฉันคือการทำข้อสอบจำลอง ฉันค้นพบว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่ง มันเป็นการทำเหมือนเราสอบจริง ๆ แล้วก็ดูได้ว่าเราพลาดตรงไหนไปบ้าง และตรงไหนที่ควรกลับไปทบทวนซ้ำอีกครั้ง
อะไรคือความท้าทายของคุณในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ?
คัลลินา: มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากนะคะ แต่เราต้องถ่ายทำกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นวันออกกองแต่ละครั้งมันจึงยาวนานมาก โดยเฉพาะฉากที่ฉันต้องวิ่งและถูกไล่ตาม มันเป็นวันที่ยาวนานมากและเหนื่อยมาก ฉันจำได้ว่าล้มไปหลายครั้ง แต่หนึ่งในความท้าทายที่ตลกที่สุด คือตอนที่ฉันต้องแกล้งอาเจียน มันสนุกมาก แต่ก็ยากมากด้วย เพราะฉันต้องเอาดินสอเข้าไปในคอ แล้วก็อ้วกออกมาต่อหน้าคนประมาณ 30 คน แต่ตอนนั้นมันก็สนุกจริง ๆ
โมเมนต์ที่คุณประทับใจที่สุดในหนังเรื่องนี้คืออะไร ?
คัลลินา: ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันนึกถึงซีนนี้เป็นอันแรก มันคือซีนที่ลินน์เตะรองเท้าไปหาเกรซเพื่อที่จะให้ยางลบ ซึ่งการเตะรองเท้านั้นยากมาก พวกเขาต้องใส่ตะปูไว้ใต้รองเท้า เพื่อให้มันสไลด์ไปตามพื้น และฉันต้องเตะมันหลายครั้งมาก ๆ เพื่อให้มันออกมาสมบูรณ์แบบ และเมื่อเราถ่ายทำกันเสร็จ ทุกคนก็ตื่นเต้นมาก และหลังจากนั้นทีมงานก็ทำถ้วยรางวัลรูปรองเท้าเพื่อมอบให้ฉันและเกรซ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีในการเตะรองเท้า ดังนั้นมันจึงเป็นหนึ่งในวันที่น่าประทับใจ
การศึกษาในชีวิตจริงของคุณ กับ ในหนัง เหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง ?
คัลลินา: ฉันรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจลินน์ และเชื่อมโยงกับตัวละครลินน์มาก เพราะตอนที่ฉันโตมา ก็มีแค่ฉันกับพ่อ และฉันไม่มีพี่น้องเลย ฉันย้ายโรงเรียนบ่อยมาก และมักเป็นเด็กใหม่ในที่ต่าง ๆ เสมอ ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยอยู่ที่โรงเรียนเดิมนานเกิน 2 ปี ดังนั้นฉันจึงต้องหาเพื่อนใหม่เสมอ ยิ่งเมื่อตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบ และฉันพูดได้แค่ภาษาจีน แล้วต้องเปลี่ยนจากโรงเรียนจีน มาเป็นโรงเรียนนานาชาติ เพื่อนหลาย ๆ คนก็ไม่ค่อยชอบฉัน เพราะฉันเป็นเด็กเรียนเก่ง ดังนั้นฉันจึงต้องแกล้งทำเป็นไม่ฉลาดมากนัก เพื่อที่จะได้มีเพื่อน ซึ่งฉันคิดว่ามันคล้ายกับลินน์ในหนัง เพราะเธอเป็นเหมือนคนนอกคอก เพราะเธอเอาแต่เรียน เธอฉลาดมาก แต่ฉันคิดว่าทุกคนในโรงเรียนต่างก็มีประสบการณ์เหมือนกัน มันง่ายมากที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวและต้องการเป็นคนที่สังคมยอมรับ หรือการยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ได้รับการชื่นชอบ ซึ่งสิ่งที่ฉันรักในหนัง ‘Bad Genius’ ก็คือการที่ลินน์ยอมรับการเป็นตัวเอง ทั้งสมองของเธอ ความฉลาดของเธอ ที่มันเป็นข้อได้เปรียบ การที่เธอเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งท้ายที่สุดสมัยเรียนฉันก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นการเป็นตัวของตัวเองเนี่ยแหละดีที่สุดแล้ว
ฝากหนังเรื่อง ‘Bad Genius’
คัลลินา: ไปดู ‘Bad Genius’ กันนะคะทุกคน ฉันหวังว่าคุณจะชอบหนังเวอร์ชันนี้ เหมือนที่คุณชอบ ‘ฉลาดเกมส์โกง’ นะคะ