ได้เวลาคนจริงคงกระพันจะฝ่าดงกระสุนท้าทายอิทธิพลมืด!
- สร้างสรรค์โดย : เคโอ โฮดาริ โคเกอร์ (เขียนบท ซีรีส์ Southland และ NCIS Los Angelis)
- เหมาะสำหรับ : ผู้ชื่นชอบซีรีส์ฮีโร่มาร์เวล และซีรีส์แนวแอ็คชั่นหักเหลี่ยมผู้มีอิทธิพล
- ออกอากาศทาง : สตรีมมิ่งซีซั่นแรก 13 ตอน ทาง Netflix
ฮาร์เล็มกำลังร้อนเป็นไฟ
เมื่อเกิดเหตุปล้นอาวุธปืนของผู้มีอิทธิพลอย่าง คอตตอนเมาธ์ (มาเฮิร์ซชาล่า ลาซบาซ อาลี) และการตามล่าคนผิดทำให้ เฮนรี่ ฮันเตอร์ หรือ ป๋า (แฟรงค์กี ไฟสัน) เจ้าของร้านตัดผมเปี่ยมคุณธรรมแห่งฮาร์เล็มถูกยิงตายกลายเป็นไฟแค้นที่สุมในใจของ ลุค เคจ (ไมค์ โคลเทอร์) ที่หมายโค่นเจ้าพ่อแห่งฮาร์เล็มอย่างคอตตอนเมาธ์ แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะนอกจากต้องต่อกรกับ ไดมอนด์แบ็ค (อีริค ลาเรย์ ฮาร์วีย์) คู่แค้นร่วมสายเลือดแล้ว ยังมีนักการเมืองท้องถิ่นอย่าง มาไรอาห์ ดิลลาร์ด (อัลเฟอร์ วูดาร์ด) สมาชิกสภาเทศบาลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับคอตตอนเมาธ์ โดย ลุค เคจ ยังต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงต่อ นักสืบ มิสตี ไนท์ (ซีโมน มิสซิค) ตำรวจสาวที่เขาเคยมีสัมพันธ์สวาท เพื่อทวงความยุติธรรมกลับสู่ฮาร์เล็มอีกครั้ง
ในจักรวาล มาเวล คอมิค ลุค เคจ ปรากฏตัวครั้งแรกใน LUKE CAGE : Hero for Hire วางแผงปี 1972 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการคอมิคด้วยการเป็นฮีโร่ผิวสีคนแรกในโลกหนังสือการ์ตูนอเมริกันมีฉายาว่า Power Man มนุษย์ทรงพลัง มีผิวหนังที่แข็งแกร่งฟันแทงไม่เข้า โดยต่อมาได้มีการร่วมทีมกับไอรอนฟิสต์ และได้แต่งงานกับ เจสสิกา โจนส์ นักสืบสาวแสบ สร้างประวัติศาสตร์การแต่งงานข้ามสีผิวในโลกคอมิคแนวซูเปอร์ฮีโร่
ปริศนาและที่มาของ LUKE CAGE จะเกี่ยวพันกับเหล่าผู้มีอิทธิพลในฮาร์เล็มอย่างไรต้องติดตาม
ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ลุค เคจ ได้ปรากฏตัวบนจอเพราะเขาเคยมีบทบาทในซีรีส์ Jessica Jones มาแล้วและด้วยผลตอบรับที่ดีจากการสวมบทบาทของ ไมค์ โคลเทอร์ ทำให้ ลุค เคจกลับมาโลดแล่นมีซีรีส์ของตัวเองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่อเนื่องจาก Jessica Jones อีกครั้งและยังปูทางไปสู่การรวมกลุ่มฮีโร่ในซีรีส์ The Defenders ที่จะออกอากาศผ่านสตรีมมิ่งทางเน็ตฟลิกซ์ในปี 2017 นี้ แต่ที่สำคัญที่สุดนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้รู้จักกับ ลุค เคจ และที่มาพลังของเขาอย่างแท้จริง และการที่ LUKE CAGE ได้ผู้เขียนบทซีรี่ส์ตำรวจอย่าง เคโอ โฮดาริ โคเกอร์ มาคุมงานสร้างทำให้เรื่องราวของซีรีส์ชุดนี้ถูกหล่อเลี้ยงด้วยดราม่าตัวละครที่หนักแน่นและปมปริศนาแบบซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่ โคเกอร์ ช่ำชองโดยยังคงการเป็นฮีโร่ในโลกของคนผิวสีตามความตั้งใจเดิมของมาร์เวลคอมิคได้อย่างลงตัว
