ในโลกแห่งเสียงดนตรี Thủy (อ่านว่า “ทวีย์”) ศิลปินสาวชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามได้กลายเป็นหนึ่งในเสียงที่ทรงพลังและน่าจดจำที่สุดในปัจจุบัน ด้วยเสียงร้องที่ลุ่มลึกและการแต่งเพลงที่เชื่อมโยงกับผู้ฟังทั่วโลก เธอสร้างชื่อเสียงจากเพลงฮิตไวรัล “Girls Like Me Don’t Cry” ที่ครองชาร์ต TikTok และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั่วโลก จนมียอดการสตรีมมากกว่า 650 ล้านครั้ง และทำให้เธอกลายเป็นดาวรุ่งในวงการเพลงทันที

Thủy เป็นศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามคนแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเพลงด้วยเสียงและสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ล่าสุดเธอได้ปล่อยอัลบั้มใหม่ “Wings” ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการทางดนตรีและความมั่นใจที่เติบโตขึ้น อัลบั้มนี้ผสมผสานเสียงที่สดใหม่กับบทเพลงที่ลึกซึ้ง ถ่ายทอดตัวตนและความเปราะบางของเธอในแบบที่เปี่ยมด้วยพลัง

ในการพูดคุยกันครั้งนี้ Thủy ได้เปิดเผยเบื้องหลังแรงบันดาลใจในเพลงของเธอ บทเรียนชีวิตที่นำมาสู่การทำเพลง รวมถึงความท้าทายที่เธอเผชิญในเส้นทางดนตรี นี่คือบทสัมภาษณ์ที่คุณจะได้สัมผัสตัวตนของเธออย่างแท้จริง

BT: คุณเพิ่งออกอัลบั้มล่าสุด “Wings” มา หัวใจสำคัญของอัลบั้มนี้คืออะไร

Thủy: ฉันคิดว่าหัวใจสำคัญของอัลบั้มนี้น่าจะเป็นเพลงสุดท้ายนั่นคือ “Wings” ค่ะ ฉันเป็นคนแต่งเพลงที่เปิดเผยความรู้สึกในใจอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าเพลงในอัลบั้มนี้จะมีความสนุกสนานและจังหวะที่สดใสมากมาย แต่ “Wings” สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของฉัน ฉันรักเพลงนี้มาก และอยากให้มันเป็นเหมือนเพลงอำลาของอัลบั้มนี้ค่ะ

BT: ในระหว่างที่ทำอัลบั้มนี้ คุณมีการเติบโตด้านการสร้างสรรค์หรือค้นพบแง่มุมใหม่ ๆ ของตัวเองอย่างไรบ้าง

Thủy: ฉันคิดว่าฉันค้นพบความมั่นใจใหม่ในตัวเอง โดยเฉพาะในฐานะผู้หญิง ฉันเริ่มมองเห็นคุณค่าของร่างกายตัวเองในสภาพที่เป็น และเรียนรู้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่าที่เคยคิด ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ระหว่างการทำอัลบั้มนี้ ฉันผ่านอะไรมากมาย หลายครั้งเราต้องเริ่มต้นใหม่หลายรอบ และมีช่วงเวลาที่ไม่แน่ใจว่าโปรเจกต์นี้จะได้รับการตอบรับดีหรือไม่ ฉันต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองอีกครั้ง ในกระบวนการทำอัลบั้มนี้ ฉันค้นพบความมั่นใจและความแข็งแกร่งที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี และฉันคิดว่าผู้ฟังจะสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ผ่านเสียงร้องของฉัน เสียงในอัลบั้มนี้ฟังดูแข็งแรง เป็นผู้หญิง และเปี่ยมด้วยความมั่นใจค่ะ

BT: มีเพลงไหนในอัลบั้มนี้ที่มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับคุณบ้างไหม ช่วยเล่าเรื่องราวเบื้องหลังให้เราฟังหน่อย

Thủy: ฉันคิดว่าเพลงที่พิเศษที่สุดน่าจะเป็นเพลง “whatcha gotta say” ที่ได้ Blxst มาร่วมฟีเจอร์ริง เพลงนี้สนุกมากตอนทำ และในสตูดิโอฉันรู้ทันทีเลยว่าฉันอยากให้ Blxst มาร่วมในเพลงนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าสนุกเพราะเราเจอกันครั้งแรกตอนฉันไปเล่นที่ Coachella พวกเราทั้งคู่เล่นในปีเดียวกัน เราได้คุยกันแค่สั้น ๆ และบอกว่าพวกเราต่างเป็นแฟนเพลงของกันและกัน หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือฉันคิดว่ามันเป็นแบบนั้นนะ ฉันส่งข้อความหาเขาทาง Instagram เพื่อถามว่าเขาสนใจที่จะร่วมร้องในท่อนที่สองไหม และโชคดีที่เขาตอบตกลง แต่การยื่นข้อเสนอแบบนี้มันน่ากลัวมาก เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาจะสนใจหรือเปล่า ฉันรู้สึกดีใจมากที่ทุกอย่างออกมาดี เพราะฉันตั้งใจมากที่อยากให้ Blxst มาร่วมในเพลงนี้ และเขาทำออกมาได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ

