ล็อคฮาร์ต ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงในบริษัทค้าหุ้นวอลล์สตรีทกำลังอยู่ในช่วงควบรวมบริษัท เขาถูกบอร์ดบริหารส่งตัวไปสถานบำบัดลึกลับเชิงที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอลป์เพื่อไปตามตัว CEO ให้กลับมาเซ็นสัญญา ที่นี่ล็อคฮาร์ตเจอคนไข้ระดับมหาเศรษฐีสูงวัยมากมาย แต่ผู้บริหารของสถานบำบัดนี้ก็บ่ายเบี่ยงไม่ให้เขาพบเพมโบรค CEO ที่เขามาตามตัว ระหว่างเดินทางกลับล็อคฮาร์ตเจออุบัติเหตุระหว่างทางทำให้เขาต้องกลายเป็นคนไข้ของที่นี่ไปโดยปริยาย ไม่นานนักเขาก็เริ่มรู้สึกว่าสถานบำบัดนี้ไม่ชอบมาพากล และมีความลับซุกซ่อนไว้มากมาย
นี่คือพลอตเรื่องที่มาในแนวปริศนาลึกลับที่ผู้กำกับกอร์ วอร์บินสกี้ คาดหวังว่าจะ A Cure For Wellness น่าจะกู้หน้าเขากลับมาได้อีกครั้ง หลังจากเซไม่เป็นท่ากับ The Lone Ranger ที่เจ๊งเละเทะไปเมื่อปี 2013 และแนวธริลเลอร์ก็ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเขา เพราะก่อนหน้าจะมาเป็นผู้กำกับร้อยล้านจากแฟรนไชส์ Pirates of the Caribbean เขาก็เคยกำกับ The Ring (2002) มาแล้ว และรอบนี้ก็ยังได้จัสติน เฮย์ธ มือเขียนบทเดิมที่เคยเขียนบท The Lone Ranger ให้กับเขามาแล้ว
รอบนี้จัสติน ทั้งเขียนบทและเป็นเจ้าของเรื่องเองด้วย หนังเปิดเรื่องด้วยอารมณ์ตึงเครียดในนิวยอร์คไม่นาน ให้เราพอได้รู้จักพื้นฐานของล็อคฮาร์ต ก็ย้ายเหตุการณ์มาในสวิตเซอร์แลนด์ทันที แต่หนังถ่ายทำในเยอรมันนะ ทีมงานใช้ปราสาทโฮเฮนซอเลิร์นที่อยู่บนยอดเขามาดัดแปลงให้เป็นสถานบำบัดตามเนื้อเรื่อง และปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวชมเพื่อถ่ายทำหนังถึง 5 เดือน ปราสาทโฮเฮนซอเลิร์นสวยงามมากและดูลึกลับเข้ากับเนื้อหา เส้นทางถนนที่ขึ้นเขารวมถึงทิวทัศน์รายล้อมก็สวยงามมาก เป็นการเปิดเรื่องที่ดูสดใสก่อนจะพาเราเข้าไปสู่บรรยากาศอึมครึมภายในสถานบำบัด
บรรดาตัวละครที่เป็นหมอ พยาบาล พนักงานล้วนมาในอารมณ์เดียวกันคือหน้านิ่งยิ้มอ่อนมีเลศนัยเด่นชัด ให้รู้สึกได้ว่าสถานบำบัดนี้มีความลับซ่อนอยู่แน่นอน เป็นหนังที่เปิดเรื่องด้วยปริศนาแต่เดินเรื่องได้ไร้ซึ่งความแยบคาย เป็นหนังใช้เวลาปูปริศนาลากยาวถึง 2 ชั่วโมง มีแต่เพิ่มความน่าสงสัย ไม่มีการคายปมหนึ่งไปต่อปมหนึ่ง เก็บงำเสียจนน่าอึดอัดและพาให้ง่วงไปได้หลายวูบ 2 ชั่วโมงนี้เราจะได้พบอุปกรณ์การรักษาหน้าตาประหลาด คนไข้แก่ ๆ มาเล่าเรื่องราวอดีตอันลึกลับของสถานบำบัด