ความเดิมจากตอนที่แล้ว

อลัน สมิธธี นี้ไม่มีตัวตนจริง ๆ หรอกนะครับ หากแต่เป็นนามแฝงให้ผู้กำกับดัง ๆ หลายคน (รวมถึงนักแสดงและตำแหน่งอื่น ๆ ในกองถ่าย) ใช้แทนชื่อตัวเอง ด้วยเหตุผลว่าหนังมันห่วยเกินกว่าจะใส่ชื่อตัวเองลงไปให้เสียประวัติ เปรียบไปชื่อนี้ก็ถังรวมขี้ดี ๆ นี่เอง

หรือ กดอ่านตอนแรกได้ที่นี่ครับ ตอนนี้มาอ่านต่อจากตอนที่แล้วกันได้เลยครับ

แล้วมีใครบ้าง ที่ขอใช้ชื่อปลอมนี้เป็นที่พึ่งพิงทางใจ

ถ้าลองเข้าไปเสิร์ชชื่อนี้ในเว็บฐานข้อมูลหนังอย่าง imdb เราจะพบว่ามีการใช้แทนชื่อผู้กำกับหนังถึง 96 ผลงาน นักแสดง 21 ผลงาน คนเขียนบท 25 ผลงาน โปรดิวเซอร์ 13 ผลงาน และตำแหน่งอื่น ๆ อีกมากมาย เหล่านี้มาจากทั้งผลงานหนังโรง หนังทีวี หนังสารคดี หนังสั้น หนังอนิเมชั่น เรียกว่ามีมาแทบทุกประเภททีเดียว ซึ่งเอาจริง ๆ เป็นเพียงส่วนน้อยด้วยนะครับ เพราะหนังบางเรื่องภายหลังเปลี่ยนมาใช้ชื่อตัวจริงก็มี

ก็ขอเฉลยชื่อต่าง ๆ ในบทความตอนแรกที่เกริ่นไว้ด้วยเลยแล้วกันครับ ว่าคนดังที่เคยขอใช้ชื่อ อลัน สมิธธี นี้มีใครบ้าง

  • ผู้กำกับระดับตำนาน ซิดนี่ ลูเม็ต  ที่เคยกำกับ 12 Angry Men (1957) และ Serpico (1973) ขอใช้ชื่อนี้ในหนัง Q & A (1990) ฉบับที่ตัดต่อสำหรับฉายทางทีวี
  • ผู้กำกับรุ่นเก่าอย่าง สจ๊วต โรเซนเบิร์ก ที่สร้างชื่อจากหนังผีต้นฉบับ The Amityville Horror (1979) ก็เคยเสียทีให้หนังช่วยตัวประกันในโคลอมเบียเรื่อง Let’s Get Harry (1986) ของตนเองด้วย
  • ผู้กำกับหนังสุดแนวอย่าง เดวิด ลินช์ ที่เคยกำกับหนังชิงออสการ์ The Elephant Man (1980) และ Mulholland Dr. (2001) อใช้ชื่อนี้ในหนังไซไฟสุดย่อยยับ Dune (1984) ฉบับเพิ่มฉากใหม่

หาเกี่ยวกับ อลัน สมิธธี ต้องมีรูปนี้ครับ เป็นรูปที่มีชื่อเสียงที่สุดแล้วของอลัน โดยภาพนี้มาจากเครดิตหนังเรื่อง Dune (1984)

  • ผู้กำกับสายอาชญากรรมอย่าง ไมเคิล แมนน์  ที่เคยเขียนบทและกำกับหนังอย่าง Heat (1995) ก็ขอใช้ชื่ออลันในหนังฉบับตัดต่อใหม่สำหรับทีวี ทั้งเรื่องนี้ และเรื่อง The Insider (1999) 
  • ผู้กำกับขวัญใจหลาย ๆ คนอย่าง แซม ไรมี ที่เคยเขียนบทและกำกับหนังอย่าง Evil Dead ทั้งสามภาค และ  Spider-Man 3 (2007) ก็ไม่เว้นครับ เคยต้องใช้ชื่อนี้ตอนเขียนบทหนังเรื่อง The Nutt House (1992)