BT: วิธีการแต่งเพลงในแบบของ Thủy นั้นเป็นอย่างไร

Thủy: ฉันคิดว่าวิธีการของฉันคือการเททุกอย่างออกมาให้หมด วางมันไว้บนโต๊ะ ฉันไม่ใช่คนที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่ง โดยเฉพาะตอนที่ทำเพลง ในชีวิตประจำวันของฉัน คนรอบตัวอาจไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร แต่ในเพลงของฉัน มันยากมากที่ฉันจะไม่ใส่ความรู้สึกเหล่านั้นลงไป เพลงของฉันมักดึงมาจากประสบการณ์ของตัวเองเสมอ และมันเป็นเรื่องจริงมาก ๆ ฉันอดไม่ได้เลยที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมา แม้บางครั้งอาจจะเผยออกมามากเกินไป ฉันเป็นคนเปิดกว้างมากเวลาทำเพลงค่ะ

BT: ปกติแล้วคุณเริ่มจากเนื้อเพลงหรือเมโลดี้

Thủy: ฉันมักเริ่มจากเมโลดี้ค่ะ เพราะสำหรับฉันมันสนุกที่สุด มันไม่มีการคิดอะไรเยอะเลย มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ ฉันชอบที่จะเริ่มต้นทันทีเมื่อได้จังหวะหรือบีทที่เหมาะสม และปล่อยเมโลดี้ออกมาจากหัวใจ เพราะสำหรับฉันมันเป็นสิ่งที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนเนื้อเพลงบางครั้งก็ง่ายมาก บางครั้งก็ยากมาก เพราะมันเหมือนการแก้ปริศนา บางทีปริศนาก็ยาก แต่บางทีมันก็ง่าย ดังนั้นสำหรับฉัน ฉันมักเริ่มต้นด้วยเมโลดี้ก่อนเสมอค่ะ

BT: เมื่อพูดถึงการเขียนเพลง เพลงของคุณมีความสมดุลระหว่างความเปราะบางและการสร้างพลังได้อย่างน่าทึ่งและงดงาม อยากรู้ว่าคุณหาแรงบันดาลใจมาจากไหน

Thủy: ฉันคิดว่าฉันดึงแรงบันดาลใจมาจากทุกสิ่งรอบตัวค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าฉันได้ยินบีทหรือจังหวะ ฉันมักจะคิดถึงคอนเซปต์ก่อน และสร้างทุกอย่างขึ้นมาจากตรงนั้น จริง ๆ แล้วเหมือนจังหวะเพลงมันจะบอกฉันเองว่าควรพูดถึงอะไร มันค่อนข้างแปลก ฉันอธิบายไม่ได้ แต่เมื่อฉันฟังดนตรี ฉันจะคิดถึงคอนเซปต์ขึ้นมาทันที เพราะสำหรับฉัน การเล่าเรื่องต้องมีคอนเซปต์ ถ้าไม่มีมันจะเล่าเรื่องได้ยาก ดังนั้นฉันมักเริ่มจากคอนเซปต์ก่อนเสมอค่ะ

BT: พูดถึงเพลงที่เป็นที่รู้จักของคุณอย่าง “Girls Like Me Don’t Cry” อยากรู้ว่าแรงบันดาลใจเบื้องหลังเพลงนี้คืออะไร ประสบการณ์ใดที่ทำให้คุณอยากเขียนเพลงนี้ขึ้นมา

Thủy: วันนั้นฉันไม่อยากไปสตูดิโอเลย เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันอยากถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาในเพลง และแทนที่จะทำเพลงเศร้า ฉันอยากทำเพลงป๊อปจังหวะสนุก ๆ ที่สามารถให้กำลังใจคนอื่น และพูดตรง ๆ เลยก็เพื่อให้กำลังใจตัวเองด้วย เพราะวันนั้นฉันรู้สึกแย่จริง ๆ แต่ฉันอยากสร้างเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าการทำเพลงนี้มันเติมเต็มและทำให้มีความสุข เนื้อเพลงนี้จริงมาก ๆ กับประสบการณ์ของตัวเอง ฉันเขียนเกี่ยวกับการย้ายไปลอสแองเจลิสโดยแทบไม่มีเงิน และมีแค่ทิชชู่ในกระเป๋าเพราะฉันเป็นคนขี้แงมาก แต่ฉันไม่อยากให้เพลงนี้ออกมาเศร้า ฉันอยากให้มันเป็นเพลงที่แข็งแกร่งและสร้างพลังสำหรับคนที่ร้องไห้ง่ายเหมือนฉัน เพื่อบอกพวกเขาว่ามันโอเคที่จะร้องไห้ เพราะมันไม่ใช่สัญลักษณ์ของความอ่อนแอ และฉันคิดว่าหลายคนก็รู้สึกเชื่อมโยงกับเพลงนี้ค่ะ

