จากความสำเร็จอย่างมหาศาลของ The Lego Movie (2014) ที่กวาดรายได้ไปถึง 469 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียงแค่ 60 ล้าน เลยทำให้วอเนอร์ต้องดึง แบตแมน ตัวเด่นออกมาภาคแยกอีกเรื่องใน The LEGO Batman Movie งานนี้ก็ยำกันสนุกสนานเช่นเคย ทั้งบนจอและหลังจอ แม้หนังจะชื่อ แบตแมน แต่ขนกันมาหมดแทบจะทั้งจักรวาลดีซีทั้งตัวดีตัวร้าย หลังจอก็ไล่ชื่อกันไม่ครบเลย ทั้ง วิล อาร์เน็ต ผู้พากย์เสียงแบตแมนจาก The Lego Movie แล้วยังมี ราล์ฟ ไฟน์ , แซค กาลิฟิอานาคิส , แชนนิ่ง ตาตัม , ไมเคิล ซีรา , โจนาห์ ฮิลล์ , มาริอาห์ แครีย์ , โรซาริโอ ดอว์สัน และยังอีกเยอะล่ะครับ บางคนโผล่มาแค่ไม่กี่วินาทีเลย ดูก็ยังงง ๆ ว่าต้องใช้ดารามาพากย์ด้วยเหรอ
ทีมเขียนบทก็แน่นนะ ใช้ถึง 4 คน ส่วนใหญ่ก็มาจากสายการ์ตูนและคอมมีดี้ล้วน ๆ มี เซธ เกรแฮม สมิธ (Pride and Prejudice and Zombies ,Dark Shadows) มาเป็นหัวเรือใหญ่เพราะเขียนทั้งเรื่องและบทด้วย แล้วที่สำคัญเรื่องราวของ The LEGO Batman Movie ไม่ใช่จักรวาลที่แยกจากหนังคนแสดงด้วยสิ แต่เป็นเรื่องราวที่ดำเนินต่อแล้วยังอ้างถึงภาคก่อน ๆ ทุกภาครวมไปถึง Suicide Squad อีกด้วย ภาคนี้ โจ๊กเกอร์ กลับมาอาละวาดในกอตแธมอีกครั้ง แถมยังพาเหล่าร้ายทุกตัวในแบตแมนมาร่วมด้วยช่วยกันอีก แบตแมน ก็รู้สึกเอือมกับการไล่ล่าโจ๊คเกอร์มาก แล้วไปเห็นไอเดียของซูเปอร์แมนที่ส่งบรรดาเหล่าร้ายไปขังไว้ในแดนสนธยานอกโลก ซึ่งเป็นคุกที่จองจำเหล่าร้ายไว้ได้ถาวรไม่กลับมากวนใจอีก ก็เลยวางแผนจะไปขโมยปืนของซูเปอร์แมนที่จะยิงส่งเหล่าร้ายไปขังไว้ในแดนสนธยามาจัดการกับโจ๊คเกอร์
หนังอัดมุกได้ถี่มาก เล่นกันตั้งแต่วินาทีแรกเลย ใส่กันมาแทบในทุกคำพูดจิกกัดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก จิกกัดหนังแบตแมนภาคก่อน ๆ ข้ามไปถึงซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่น ๆ ไม่พอข้ามไปแซวมาร์เวลอีก แต่เป็นมุกในระดับขำหึหึนะ ไม่ถึงกับก๊ากลั่น อยู่ที่ว่าเก๊ตมากเก๊ตน้อย ถึงแม้ตัวการ์ตูนจะถูกจำกัดด้วยพื้นฐานความเป็นตัวต่อเลโก้ที่แข็ง ๆ และการเคลื่อนไหวแบบสตอปโมชั่นที่ไม่นุ่มนวลนัก แต่ยังมีอิสระด้วยการเขียนใบหน้าตัวละครลงไปให้แสดงสีหน้าความรู้สึกได้ต่าง