ได้เห็นวิธีการรักษาแบบแปลก ๆ และภาพในภวังค์ของล็อคฮาร์ตที่มีทั้งภาพหลอน และภาพในอดีตที่เป็นประสบการณ์ร้ายฝังใจ ซึ่งล้วนแต่ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องเลย เป็นหนังธริลเลอร์ที่เดินหน้าไปด้วยความอึมครึมเท่านั้น อย่าคาดหวังว่าจะได้เจอฉากนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ชวนลุ้น หรือตุ้งแช่ ฉากที่เสียวที่สุดก็เห็นจะเป็นฉากถอนฟันนั่นแหละ
หนังทยอยหยอดโจทย์เข้ามาทีละนิดให้ดูไปเดาไปแล้วก็ง่วงไป ซึ่งสุดท้ายก็เฉลยออกมาแบบหลุดโลกจนเกือบจะแฟนตาซีแต่กลับไม่รู้สึกว่าน่าอึ้งแต่นึกไม่ถึงว่าจะมาทางนี้ ชวนให้คิดว่าเนี่ยนะที่ดึงมา 2 ชั่วโมงกว่า ยิ่งช่วงท้ายนึกว่าจะจบแล้วก็มีต่อ มีต่อ จนคิดว่าพอเหอะนะ จบได้แล้วล่ะ ซึ่งถ้าตัดน้ำโหรงเหรงทิ้งหนังจะกระชับจบได้ภายใน 90 นาที ซ้ำบทก็มีแต่ช่องโหว่มากมาย น่าอายสุดก็คือล็อคฮาร์ตขาเข้าเฝือกแต่เปลี่ยนกางเกงได้ แล้วขากางเกงเข้าไปอยู่ในเฝือกได้ด้วย เห็นทีว่า กอร์ วอร์บินสกี้ ควรจะเลิกคบ จัสติน เฮย์ธ เพื่อนคนนี้เสียทีนะ พากันลงเหวมาแล้วรอบนึง และนี่ก็น่าจะเป็นอีกรอบด้วย
ส่วนดีของหนังก็มีคืองานกำกับศิลป์และงานถ่ายภาพ หนังถ่ายภาพมุมกว้างออกมาสวยมาก และชอบการคุมโทนสีของภาพมาก ครึ่งแรกหนังคุมโทนสีออกมาเป็นเขียวหม่น-ครีมซีด ๆ ส่งผลให้สัมผัสได้ถึงความลึกลับน่ากลัวของสถานที่นี้ พอหนังเดินหน้าไปเรื่อย ๆ โทนหนังก็หม่นมากขึ้นจนช่วงท้ายแทบจะไม่เห็นสีสันของหนังแล้ว ตอนดูตัวอย่างนึกว่า A Cure For Wellness จะเป็นหนังย้อนยุค 50s-60s เพราะเห็นภาพสถานบำบัดเก่า ๆ บรรดาเสื้อผ้าอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ นานา ที่ดูย้อนยุค แต่เอาเข้าจริงหนังดำเนินเรื่องในเหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องชื่นชมทีมงานโปรดัคชั่นที่ทำออกมาพิถีพิถัน หนังก็น่าจะหมดงบไปกับงานโปรดัคชั่นเท่านั้นแหละครับเพราะดาราก็เห็นมีแค่ เดน ดีฮาน ในบทล็อคฮาร์ต และเจสัน ไอแซคส์ ตัวร้ายขาประจำก็มารับบทผู้อำนวยการสถานบำบัด เห็นหน้า เจสัน ก็เหมือนบอกใบ้แล้วว่านี่คือตัวร้ายของเรื่อง
A Cure For Wellness เป็นหนังธริลเลอร์ที่ตัวอย่างดูดี มีความลึกลับ แต่เฉลยได้ไม่คุ้มค่ากับการรอคอยที่ลากยาวไปถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แบบไร้ซึ่งฉากลุ้นสะดุ้งสะเทือน ถือเป็นงานที่เดน ดีฮานเลือกพลาดในช่วงขาขึ้นของเขา เป็นตัวเลือกสัปดาห์นี้ที่แนะนำให้ปล่อยผ่านไปก่อน รอดูแผ่นก็ได้ครับ