หลังจากความสำเร็จของ ‘Dune’ (2021) และ ‘Dune: Part Two’ (2024) ที่กำกับโดย เดอนี วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) มาในช่วงสิ้นปี 2024 นี้ ทาง HBO Original นั้น ได้ปล่อยซีรีส์เรื่องใหม่อย่าง ‘Dune: Prophecy’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยาย Sisterhood of Dune ที่แต่งโดย ไบรอัน เฮอร์เบิร์ต (Brian Herbert) และ เควิน เจ. แอนเดอร์สัน (Kevin J. Anderson) มาให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันต่อ ซึ่งเป็นเรื่องราว 10,148 ปี ก่อนการขึ้นสู่อำนาจของ พอล อะเทรดีส ที่ในเวอร์ชันภาพยนตร์ รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) บอกเล่าเรื่องราวของสองพี่น้องตระกูลฮาร์คอนเนน ที่พวกเธอต้องต่อสู้กับภัยร้ายที่คุกคามอนาคตของมวลมนุษยชาติ และก่อตั้งลัทธิเลื่องชื่อที่รู้จักกันในนาม ‘เบเนเจสเซริต’
โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้เข้าฉายตอนแรกพร้อมกับการเปิดตัวสตรีมมิง Max เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงาน BT BUZZ มีโอกาสได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับผู้สร้างและทีมนักแสดงจากซีรีส์ ‘Dune: Prophecy’ ได้แก่ อลิสัน แชปเคอร์ (Alison Schapker) โชว์รันเนอร์และผู้อำนวยการสร้าง, จอร์แดน โกลด์เบิร์ก (Jordan Goldberg) ผู้อำนวยการสร้างบริหาร และทีมนักแสดงอย่าง ทราวิส ฟิมเมล (Travis Fimmel) รับบทเป็น เดสมอนด์ ฮาร์ต, เจด อานูคา (Jade Anouka) รับบท ธีโอโดเชีย, โคลอี ลีอา (Chloe Lea) รับบท ไลลา
ความรู้สึกแรกหลังทราบว่า ‘Dune: Prophecy’ กำลังถูกพัฒนาเป็นซีรีส์ ?
โกลด์เบิร์ก : ผมจำได้ว่าเมื่อ อลิสัน แชปเคอร์ โทรมาหาผมเกี่ยวกับการทำงานในโปรเจกต์ ‘Dune’ ตอนนั้นเธอแค่พูดคำว่า ‘Dune’ เท่านั้น ผมก็ตัดสินใจร่วมโปรเจกต์เลยทันที เพราะมันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์นี้ เพราะภาพยนตร์ ‘Dune’ มันเจ๋งมาก และหนังสือก็มีความหมายกับการเติบโตของผมมาก และยิ่งผมรู้ว่าโปรเจกต์นี้มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทั้งนักแสดงและส่วนประกอบต่าง ๆ ผมก็อยากเข้าร่วมกับโปรเจกต์ที่ไม่ค่อยจะได้เจอบ่อย ๆ แบบนี้
ฟิมเมล : ตอนนั้นผมคิดว่ามันมีความกดดันเล็กน้อย เพราะภาพยนตร์มันทำออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อผมได้อ่านบทซีรีส์แล้วผมตื่นเต้นมาก เพราะมันกำลังเล่าถึงปริศนาที่ใหญ่ ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากติดตาม
ความสำเร็จจาก ‘Dune’ ทั้ง 2 ภาค ท้าทายการสร้างซีรีส์ ‘Dune: Prophecy’ อย่างไรบ้าง ?
