อีกหนึ่งรสชาติของแวดวงหนังญี่ปุ่นนั้น ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าช่วงสิบกว่าปีมานี้ นอกเหนือจากแอนิเมชัน ญี่ปุ่นมักจะหยิบจับขุมทรัพย์การ์ตูนและ Light Novel (นวนิยายกึ่งการ์ตูนมังงะ) ที่มีอยู่มหาศาลทั่วประเทศมาทำเป็นภาพยนตร์ live action เจาะตลาดติ่งที่มองเห็นอยู่แล้วจากของเดิม ซึ่งก็มีทั้งรอดและไปไม่รอด เมื่อมันต้องมีการดัดแปลงมาเป็นคนจริงแสดง แคแร็คเตอร์ล้น ๆ โอเวอร์แอ็คติ้ง ของตัวละครในนิยายที่เข้ามาแทนความจำเป็นในการตีความตัวละครที่มาจากพลอตหนัง ทำให้หลายเรื่องต้องไปลุ้นหน้างานว่าจะปังหรือพัง แต่ส่วนมากมักจะทำใจไว้แล้ว (ฮา)
แทบทุกช่วงของปีแวดวงหนังญี่ปุ่นมักนิยมส่งหนังที่มีตัวแปรของวัยทีนหรือกาลเวลามาลุยตลาดซึ่ง Sagrada Reset หรือในชื่อภาษาไทย ‘เมืองมหัศจรรย์ คนเปลี่ยนเวลา’ Light Novel ของ ยูตากะ โคโนะ ถูกดัดแปลงมาสร้างเป็นหนัง (กำกับโดย โยชิฮิโระ ฟูคากาวา) และมังงะในปีนี้ ความน่าสนใจของมันไม่ได้เป็นเพียงหนังที่เดินหน้าด้วยความเป็นวัยรุ่นที่กำลังเรียนรู้ เติบโต หรือค้นหาตัวตน แบบหนัง coming-of-age ตามท้องตลาด อย่าง The 100th Love With You หรือ Your Name แต่มันเป็นเรื่องราวแบบแฟนตาซีที่มีการใช้ ‘กาลเวลา’ มานำเสนอที่แตกต่างโดยดึงเรื่องของความเป็นความตายเข้ามา ซึ่งความซับซ้อนกับเวลานี่แหละที่ทำให้หลายคนสนใจหน้าหนังของ Sagrada Reset กันมาก ถ้าให้พูดตามตรง มันเน้นไปที่ตัวแปรกาลเวลา มากกว่า ในแบบเดียวกับ Back To The Future ที่ตัวละครต้องการกลับไปแก้ไขอดีต และมีโจทย์ต้องดีลกับเงื่อนไขที่ ‘ต้องแลก’ มาในการจะย้อนเวลากลับไป
Sagrada Reset มันเป็นเรื่องราวของเมือง ๆ หนึ่งที่ชื่อ ซากุราดะ ซึ่งผู้คนในเมืองนี้เต็มไปด้วยผู้มีพลังพิเศษ โดยมีตัวหลักของเรื่องอย่าง ฮารุกิ มิโซระ (คุโรชิมะ ยูอินะ) เด็กสาวม.ปลาย ที่มีความสามารถพิเศษในการ ‘รีเซ็ท’ เวลาบนโลกให้ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อนได้ แต่มีเงื่อนไขว่าหลังจากที่เธอรีเซ็ทเวลาแล้ว ความทรงจำในช่วงก่อนรีเซ็ทจะเลือนหายไปด้วย และ อาซาอิ เคย์ (โนมูระ ชูเฮ) หนุ่ม ม.ปลาย ผู้มีความสามารถพิเศษด้านความจำ และสามารถการเก็บรักษาความทรงจำหลังการรีเซ็ท ทำให้ทั้งสองคนจำเป็นต้องทำงานในสภาวะพึ่งพากันและกัน
ตัวหนังสร้างปมให้ตัวละครขึ้นมาโดย ทั้งฮารุกิและเคย์ นั้นไม่สามารถสลัดอดีตที่เลวร้ายจากการรีเซ็ทซึ่งมีส่วนทำให้ ซูมิเระ ซูมะ เพื่อนร่วม ‘ชมรมอาสา’ เสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม การค้นพบความสามารถพิเศษของเพื่อนๆ ในโรงเรียน สร้างความหวังให้เคย์มองหาความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนชีพเพื่อนคนนี้กลับมาให้ได้อีกครั้ง
