ตัวอย่างหนัง โปสเตอร์หนัง และแนวทางการโปรโมตล้วนแต่นำเสนอว่านี่คือหนังสยองขวัญ เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่จ้องคร่าชีวิตแม่ลูกที่ติดอยู่ในรถกลางสายฝนบนถนนเปลี่ยว แต่แท้จริงแล้วถ้าหลงเชื่อหน้าหนังแล้วคาดหวังจะไปเสพความสยอง คุณจะออกจากโรงพร้อมกับสบถด่าหนังให้หลังกับความผิดหวังจาก 20 นาทีสุดท้ายของหนัง เพราะมันจบเหมือนว่า ผู้กำกับหมดมุกแล้ว “จบมันแบบนี้แหละวะ” แต่ถ้าหนังเลือกขายในแง่หนัง ดราม่า-ทริลเลอร์ เจาะกลุ่มหนังอาร์ต ให้คนดูไปตั้งใจวิเคราะห์ หานัยยะที่ผู้กำกับต้องการสื่อ ซึ่งก็ไม่ได้ลึกเกินไปนัก น่าจะถูกตลาดและได้กระแสปากต่อปากที่ดีกว่า เพราะ The Monster ในตลาดอเมริกาก็ได้รับเสียงตอบรับในด้านบวกจากนักวิจารณ์ที่พึงพอใจกับ”สาร” ในหนังมากกว่าทางฝั่งคนดู
หนังเป็นผลงานที่เหมาหน้าที่กำกับและเขียนบทของไบรอัน เบอร์ติโน ที่สร้างชื่อมาจาก The Stranger หนังสยองขวัญแนวโรคจิตบุกบ้าน ที่ได้ลิฟ ไทเลอร์ มารับบทนำในปี 2008 รอบนี้ไบรอัน เล่าเรื่องแม่ลูกแคธี่ และ ลิซซี่ ในช่วงเวลา 1 วัน ที่แคธี่ จะต้องขับรถพาลูกสาวไปส่งให้พ่อที่แยกทางกันแต่อยู่ต่างรัฐแม่โอ้เอ้ตื่นสายทำให้ทั้งคู่ต้องเดินทางสายกว่ากำหนดเป็นเหตุให้ต้องขับรถผ่านถนนเปลี่ยวในยามดึกและฝนตกหนัก ระหว่างทางก็เกิดเหตุช็อคเมื่อรถชนเข้ากับหมาป่าที่วิ่งตัดหน้ารถ รถเสียหลักยางแตกวิ่งต่อไม่ได้ แคธี่ โทรแจ้ง 911 ระหว่างที่รอหน่วยกู้ภัยมาช่วยนั้นพวกเธอก็รู้สึกได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตลึกลับน่ากลัวซุ่มอยู่นอกรถ
ในด้านบรรยากาศสยองขวัญ ไบรอันทำได้ดีมาก ตั้งแต่นาทีที่รถดับอยู่กลางถนน หนังเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง เงียบสนิท…มีแต่เสียงฝนพรำ แม้จะเป็นหนังทุนต่ำแค่ 2 ล้านเหรียญ แต่ทีมงานก็ใช้งบส่วนหนึ่งลงทุนสร้างถนนช่วงสั้น ๆ ตัดผ่านป่าขึ้นมาเพื่อถ่ายทำโดยเฉพาะ กล้องใช้ภาพแทนสายตาสัตว์ประหลาดมองผ่านป่ามาที่รถแม่ลูกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ดูไปลุ้นไปเสมอว่าไอ้ตัวประหลาดจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ซึ่งกว่าจะปรากฎตัวออกมาครั้งแรก ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมง แต่ทุกครั้งที่โผล่มาก็ตุ้งแช่ได้สะดุ้งจริง จากช่วงแรก ๆ ที่แอบซ่อนอยู่ตามเงามืด ก็ออกมาให้เห็นกันจะ ๆ ในช่วงท้าย เป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวด้วยภาพลักษณ์ แต่การสร้างสรรค์พิษสงและกำหนดจุดอ่อนให้มันถือว่าสอบตกมาก ๆ ถ้าได้ดูแล้วก็จะส่ายหน้าแหละครับ เพราะว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่กระจอกมาก แต่ถึงก็กระนั้นก็ยังมีตัวละครโผล่มาเป็นเหยื่อเสริมบรรยากาศสยองให้หนังอยู่เนือง ๆ แต่ละคนก็ทำหน้าที่เหยื่อได้สมบูรณ์แบบมาก ด้วยการกระทำโง่ ๆ ชวนขัดใจ รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่แต่ก็ยังออกไปเดินฉายไฟเล่น เป็นหนังที่ดูไปและเอาใจช่วยหนังเป็นอย่างมากเพราะว่าหนังปูบรรยากาศมาดี แล้วอยากให้จบได้อย่างมีชั้นเชิงน่าจดจำ แต่ก็ผิดหวังครับ ตัวละครยังคงกระทำการสิ้นคิดไร้เหตุผล แล้วก็จบแบบว่า “เฮ้อออออ” พร้อมกับคำถามในใจ “เอาแบบเนี้ยน่ะเหรอ?”
ในด้านบวกของหนังคือการสอดแทรกดราม่า หนังปูเรื่องราวแม่ลูกมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ที่คนดูพอสัมผัสได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก แม่ขี้เมา ติดบุหรี่จัด และมีแฟนใหม่ที่ไม่ชอบหน้าลิซซี่ ทำให้ลิซซี่ อยากจะไปอยู่กับพ่อ ตัวแคธี่ รับบทโดยโซอี้ คาซาน ดาราเบอร์รองที่อยู่ในวงการมา 10 กว่าปีแล้ว ในขณะที่เรื่องราวเดินหน้าไปก็ตัดสลับเล่าเหตุการณ์ในอดีตของแม่ลูกอยู่ทุก ๆ 10 นาที แต่ละเรื่องราวก็ล้วนเป็นความทรงจำที่ไม่ดีของลิซซี่จากการกระทำของแม่
ดารานำทั้งคู่แบกรับหนังไว้ทั้งเรื่องแบบเอาอยู่ โดยเฉพาะเบลลา บัลเลนไทน์ สาวน้อยวัย 15 แต่รูปร่างหน้าตายังกับเด็ก 12 ก็เลยรับบทลิซซี่ หนูน้อยวัย 12 ได้น่าเชื่อ เบลล่า ถ่ายทอดบทลิซซี่ เด็กสาวมีปัญหาเก็บกดออกมาได้อย่างน่าทึ่งสมควรกล่าวชื่นชมได้อย่างเต็มปากเต็มคำและถ้าคะแนนที่จะได้รับจากบรรดาบทวิจารณ์หลาย ๆ คะแนนก็เชื่อว่ามาจากเบลล่านี่แหละ และบทของเธอก็คือผู้เฉลยนัยยะในตอนจบของหนังว่า The Monster ที่แท้จริงของลิซซี่คืออะไร?
ทำใจก่อนดูเข้าว่าฉันจะไปเสพสาระ เสพดราม่า เสพการแสดงของน้องหนูเบลลาจากหนัง ห้ามคาดหวังความสยองจากสัตว์ประหลาดเด็ดขาด แล้วจะดู The Monster ได้อย่างมีความสุข