แชปเคอร์ : ฉันคิดว่าเรารู้สึกถึงมาตรฐานของหนังที่ เดอนี วีลเนิฟว์ ทำไว้สูงสำหรับ ‘Dune’ มันเป็นเหมือนการสร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงามและสมจริง ฉันรู้ว่าเขาได้สร้างโทนของหนังไว้ และเราก็พยายามที่จะทำแบบนั้นในซีรีส์ พวกเราทุกคนรู้สึกว่าเรากำลังสร้างสิ่งที่พิเศษ และเชื่อว่ามันเป็นงานที่ท้าทายตัวเอง ฉันคิดว่าการทำหนังมันเป็นการเดินไปข้างหน้าทีละสเต็ป พยายามรักษาวิสัยทัศน์ที่มี และมาพร้อมกับทีมงานที่เก่ง ทั้งทีมนักแสดง ทีมงาน ทีมผู้บริหาร ที่อยู่ร่วมกันในโปรเจกต์นี้และเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฉันไม่เคยได้ร่วมงานกับกลุ่มคนกลุ่มไหนที่เก่งขนาดนี้มาก่อนเลย
ตัวละครไหนใน ‘Dune: Prophecy’ ที่คัดเลือกยากที่สุด ?
แชปเคอร์ : ตัวละครที่แคสต์ยากที่สุด ฉันคงต้องเกริ่นก่อนว่าเราโชคดีมากที่มีนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมากมาร่วมโปรเจกต์นี้ ทุกคนเก่งมากจริง ๆ ทั้ง เอมิลี วัตสัน (Emily Watson) ที่รับบทเป็น วัลยา ฮาร์คอนเนน การที่ได้เธอมาร่วมแสดงนั้นมันเหมือนกับฝันที่เป็นจริง เธอเป็นตำนานในฐานะนักแสดงเลย และยังมี โอลิเวีย วิลเลียมส์ (Olivia Williams), ทราวิส ฟิมเมล (Travis Fimmel) และ มาร์ก สตรอง (Mark Strong) นักแสดงแต่ละคนนั้นพวกเขาน่าทึ่งและเก่งกันสุด ๆ ฉันจึงคิดว่ามันไม่มีอะไรยากเกินไปในการคัดเลือกนักแสดงแต่ละคน เราให้ความสำคัญกับทุกบทบาทและทุกตัวละคร เราต้องการให้ทุกคนในเรื่องมีความสำคัญ และเรารู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่ยอดเยี่ยมนี้
ขั้นตอนการเตรียมตัวสวมบทเป็นตัวละคร ‘เดสมอนด์ ฮาร์ต’ เป็นอย่างไร ?
ฟิมเมล : ตัวละครของผมมีความเป็นตัวผมอยู่พอสมควร ผมโชคดีที่บทเขียนออกมาได้เข้มข้นมาก และมีความซับซ้อนมาก ซึ่งมันทำให้ผมสนุกกับการแสดง ผมชอบที่ตัวละครผมมันชอบเล่นกับความคิดของคนอื่น และทำให้ผู้คนตั้งคำถามกับความคิดของตัวเอง มันทำให้ผมสนุกในฐานะนักแสดง แถมคุณยังได้กินอาหารฟรีในกองถ่าย และได้เงินด้วย
ถ้าคุณได้เป็นผู้นำที่สามารถปกป้องผู้คนในโลกของ ‘Dune’ จะใช้กลยุทธ์ใดในการปกครอง ?
ฟิมเมล : การมีไอศกรีมกินฟรีสำหรับทุกคน ไม่ต้องทำงานวันศุกร์ ทำงานแบบเต็ม ๆ แค่วันเดียวต่อสัปดาห์ ส่วนกลยุทธ์คือทำให้ทุกคนคิดว่าผมรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
อานูคา : และตอนกลางวันก็สามารถกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้านได้ด้วย ส่วนของฉันคงเลือกที่จะใช้ ‘เสียง’ เพื่อให้ผู้คนทำในสิ่งที่ฉันต้องการ และเสียงนั้นยังสามารถใช้บอกความจริงได้ด้วย ว่าใครพูดความจริงและใครกำลังโกหก มันจะทำให้คุณรู้ทันถ้าพวกเขาพยายามหลอกคุณ และอีกอย่างคือฉันอยากจะใช้พลังในการให้ผู้คนพูดความจริง
ลีอา : ถ้าตอบแบบเผด็จการ ฉันก็คงเลือกใช้ ‘เสียง’ แต่ถ้าตอบแบบประชาธิปไตย ก็คงจะใช้ ‘ความจำ’ เพราะเมื่อมีความจำจะได้เข้าถึงข้อมูลมากมายในการนำมาใช้ประโยชน์
ฉากและอุปกรณ์การแสดงที่สมจริงในกองถ่าย มีส่วนช่วยในการแสดงมากน้อยเพียงใด ?