ทีมนักแสดงสมทบที่โดดเด่นเพิ่มความเข้มข้นให้กับ LUKE CAGE ทุกตอน
โดยสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับซีรีส์ LUKE CAGE คือการสร้างบรรยากาศแบบหนังมาร์เฟียแก๊งสเตอร์คนผิวสีในย่านฮาร์เล็ม ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับมาเฟียเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับฮีโร่ของเรา โดยทิ้งปริศนาให้เราสงสัยในที่มาของ ลุค เคจ หนุ่มผิวสีร่างกายกำยำที่มีความคงกระพัน หนังเหนียวยิงไม่เข้า ซึ่งซีรีส์ยอมเสียเวลาตอนแรกในการปูข้อมูลด้านการเมืองและความสัมพันธ์ตัวละครอย่างหนักแน่น แต่เมื่อเข้าตอนที่สองไม่นานจังหวะในการเล่าเรื่องก็เร่งสปีดและทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนคนดูไม่อาจหยุดชมหรือรอดูตอนต่อไปอย่างใจเย็นได้เลย ดังนั้นในด้านการดำเนินเรื่องถือว่าสอบผ่านได้อย่างสวยงามสำหรับซีรีส์ฮีโร่ผิวสีเรื่องนี้
จุดแข็งสำคัญสำหรับ LUKE CAGE คงหนีไม่พ้นทีมนักแสดง ทั้ง ไมค์ โคลเทอร์ ที่กลับมาสวมบทบาท ลุค เคจและใช้เสน่ห์เฉพาะตัวสร้างความนิยมให้ตัวละครได้ดีเช่นเคย และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงหนีไม่พ้นการรับบทบาท คอตตอนเมาธ์ ได้อย่างยอดเยี่ยมของ มาเฮิร์ซชาล่า ลาซบาซ อาลี นักแสดงผิวสีชาวมุสลิมที่เพิ่งได้ออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมปีล่าสุดจาก Moonlight โดย อาลี สามารถสวมวิญญาณคอตตอนเมาธ์ได้อย่างเปี่ยมมิติสร้างความไม่น่าไว้วางใจทุกครั้งที่ปรากฎตัว แม้เจ้าพ่อแห่งฮาร์เล็มจะไม่ได้มีพลังวิเศษแต่ด้วยอิทธิพลและรังสีอำมหิตที่ อาลี เปล่งประกายให้ตัวละครก็เพียงพอแล้วต่อตำแหน่งคู่ปรับตัวฉกาจของ ลุค เคจ และในฝั่งผู้ร้ายก็ไม่ได้เพียงอาลีในบท คอตตอนเมาธ์เท่านั้น แต่การได้สาวใหญ่อย่าง อัลเฟร วูดาร์ด มารับบท มาไรอาห์ ดิลลาร์ด ยังช่วยเพิ่มความเข้มข้นและเสริมบรรยากาศการเมืองให้เรื่องราวได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย
นอกจากนี้ LUKE CAGE ยังถือเป็นการเชื่อมจักรวาลซีรีส์มาร์เวล The Defenders ได้อย่างลงตัวด้วยการปรากฏตัวของ แคลร์ เทมเปิล โดย โรซาริโอ ดอว์สัน ที่แอบมีบทโรแมนติกกับลุค เคจ มาเชื่อมเรื่องราวจาก Jessica Jones และหากช่างสังเกตเสียหน่อยเธอยังปรากฏบนเฟรมพร้อมป้ายโรงเรียนสอนคาราเต้ของ คอลีน วิง ซึ่งเป็นตัวละครใน Iron Fist ซีรีส์แนะนำสมาชิกฮีโร่คนสุดท้ายของกลุ่มอีกด้วย
ในภาพรวมทั้ง 13 ตอนของ LUKE CAGE ซีซันแรกเต็มไปด้วยเรื่องราวสุดเข้มข้นและฉากแอ็คชันที่ตื่นตาตื่นใจผสมผสานกับฝีมือของทีมนักแสดงแถวหน้าจนทำให้กลายเป็นซีรีส์ฮีโร่มาเวลที่สนุกมากอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว