หลังจากลองเล่นกับทุนสร้างใหญ่ ๆ มาแล้วจาก The Last Air Bender (2010) และ After Earth(2013) ผลที่ได้คือเสียงด่าจากนักวิจารณ์ และที่ตามมาคือรายได้ที่ขาดทุนย่อยยับในสหรัฐ ยังดีที่ได้ไปทุนคืนจากการฉายนอกสหรัฐ เล่นเอา สตูดิโอลุ้นใจเต้นตุ๊มต่อม เอ็ม.ไนท์ ชยามาลาน ก็เปลี่ยนแนวมาเพลย์เซฟดีกว่า อาศัยชื่อเสียงที่ยังพอมีอยู่ ทำหนังทุนสร้างจุ๋มจิ๋มดีกว่า โดยลองจาก The Visit (2015) ใช้ทุนสร้างแค่ 5 ล้านเหรียญ ขายชื่อ เอ็ม.ไนท์ ไม่ต้องใช้ดาราเลย ผลคือกวาดกำไรสบายใจไป 98 ล้านเหรียญ มาถึงเรื่องล่าสุด Split เพิ่มทุนมาหน่อยเป็น 10 ล้านเหรียญ รอบนี้ได้ เจมส์ แม็คอะวอย มารับบทนำ ใช้เป็นชื่อขายได้ด้วย แค่เปิดตัวสัปดาห์แรก ก็กำไรสบายตัวแล้ว กวาดไป 40 ล้านเหรียญ ชนะหนังทุนใหญ่อย่าง xXx ด้วยซ้ำไป
เอ็ม.ไนท์ ยังคงเหมาหน้าที่เขียนบท-กำกับ เช่นเดิม พลอตเรื่องของเอ็ม.ไนท์ ยังคงน่าสนใจเต็มไปด้วยความลึกลับอยู่เสมอ เจมส์ รับบทเป็นเควิน หนุ่มที่มีปัญหาทางจิตมีบุคลิกแทรกซ้อนอยู่ในคนเดียวถึง 23 ร่าง ทั้งเด็ก ผู้หญิง กะเทย แต่ในหนังเราจะเห็นแค่ 7 ร่างนะ
เดนิสหนึ่งในร่างของเควิน ไปจับ 3 สาววัยรุ่นมาขังไว้ที่ห้องใต้ดิน โดยมีจุดประสงค์ว่าจะใช้พวกเธอสังเวยให้กับสัตว์ร้าย ด้วยความยาว 1 ชั่วโมง 57 นาที Split จึงเป็นหนังที่ยาวที่สุดแล้วของเอ็ม.ไนท์ แต่ไม่น่าเบื่อ เพราะมีการหยอดสถานการณ์ตื่นเต้นชวนลุ้นมาเนือง ๆ กับแผนการหลบหนีของทั้ง 3 สาว ว่าจะสำเร็จลุล่วงหรือไม่
และที่เป็นเสน่ห์ของหนังก็คือ การปรากฎตัวแต่ละครั้งของเควิน ว่าจะมาในร่างใคร เราก็ต้องเดาอุปนิสัยของแต่ละร่างว่าจะมาดีหรือดุร้าย หลาย ๆ ฉากที่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างเควินกับเหยื่อสาวที่เดินหน้าไปช้า ๆ ด้วยความหวาดเสียวมาก ว่าเหยื่อจะรอดไหม ความดีความชอบต้องยกให้กับเจมส์ แม็คอะวอยคนเดียว เขาได้บทเควินหลังจากตัวเลือกแรก ฮาควิน ฟินิกซ์ปฎิเสธไปเพราะคิวงานไม่ลงตัว จัดได้ว่า Split เป็นงานที่ท้าทายมากที่สุด เสียดายที่ว่าทำไมเจมส์ ไม่ได้เข้าชิงอะไรเลย คือเล่นเป็นหลาย ๆ ร่างก็ยากแล้ว เจมส์ ยังสามารถเล่นให้ดูออกภายในเสี้ยววินาทีว่าตอนนี้เขาเป็น แพรตทิเซียสาวใหญ่ เป็นแบร์รี่กะเทยดีไซเนอร์ หรือเป็นเฮดวิกเด็กน้อยวัย 9 ขวบ ฉากที่โชว์เหนือสุดคือฉากที่แต่ละบุคลิกเรียงหน้ากันมาเข้าร่าง เจมส์ต้องเล่นเป็นแต่ละบุคลิกต่อเนื่องกันภายในไม่กี่นาที ดูเจมส์ แม็คอะวอย ในเรื่องนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึง Raising Cain (1992) อีก 1 ผลงานขึ้นหิ้งของไบรอัน เดอ พัลมา ที่ส่งให้จอห์น ลิตกาว ได้เข้าชิงออสการ์ ในบทชายหลายบุคลิกเช่นกัน เรื่องนั้น จอห์น เล่นเป็นมนุษย์ 5 บุคลิก ถ้าดู Split แล้วชอบ ลองไปหามาดูกันนะ