ในภาพของแซม ไรมี คือชื่อ อลัน สมิธธี จูเนียร์ ส่วน อลัน สมิธธี ซีเนียร์ คือ อีแวน ไรมี พี่ชายของแซม และ แซนด์สตอร์ม ก็เป็นชื่อปลอมของ บรูซ แคมป์เบล ดารานำจาก Evil Dead ครับ อันนี้คือภาพเครดิตจากหนังเรื่อง The Nutt House (1992) สรุปไม่มีใครอยากลงชื่อจริงสักคน 555

  • นักแสดงและผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่าง เดนนิส ฮอปเปอร์ ที่เคยเล่นหนังอย่าง Apocalypse Now (1979) และ Speed (1994) ก็เคยขอไม่ใช่ชื่อตัวเองในการกำกับหนังที่มีตัวเขาและโจดี้ ฟอสเตอร์ แสดงนำอย่าง Catchfire (1990)
  • นักแสดงนำเจ้าของบท แจ๊ค บาวเออร์ ในทีวีซีรีส์เรื่อง 24 (2001-2010) อย่าง คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ ก็เคยพลาดต้องขอใช้ชื่อนี้ตอนกำกับหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตอย่าง Woman Wanted (1999) 

แจ๊ค บาวเออร์ ในวันสะบักสะบอมกับหนังรักโรแมนติกวายป่วง

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายท่านที่เคยแวะเวียนมาใช้ชื่อนี้ครับ แต่เราอาจไม่คุ้นเท่าชื่อที่กล่าวมานัก ส่วนหนังที่ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดด้านรายได้ของ อลัน สมิธธี น่าจะเป็นเรื่อง Hellraiser: Bloodline (1996) ภาคที่ 4 ของผีหัวตะปู ที่ลงทุนไป 4 ล้านเหรียญ แต่ได้รายได้กลับมาเกือบ 16.7 ล้านเหรียญเฉพาะในอเมริกา 

การล่มสลายของ อลัน สมิธธี เริ่มส่อเค้ามาถึง เมื่อในปี 1997 มีผู้กำกับคนหนึ่งได้ทำหนังเพื่อล้อเลียนชื่อนี้ออกมาในชื่อเรื่อง An Alan Smithee Film: Burn Hollywood Burn ว่าด้วยผู้กำกับหนังหน้าใหม่ชื่อ อลัน สมิธธี ที่จับพลัดจบผลูได้ทำหนังใหญ่แต่ผลงานมันเลวร้ายเกินเยียวยา จนเขาอยากถอดชื่อตัวเองออกจากหนังแล้วใส่นามแฝงแทน แต่ DGA บอกว่ากฎคือต้องใช้ชื่อปลอมที่เป็นทางการของ DGA เท่านั้น นั่นก็คือ อลัน สมิธธี เหมือนกันพอดีเป๊ะ นายอลันจึงต้องวางแผนขโมยตัวมาสเตอร์ของหนังออกมาให้ได้

ถึงตัวหนังจะว่าตลกร้ายแล้ว แต่ที่ตลกร้ายเข้าไปอีกคือแม้หนังจะได้ดารารับเชิญมาสมทบคับคั่ง ทั้งเจ้าพ่อค่ายหนังนอกกระแสอย่าง ฮาร์วี่ย์ ไวน์สไตน์ ดาราดังอย่าง วูปี โกลด์เบิร์ก, ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และเฉินหลง เป็นต้น แต่ก็ไม่อาจช่วยหนังที่ไร้ความตลกเรื่องนี้ได้ ผู้กำกับอย่าง อาร์เธอร์ ฮิลเลอร์ เองก็ยังรับคุณภาพหนังเรื่องนี้ของตัวเองไม่ได้เลยขอใช้ชื่อ อลัน สมิธธี แทนเช่นกัน หนังเรื่องนี้ทำให้ DGA เริ่มคิดว่าไอ้ชื่อนี้ชักจะไม่ค่อยโอเคแล้วสิ