Sagrada Reset สร้างเซอร์ไพรส์จากหน้าหนังพอสมควร และทำได้ดีกับการผูกปมไปมาที่ซับซ้อน เนื้อหามันค่อนข้างสดใหม่ แต่มีข้อเสียคือเล่าเรื่องได้เนิบนาบไปมาก เรียกว่าเป็นยานอนหลับชั้นดีได้เลยถ้าจิตไม่แข็ง ดูแล้วอยากจะรีเซ็ตตัวเองมากกว่า (ฮา) แต่หากพ้นช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังไปได้แล้ว ตัวหนังจะค่อยๆ เข้าสู่การเดินหน้าคลายปมที่เข้มข้นขึ้น แต่หากใครที่หลุดจากช่วงแรกของหนัง ก็อาจปะติดปะต่อหนังยากหน่อยจนไม่เข้าใจตัวเรื่องที่เหลือเลยก็เป็นได้ เพราะตัวหนังจะปูเรื่องของความสามารถด้านพลังพิเศษของแต่ละตัวละคร รวมทั้งสร้างปมจากอดีตเพิ่มเข้ามาเพื่ออธิบายเหตุผลว่าทำไม เคย์ และ ฮารุกิ ต้องหาวิธีในการฟื้นคืนชีพให้ ซูมิเระ
นอกเหนือจากตรรกะของการคิดหาวิธีแก้ปมเกี่ยวกับเวลาที่ทำออกมาได้ฉลาด หักมุมจนเดาทางยากแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือโทนภาพของหนังแบบฟุ้งๆ ที่พยายามสื่อถึงห้วงกาลเวลา ที่ทำได้ดูแปลกตาแต่ยังคงสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นได้ดี อย่างไรก็ตาม แม้ไอเดียหนังจะดี แต่หนังกลับมีจุดบอดเรื่องการเล่าเรื่องที่ขาดความน่าติดตาม ดูจืด ดูเนือย และไม่มีเมสเซจที่ชัดเจนเท่าไหร่ แคแร็คเตอร์ในภาพรวมขาดไดนามิก นิ่งและโมโนโทนจนดูเป็นมังงะไปหน่อย ตัวละครมีพลังพิเศษ แต่ตัวหนังเล่นกับพลังเหล่านี้เบาบางเกินไป เหมือนเจตนาที่จะไม่โชว์ ไม่เล่นใหญ่ อย่างหนังจีนหรือหนังฮอลลีวูดเลือกเล่า หนังแฟนตาซีเรื่องนี้มันเลยเหมือนจะเหงาๆ หน่อย เพราะภาคซีจีก็ไม่ใช่จุดเด่นของหนังญี่ปุ่นอยู่แล้ว ประกอบกับการเดินเรื่องไปแบบอ้อยอิ่ง มันเลยมีความเป็นปัจเจกในแบบญี่ปุ่นมากไป มากกว่าจะเลือกรับใช้คนดูในโรง
ด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ ส่วนตัวมองว่าหาก Sagrada Reset เดินไปในเส้นทางซีรีส์เหมือนอย่าง Nodame Cantabile, Another หรือ GTO อาจจะออกมาน่าติดตามมากกว่าหนังโรง ซึ่ง Sagrada Reset เองก็ทิ้งปมไว้สำหรับภาคต่อที่จะเข้าฉายในบ้านเรา 1 มิถุนายนนี้ โดยตัวเรื่องจะพัฒนาไปเล่นใหญ่ถึงขั้นต่อสู้กับกลุ่มองค์กรลึกลับที่จะต่อต้านผู้มีพลังพิเศษ ตรงนี้เราอาจเห็นทีเด็ดที่มากกว่าในภาคแรกนี้
อย่างไรก็ตาม เวลาชั่วโมงกว่ากับการตามไขปริศนาแบบน้องๆ โคนัน รวมทั้งนักแสดงสาวๆ น่ารักโมเอะในเรื่องก็ถือว่า Sagrada Reset เป็นหนังที่เมียงมองแล้วไม่รู้สึกเสียดายเงินเท่าไหร่นัก กลับกัน มันยังตบหน้าคนที่ชอบบอกว่าหนังแฟนตาซีไร้สาระไปในบัดดล
Sagrada Reset ภาคแรก เข้าฉาย 18 พฤษภาคมนี้ครับ