กว่าชั่วโมงครึ่งของหนังเดินหน้าไปแบบหนังเขย่าขวัญเชิงจิตวิทยา จากเส้นเรื่องหลักที่ 3 สาวโดนจับมาขังตั้งแต่ต้นเรื่อง หนังก็ตัดสลับไปมาโดยเน้นที่ 2 ตัวละครหลักคือ เคซีย์ และ เควิน , เคซีย์ รับบทโดย อันย่า เทย์เลอร์-จอย สาวน้อยวัย 21 ที่แจ้งเกิดมาจาก The Witch เรื่องนี้ อันย่า ดูสวยและโตเป็นสาวขึ้นมากกว่าที่เห็นใน The Witch (2016) หนังเน้นตัวเคซีย์ให้ลอยเด่นออกมาจากเพื่อนอีก 2 คน
ตลอดเวลาเราจะเห็นว่าเคซีย์ คุมสติได้ดีมาก มีไหวพริบในการแก้ปัญหาได้ตลอด ขณะเดียวกันหนังก็ค่อย ๆ สอดแทรกภาพแฟลชแบ็คย้อนไปถึงอดีตสมัยที่เคซีย์ยังเป็นเด็กกำพร้าแม่ อาศัยอยู่กับพ่อและอา ที่ชื่นชอบการล่าสัตว์และสอนให้เธอใช้ปืนตั้งแต่เด็ก แล้วลงเอยด้วยชะตากรรมในช่วงก่อนวัยรุ่นที่น่าเห็นใจของเคซีย์ที่ทิ้งให้คนดูคิดเอาเองว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง และเป็นที่มาว่าทำไมเธอถึงนิ่งและคุมสติได้ดีกว่าเพื่อน
อีกส่วนหนึ่งคือความผูกพันของเควิน และหมอเฟลตเชอร์ จิตแพทย์ประจำตัวของเควิน ที่ดูแลอาการกันมานาน เป็นส่วนที่เน้นหนักไปกับบทสนทนาที่ทำให้คนดูรู้จักแต่ละบุคลิกในตัวเควินมากขึ้น ได้เห็นถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เควินมีให้หมอ และความฉลาดเก๋าเกมของหมอเฟลตเชอร์ เรื่องราวในส่วนของหมอเฟลตเชอร์ เหมือนเป็นการปูความหวังว่าหมอจะต้องเป็นฮีโร่ขี่ม้าขาวมาแก้ไขสถานการณ์และน่าจะช่วย 3 สาวนี้ได้ ขณะเดียวกันก็เผยถึงด้านมืดที่น่ากลัวของเควินเช่นกัน เมื่อเควินเอ่ยถึง สัตว์ร้าย ที่หลาย ๆ ร่างของเขามองเห็นและบรรยายถึงความน่ากลัวของ สัตว์ร้าย ตนนี้ ทำให้คนดูต้องคาดเดาและลุ้นไปว่า “สัตว์ร้าย” ตนนี้จะมีจริงหรือไม่
หลังจากปูทางด้วยความกดดันกว่าชั่วโมง หนังก็พลิกอารมณ์มาเป็นหนังสยองขวัญเต็มตัวในไคลแมกซ์ท้ายเรื่อง ได้ลุ้น ได้ร้องกันวีดวิ้ว เสียดายที่บทสรุปกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการปูพื้นหลังของเคซีย์อันเนิ่นนานได้สมควรกับเวลาที่หมดไป ลงท้ายด้วยการเผยโปรเจ็คต์ใหม่ของเอ็ม.ไนท์ ที่จะเอา Split ไปเชื่อมโยงกับหนึ่งในหนังยุครุ่งเรืองของเค้าในภาคต่อไป Split จัดได้ว่าเป็นงานที่โชว์ความสามารถของ เอ็ม.ไนท์. ว่าผู้กำกับสยองขวัญระดับมาสเตอร์เขาทำงานกันอย่างไร โดยไม่ต้องใช้ทุนสร้างกันมากมาย อยากลุ้นได้ลุ้นกันลืมหายใจ โดยไม่ต้องมีฉากตุ้งแช่เล่นกันโฉ่งฉ่าง และแถมด้วยฝีมือการแสดงอย่างโดดเด่นน่าชื่นชมมากของเจมส์ แม็คอะวอย อย่าคาดหวังเรื่องราวหักมุมนะครับ เอ็ม.ไนท์. เลิกหักมุมแล้ว