สุดท้ายชะตากรรมของชื่อ อลัน สมิธธี นี้ก็ได้ถูกเลิกใช้อย่างเป็นทางการสำหรับ DGA ไปในปี 2000 จากเรื่อง Woman Wanted นั่นล่ะครับ คือใครจะใช้ชื่อนี้ก็ใช้ไปไม่ต้องขออนุญาตสมาคมและสมาคมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อนี้อีกต่อไป เลยมีหนังผู้ใหญ่ถึง 3 เรื่องที่ใช้ชื่อนี้ในเครดิต และพวกผู้กำกับหนังทุนต่ำอีกหลายเรื่องที่ผลงานไม่โอเคก็ขอใช้ชื่อนี้อยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน อย่างล่าสุดที่บันทึกกันไว้สำหรับหนังโรงก็คือเรื่อง Old 37 (2015) ครับ นอกจากวงการหนังก็ยังมีวงการหนังสือการ์ตูนและเกมที่มีการใช้ชื่อนี้กันอย่างมากอีกด้วย

ญาติของ อลัน สมิธธี ยังมีอีกโข

นอกจาก อลัน สมิธธี คุณอาจจะไม่รู้ว่ายังมีนามแฝงของผู้กำกับดังอีกหลายชื่อ ที่ใช้ต่างจุดประสงค์กันไปครับ เช่น

  • ผุ้กำกับรุ่นใหญ่ พอล เวอร์โฮเวน ที่มีผลงานอย่าง RoboCop (1987), Basic Instinct (1992) และเพิ่งมีผลงานอย่าง Elle (2016) ไป ก็เคยขอใช้ชื่อ ยาน แจนเซน ในฉบับตัดฉายทีวีของหนังเรื่อง Showgirls (1995) ด้วย โดยชื่อแจนเซน นี่ถือเป็นชื่ออารมณ์อลัน สมิธธีของประเทศเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว
  • โปรดิวเซอร์หนังตระกูล Alien ชื่อดังอย่าง วอลเตอร์ ฮิลล์  ก็เคยทำหนังที่ประสบปัญหาอย่าง Supernova (2000) ที่ขนาดว่าได้ปรมาจารย์อย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา มาช่วยตัดต่อแบบไม่เอาเครดิตก็ยังไม่รอด ฮิลล์จึงขอใช้ชื่อปลอมลงในเครดิตผู้กำกับแทนว่าโธมัส ลี ส่วนตัวหนังก็เจ๊งไปตามระเบียบแบบไม่ต้องสืบครับ
  • อีกคนที่เคยใช้ชื่อ โธมัส ลี ก็คือผู้กำกับหนังเยอรมัน มาร์ค โรเทมันด์ ที่มีผลงานล่ารางวัลอย่าง Sophie Scholl (2005) ก็ขอใช้ชื่อปลอมกับหนังตลกปี 2015 ของเขาเรื่อง Da muss Mann durch ด้วย ดูเหมือนชื่อนี้จะไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไหร่นะครับ

คุ้น ๆ เหมือนเคยดูเลยนะเรื่องนี้

นอกจากจุดประสงค์เรื่องตัวหนังมีปัญหาแล้ว ก็ยังมีการใช้นามแฝงในเหตุผลอื่น ๆ ด้วยเหมือนกันครับ เช่น