ๆ นานา และหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้ฮาไปกับสีหน้าตลก ๆ ของพวกนี้ได้เช่นกัน ด้านตัวละครก็เช่นกันยัดกันมาจนล้นจอ จำได้ไม่หมดว่าใครเป็นใครมั่งถ้าไม่แนะนำตัว ใส่กันมาแบบทิ้งขว้างกันเลยล่ะ เล่นกันแค่หนังซูเปอร์ฮีโร่ไม่พอ ข้ามไปเล่นเรื่องอื่นอีกขุดกันมาตั้งแต่อดีตอย่าง เกรมลินส์ , เซารอน , โวลเดอร์มอต์ , คิงคอง เหมือนว่าคิดอะไรได้ไม่มีใครค้านใครเลย เอามันใส่มาให้หมด ทำให้สังเกตได้ว่าถึงแม้หน้าหนังจะดูเป็นเด็กน้อย แต่ว่าบรรดามุก และตัวละครที่ไม่ได้เอาใจเด็กเลย แต่เอาใจคอหนังโดยเฉพาะต้องเป็นคนที่ดูหนังรุ่นใหญ่ที่มองปั๊บแล้วอ๋อนี่คือตัวอะไร จากเรื่องอะไร รวมไปถึงเพลงประกอบก็ย้อนอดีตกันไปกว่า 30 ปีเช่น (I Just) Died in Your Arms ของ Cutting Crew และ Man in the Mirror ของ ไมเคิล แจ๊คสัน
มีตัวละครใหม่ 2 ตัวที่เพิ่มมาในแบตแมนเวอร์ชั่นนี้คือ ดิค เกรย์สัน ที่กลายมาเป็นโรบิน และบาร์บาร่า กอร์ดอน ผู้ตรวจการคนใหม่ของกอตแธม ที่กลายมาเป็น แบตเกิร์ล เพราะกลัวหนังจะออกทะเลเกินไป เลยต้องสอดแทรกสาระลงไปหน่อยด้วยการเน้นหนักไปที่ 2 ตัวละครใหม่ ดิค เกรย์สัน ที่กลายมาเป็นโรบิน และบาร์บาร่า กอร์ดอน ผู้ตรวจการคนใหม่ของกอตแธม ที่ถูกใช้มาขยายประเด็นเรื่องความโดดเดี่ยวของแบตแมน ให้เห็นว่าแบตแมน ไม่มีเพื่อนเลยนอกจากอัลเฟรดคนรับใช้ใกล้ตัวเท่านั้น อัลเฟรดเลยคะยั้นคะยอให้ บรู๊ซ เวย์น เปิดใจรับดิ๊ก เกรย์สัน มาอุปการะ และฝึกสอนวิชาให้เขากลายมาเป็น โรบิน มือขวาคู่ใจ และเลิกกลัวการสร้างครอบครัวใหม่ เปิดใจกับบาร์บารา กอร์ดอน ที่เขาแอบปิ๊งมานานเสียที ให้คนดูได้เห็นแบตแมนภาคสดใส มีเสียงหัวเราะบ้าง
หนังพยายามทำตัวเองให้เป็นหนังสำหรับครอบครัว รุ่นผู้ใหญ่ก็ฮาไปได้กับมุกจิกกัด แต่ผ่านชั่วโมงแรกไปแล้วอาจจะรู้สึกอิ่มเพียงพอแล้วกับหนังตัวต่อแบบนี้พอเข้าชั่วโมงหลังก็เริ่มจะรู้สึกเนือย ๆ ล่ะ ขณะเดียวกันเด็ก ๆ ก็สนุกไปได้กับบรรดาซูเปอร์ฮีโร่และเหล่าวายร้ายที่มากันล้นจอ และน่าจะตื่นตาไปกับบรรดาพาหนะมากมายนับสิบของแบตแมน และที่สำคัญหนังปราศจากคำหยาบ สมกับตราประทับ PG เสียจริง แบบนี้ละ ถึงทำให้หนังประสบความสำเร็จ