อนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่ายดรีมเวิร์คส์ ที่เคยมีการ์ตูนดัง ๆ อย่าง Shrek , Madagascar และ How To Train Your Dragon รอบนี้ดรีมเวิร์คส์หยิบเอาหนังสือภาพสำหรับเด็ก The Boss Baby ที่วางแผงในปี 2010 มาสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นในชื่อเดียวกัน แล้วก็ดึง ทอม แมคกราธ ผู้กำกับลูกหม้อที่เคยเป็นผู้กำกับร่วมจาก Madagascar ทั้ง 3 ภาคมารับหน้าที่กำกับเดี่ยว แล้วได้ดาราหลากหลายมาให้เสียงพากย์ทั้ง อเล็ค บอลด์วิน , สตีฟ บุสเซมี , โทบี้ แมกไกวร์ และ จิมมี่ คิมเมล
เมนหลักของเรื่องอยู่ที่หนูน้อย ทิม วัย 7 ขวบ เขาบรรยายความสุขในครอบครัวที่อบอุ่นมีพ่อแม่ที่รักเอาใจใส่ และแล้วความสุขก็พลันหายวับไป เมื่อแม่มีน้องชายคนใหม่มาให้เขา น้องชายแนะนำตัวเองว่าชื่อ “เดอะ บอสส์” เป็นเด็กทารกแต่ใส่สูทผูกไทถือกระเป๋าเอกสาร ต่อหน้าพ่อแม่ เดอะ บอสส์ จะเป็นเด็กทารกกระจองอแงธรรมดา แต่เมื่อลับหลังอยู่กับทิมเพียงลำพัง เดอะ บอสส์ จะเผยตัวตนว่าเขาคือสายลับจากองค์กรเด็กแฝงตัวมาในครอบครัวนี้เพราะต้องการสอดแนมหาความลับในบริษัทสัตว์เลี้ยงที่พ่อและแม่ทำงานอยู่ บริษัทสัตว์เลี้ยงแห่งนี้มีแผนการจะผลักดันให้หมากลายเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวบนโลกนี้ต้องการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งแทนที่ “เด็ก” ทิมเลยตกกระไดพลอยโจนต้องร่วมภารกิจไปกับ เดอะ บอสส์ ในการล้มล้างแผนการครั้งนี้ไปด้วย
ด้วยเหตุที่หนังดำเนินเรื่องราวผ่านสายตาของทิม เด็ก 7 ขวบ ภาพบนจอจึงเป็นภาพตามในจินตนาการแฟนตาซีของทิมสลับกับภาพเหตุการณ์จริง ที่ตัดกันไปมาอยู่บ่อยครั้ง เป็นหน้าที่ของคนดูที่ต้องแยกแยะว่าฉากนี้คือเรื่องจริง ฉากนี้คือภาพในจินตนาการของทิม มุกตลกถูกยิงออกมาเนือง ๆ มีเสียงหัวเราะคลออยู่ตลอดเรื่อง ล้วนเป็นมุกที่มาจากตัวเดอะ บอสส์ หนังโปรโมทด้วยการตัดคลิปเหล่านี้จากหนังออกมาโชว์ ซึ่งดูได้ผลดีเมื่อเป็นคลิปสั้น ๆ แต่พออยู่ในหนังที่ขาดแรงขับเคลื่อน บรรดามุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่เพียงพอที่จะจับกลุ่มผู้ชมผู้ใหญ่ให้อยู่กับตัวหนังได้ตลอด ตัวเดอะ บอสส์ ถือว่าสร้างสรรค์ออกมาได้น่ารักกว่าตอนเป็นหนังสือภาพมาก ด้วยภาพของเด็กชายตาโต ใส่สูท แบบนักธุรกิจก็ถือว่าเป็นภาพลักษณ์แปลกใหม่ และต้องยอมรับเสน่ห์ส่วนหนึ่งของเดอะบอสส์มาจากเสียงพากย์ผสมความกวนของอเล็ค บอลด์วิน ที่ดูเข้ากับบุคลิกของตัวเดอะ บอสส์ ได้ดี และอเล็คเองก็พากย์ทั้งการ์ตูนและวีดีโอเกมมาหลายเรื่องแล้วด้วย เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่ใช่งานแปลกใหม่เลย โดยรวมแล้ว เดอะ บอสส์ เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์น่ารักแต่ไปไม่ถึงขั้นน่าจดจำอย่าง เพนกวินจาก Madagascar หรือ เจ้าเหมียว puss in boot จาก Shrek เคยทำได้ ซึ่งก็น่าจะหยุดอยู่แค่ภาคเดียวเท่านั้น
หนังสอดแทรกนัยยะที่น่ารัก ว่าด้วยเรื่องความรักในครอบครัว การที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนึงพ่อแม่ก็มีน้องเข้ามาแย่งความรักไป หนังพยายามโน้มน้าวความคิดจากพี่ชายที่มองน้องเป็นศัตรูให้กลายมาเป็นเพื่อนเล่นและตอกย้ำหน้าที่พี่ที่ต้องเติบโตมาปกป้องดูแลน้อง จึงเป็นหนังที่เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่ควรเปิดดูกับลูกคนโตในวันที่เขากำลังจะมีน้องใหม่เข้ามาในบ้าน ดูแววแล้ว The Boss Baby น่าจะจัดอยู่ในกลุ่ม “ไม่ทำเงิน” ของค่ายดรีมเวิร์คส์อนิเมชั่น ด้วยเหตุที่หนังเข้าถึงกลุ่มเด็กเล็กมากกว่าที่จะเป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว บวกกับเนื้อหาที่เบาบางและเล่นอยู่กับจินตนาการของเด็กเล็ก ขาดตัวละครที่มีเสน่ห์ยียวนแบบที่เคยมีมาในเรื่องก่อน ๆ ของดรีมเวิร์คส์ และยังไม่ใช่งานที่ ทอม แมคกราธ จะผงาดในฐานะผู้กำกับทำเงินของดรีมเวิร์คส์ เพราะงานกำกับเดี่ยวเรื่องแรกอย่าง Megamind (2010) ก็ทำตัวเลขในอเมริกาไปได้ไม่สวยนัก เป็นตัวเลือกในสัปดาห์นี้ที่เหมาะสำหรับจูงลูกจูงหลานไปดูเท่านั้นครับ