  • ผู้กำกับรางวัลออสการ์อย่าง สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ไม่ชอบมีชื่อตัวเองในเครดิตหลาย ๆ ตำแหน่ง จึงจะใช้ชื่อ ปีเตอร์ แอนดรูว์ส สำหรับตำแหน่งผู้กำกับภาพ แมรี แอนน์ เบอร์นาร์ด ในตำแหน่งตัดต่อ และ แซม โลว์รี ในตำแหน่งเขียนบท ซึ่งทั้งหมดจริง ๆ ก็คือ โซเดอร์เบิร์ก คนเดียวครับ
  • เจ้าพ่อหนังคาวบอยจากฝั่งอิตาลี (Spaghetti Western) อย่าง เซร์คีโอ ลิโอน  เกรงว่าหนังคาวบอยของตัวเองอย่าง A Fistful of Dollars (1964) ที่จะเอาไปเข้าฉายในอเมริกาปี 1967 จะถูกต่อต้านในอเมริกาด้วยเหตุผลว่าไม่ใช่หนังคาวบอยแท้ ชื่อผู้กำกับก็อิตาลีจ๋า เขาเลยใช้ชื่อว่า บ็อบ โรเบิร์ตสัน แทน ปรากฏว่าหนังได้รับการตอบรับดีมากจนกลายเป็นความคลั่งไคล้หนังคาวบอยอิตาลีและเกิดดาราดวงใหม่อย่าง คลินต์ อีสต์วูด ขึ้นมาประดับวงการ หลังจากนั้นพี่แกเลยใช้ชื่อจริงในหนังมาตลอด

คลินต์ อีสต์วูด ใน A Fistful of Dollars (1964)

  • สองพี่น้องคู่เทพอย่าง โจเอล และ อีธาน โคเอน มักจะทำหนังในหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยกันเสมอ โดยตกลงกันว่า โจเอล จะเอาเครดิตผู้กำกับไป ส่วนอีธานจะเอาเครดิตโปรดิวเซอร์ ในขณะที่งานเขียนบททั้งคู่จะใช้ชื่อร่วมกัน แต่ปัญหาก็เกิดเมื่อมาถึงตำแหน่งตัดต่อหนัง เพื่อไม่ให้มีชื่อพวกเขาเยอะเกินไปในเครดิต พวกเขาจึงตกลงใช้นามแฝงว่า โรเดริก เจนส์ สำหรับการตัดต่อ ซึ่งพี่เจนส์นี่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาตัดต่อถึง 2 ครั้งเลยด้วยนะจากเรื่อง Fargo (1996) และ No Country For Old Men (2007) สมเป็นเทพจริง ๆ
  • ผู้กำกับหนังแปลกอย่าง ชาร์ลี คอฟแมน ทำกิมมิกระดับไม่ธรรมดาในการเขียนบทให้หนัง Adaptation (2002) ของผู้กำกับ สไปก์ จอนซ์ ซึ่งว่าด้วยเรื่องนักเขียนบทหนังที่มีพี่น้องฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ พี่คอฟแมนเลยขอเครดิตการเขียนบทเรื่องนี้ให้ โดนัลด์ คอฟแมน น้องชายฝาแฝดของเขาด้วย หนังได้เข้าชิงออสการ์สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยมด้วย น่าเสียดายที่ไม่ได้รางวัล เพราะคงเป็นครั้งแรกที่ออสการ์มอบรางวัลให้ 2 นักเขียนบทที่หมายถึงคน ๆ เดียว เพราะไอ้ตาโดนัลด์อะไรเนี่ยมันไม่มีอยู่จริง เอากับพี่แกสิ

แม้ไม่ได้ออสการ์ แต่พี่น้องคอฟแมนก็ชนะรางวัลจากเวที BAFTA 2003 น่าเสียดายที่ทั้งคู่ไม่อยู่ และให้ เมอรีล สตรีป หนึ่งในดารานำของเรื่องขึ้นรับแทน แต่แค่ได้เห็นทั้งคู่ได้ขึ้นชื่อคู่กันบนจอก็ฮาแล้วล่ะนะ 555