BT: อยากรู้ว่าอะไรคือช่วงเวลาที่ทำให้คุณรู้ว่าเส้นทางที่แท้จริงของคุณคือดนตรี และทำให้คุณตัดสินใจออกจากสายงานแพทย์

Thủy: ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มต้นสายงานนี้ค่อนข้างช้ากว่าคนอื่น ๆ และเมื่อฉันมองดูเพื่อนร่วมงานในวงการ พวกเขาหลายคนเก่งในการแต่งเพลง หรือเล่นเครื่องดนตรีได้ดีมาก ฉันรู้สึกว่าตัวเองตามหลังพวกเขาอยู่เยอะ แต่ตรงนั้นเองที่เป็นแรงผลักดันให้ฉันทำงานหนักขึ้นเพื่อไปให้ถึงจุดเดียวกับพวกเขา มันเป็นบทพิสูจน์ว่าถึงแม้คุณจะไม่ได้เกิดมาพร้อมทุกอย่าง คุณก็สามารถทำให้ชีวิตดีที่สุดได้ ถ้าคุณมีความหลงใหลและขยันมากพอ การออกจากสายงานแพทย์ในตอนนั้น ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะในขณะเดียวกันฉันก็กำลังทำเพลงและเริ่มได้รับความสนใจ เพลงของฉันเริ่มได้รับแรงกระตุ้น และมีโอกาสให้เช่าห้องในลอสแองเจลิส ฉันจึงตัดสินใจเสี่ยงและลงมือทำ มันเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่สำหรับฉัน เพราะตอนนั้นฉันย้ายไปโดยแทบไม่มีเงิน แต่ฉันรู้มาตั้งแต่เด็กว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ และมันเป็นโอกาสที่รู้สึกว่าใช่ การย้ายไปลอสแองเจลิสเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ทั้งการหางานและการเรียนรู้เกี่ยวกับวงการดนตรี แต่มองย้อนกลับไป ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันทำเพื่อชีวิตตัวเอง มันสนุกมากกับการพยายามค้นหาเส้นทางและแก้ไขปัญหาในระหว่างทาง

BT: ในฐานะศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม พื้นเพทางวัฒนธรรมของคุณมีอิทธิพลต่อดนตรีของคุณในด้านดนตรีหรือเนื้อเพลงอย่างไรบ้างไหม

Thủy: ฉันไม่ได้โตมากับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่ทำงานในวงการเพลงเลย แต่พ่อแม่และชุมชนของเรารักการร้องคาราโอเกะมาก ฉันจึงเติบโตมากับการได้ยินเสียงเพลงและการร้องเพลงอยู่เสมอ ฉันคิดว่าบางทีความรักในเสียงเพลงอาจถูกปลูกฝังในจิตใต้สำนึกตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่ฉันค้นพบ YouTube มันเหมือนเป็นการเปิดประตูใหม่ ฉันเริ่มฟังเพลง R&B เก่า ๆ และหลงรักมัน แต่สิ่งที่ฉันเรียนรู้จากครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ของฉัน ซึ่งเป็นผู้อพยพจากเวียดนาม ก็คือความเข้มแข็งและความไม่ยอมแพ้ พวกเขามีลูกหกคน แต่ก็ยังหาทางเลี้ยงดูพวกเราอย่างดี จนพี่น้องของฉันทุกคนได้เรียนมหาวิทยาลัยและได้รับปริญญา สิ่งที่พ่อแม่ทำเป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉันในอาชีพนี้ โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ของการย้ายไปลอสแองเจลิส ตอนนั้นฉันต้องหาทางทุกอย่างด้วยตัวเอง เจอคนบอกปฏิเสธมากมาย และยากที่จะได้เข้าร่วมงานแสดงหรือทำงานร่วมกับคนอื่น แต่ฉันไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นมาทำให้ฉันท้อ ฉันกลับใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ทำงานหนักขึ้น ดังนั้นวัฒนธรรมและครอบครัวของฉันจึงมีอิทธิพลกับฉันในเส้นทางอาชีพมาก ๆ ค่ะ