ฟิมเมล : มันช่วยผมได้มากเลย จริง ๆ แล้ว 90% ของซีรีส์เรื่องนี้ เราถ่ายทำในสตูดิโอ ซึ่งสิ่งของและพร็อปทุกอย่างของผมที่อยู่ในสตูดิโอมันจะทำให้คุณอึ้งไปเลย ถ้าคุณได้เข้าไปที่นั่นตอนที่มันมีฉากหรูหราและสวยงาม
อานูคา : มันน่าทึ่งมาก แล้วมันก็ช่วยได้เยอะมากจริง ๆ เมื่อฉันได้ใส่ชุดและเดินเข้าไปในเซตนั้น ฉันรู้สึกว่า “โอ้ ! มันอลังการและใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยจริง ๆ” และทำให้เราเหมือนอยู่ในโลกนั้นจริง ๆ ซึ่งฉากต่าง ๆ มันเป็นสิ่งที่สำคัญต่อตัวละครของฉันมาก
ลีอา : สำหรับฉันการที่มีฉากเสมือนจริงอยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่สำคัญมาก มันช่วยเติมเต็มให้เหมือนเราอยู่ในที่แห่งนั้นจริง ๆ และฉากที่สร้างขึ้นมันช่วยให้ฉันเข้าใจและเข้าถึงตัวละครได้ดี ทีมงานที่ดูแลเรื่องชุดและเครื่องแต่งกาย ทีมแต่งหน้า ทีมออกแบบฉาก และทีมอุปกรณ์ ทำงานกันได้เยี่ยมมากมันช่วยให้เราไม่ต้องกังวลอะไรเลย และโฟกัสการแสดงได้อย่างเต็มที่
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ซีรีส์เรื่องนี้มีการเล่าถึง ‘พลังของผู้หญิง’ และมีผู้หญิงเป็นนักแสดงนำของเรื่อง ?
อานูคา : ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสทำงานในโปรเจกต์นี้ ที่มีการให้ตัวละครหญิงอยู่แนวหน้าและเป็นตัวกลางของเรื่อง พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงพลังและศักยภาพของผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าการให้ผู้หญิงเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องมันดีมาก ๆ และฉันก็สนับสนุนด้วย
ลีอา : ฉันคิดว่าการได้มาร่วมโปรเจกต์นี้ที่มีผู้หญิงมีบทบาทสำคัญ มันเป็นไอเดียที่เจ๋งมาก และมันก็แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงสมควรที่จะได้อยู่เป็นศูนย์กลางและได้รับการยกย่องที่ทรงพลัง ไม่ได้เป็นแค่คนที่รอรับใช้ผู้ชายเพียงอย่างเดียว
แชปเคอร์ : ฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่า แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) ได้สร้างจักรวาลที่ผู้หญิงมีพลัง และสำหรับฉันในฐานะผู้สร้าง การได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้มันสนุก ที่ได้มองเรื่องราวผ่านมุมมองของผู้หญิง
ถ้าคุณเลือกแสดงเป็นตัวละครอื่นใน ‘Dune: Prophecy’ ได้ จะเลือกเป็นใคร เพราะอะไร ?
อานูคา : ฉันคิดว่าฉันคงเลือกเป็น ‘เดสมอนด์ ฮาร์ต’ เพราะฉันชอบความลึกลับของตัวละครนี้
ลีอา : ส่วนตัวละครที่ฉันเลือกคงเป็น ‘คีแรน อะเทรดีส’ ค่ะ
รับชม ‘Dune: Prophecy’ ได้แล้ววันนี้ ทาง HBO และ Max