โดยปกติผมจะเชื่อถือหนังที่สร้างจากนิยายมาก ยิ่งถ้านิยายขายดีด้วยแล้วแปลว่าต้องสนุกผู้สร้างถึงตัดสินใจเลือกมาสร้างเป็นหนังเพราะลิขสิทธิ์แต่ละเรื่องก็ไม่ใช่ถูก ๆ แต่ Hunter’s Prayer ได้ล้มล้างความเชื่อนี้ผมหมดสิ้นแล้ว หนังสร้างจากนิยาย “For The Dogs” ของเควิน วิกแนล ออกขายในปี 2004 ได้รับเสียงตอบรับดีจากนักวิจารณ์และถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ วางขายทั่วโลก และเปลี่ยนชื่อตามชื่อหนังเป็น “Hunter’s Prayer” หลังถูกซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นหนังในปี 2015
หนังเปิดเรื่องด้วยปริศนาน่าติดตามมากเมื่อมหาเศรษฐีผัวเมียพักผ่อนหลังอาหารค่ำในคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วมือปืนโหดก็บุกเข้าไปในบ้าน ยิงแม่บ้าน และผัวเมียโดยไม่ทันได้ปริปากสักคำก่อนจะเผาบ้านทิ้ง หนังถ่ายให้เห็นภาพครอบครัวพ่อแม่และลูกสาวใส่ในกรอบก่อนเปลวไฟมอดไหม้ ตัดภาพมาเป็นลูกสาวคนที่อยู่ในภาพกำลังเรียนไฮสคูลอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ เธอตกเป็นเป้าหมายต่อไปของมือปืนโหด แต่แผนการก็ผิดพลาดเมื่อ ลูคัส บุรุษลึกลับโผล่มาช่วยชีวิตเอลล่าไว้ คำถามโผล่มาเต็มไปหมด ลูคัสเป็นใครทำไมมาช่วยเอลล่า และชนวนเหตุการฆ่าล้างครอบครัวคืออะไรน่าสนใจมากครับ หนังใช้เวลาประมาณ 20 นาที เผยปริศนาทั้งหมด และคำตอบก็ช่างธรรมดามาก ตามสูตรหนังแอ็คชั่นมือปืนทั่วไป และหลังจากนั้นก็คือบาดแผลต่าง ๆ นานาที่ถาโถมเข้ามาสร้างความหายนะให้กับหนัง
เอาข้อดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนนะ โอเดยา รัช น่ารักมาก จากที่เห็นเธอเล่นเป็นเด็กน้อยใน Goosebumps (2015) ผ่านมา 2 ปีกลายเป็นสาวแล้ว สวยขึ้นกล้องมากและกล้องก็ขยันจับหน้าเธอบ่อย ๆ ด้วย ก็ถือว่าเป็นความเพลินตาที่ช่วยให้ผ่านหนังเรื่องนี้ไปได้ โอเดยา ได้บทนี้เหตุเพราะ เฮลีย์ สไตน์เฟลด์ ตัวเลือกแรกติดงาน แซม วอธิงตัน พระเอกที่ชีวิตในฮอลลีวู้ดตกเร็วมาก ก็เลยมีแต่งานหนังทุนต่ำแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นความพยายามที่ดีนะ กับบทบาทลูคัส ที่แซม พยายามถ่ายทอดภาพลักษณ์ของมือปืนขี้ยาที่มีอดีตเลวร้ายให้รู้สึกได้ กับมาดนิ่งขรึมพูดน้อยเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา หมดแล้วข้อดี
ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือบบทของ พอล เลย์เด็น มือเขียนบทโนเนม ที่เคยมีแต่ผลงานเขียนทีวีซีรีส์ ผมอ่านเรื่องย่อของฉบับนิยายก็พอรู้แล้วว่าพอล ค่อนข้างปู้ยี้ปู้ยำเนื้อหาจากฉบับนิยายไปพอควรเลยล่ะ โดยเฉพาะการปูที่มาของ ลูคัส บทของพอลใส่การกระทำโง่ ๆ แบบไร้คำอธิบายให้กับตัวละครทุกตัวของเขา
แม้ว่าหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ดทุกเรื่องจะมีการกระทำที่เวอร์เกินจริงให้เห็นกันอยู่แล้ว แต่บทของพอลพาเกินจุดนั้นไปมากครับ ดูไปถอนหายใจให้กับหนังไป โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ของหนังนี่ต้องยกให้ติด Top 10 หายนะของฉากไคลแมกซ์ตลอดกาลเลย ไม่ขอลงดีเทลนะครับไม่งั้นจะยาวมาก ดูแล้วก็สงสัยว่าทำไมผู้กำกับ โจนาธาน มอสโทว์ เห็นบทแบบนี้แล้วยังเดินหน้าถ่ายทำแล้วปล่อยหนังที่มีชื่อตัวเองออกมาแบบนี้ ทั้งที่เครดิตที่ผ่านมาของเขาเองก็น่าเชื่อถืออยู่นะ U571 (2000) , Surrogates (2009) โล่งใจแทนฟิลลิป นอยซ์ (salt , the bone collector) ที่ปฎิเสธหนังเรื่องนี้ไป
คำแนะนำครับ ถ้าตัดสินใจจะดู ก็ถือว่าดูความน่ารักของน้องโอเดยา รัชไป ส่วนอื่น ๆ ก็ให้ดูการกระทำโง่ ๆ ของตัวละครแล้วมองเป็นเรื่องขำ ๆ ไปคิดซะว่าเป็นหนังตลกเอาไว้เปิดดูกะเพื่อนในวงเหล้าน่าจะบันเทิงดี มองอีกแง่ก็เป็นการเปิดโลกทัศน์ว่าหนังฮอลลีวู้ดแต่คุณภาพเทียบเท่าละครไทยก็มีด้วย