จอห์น คริสโตเฟอร์ เด็ปป์ ที่สอง ในวัย 53 ปีกับ 33 ปีในฮอลลีวู้ด มีผลงานทั้งเจ๊งและทำเงินมหาศาล เล่นทั้งหนังหวังรางวัล และหนังตลาดทุนสูงเอาใจผู้ชม แล้วเด็ปป์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นได้ทั้งดาราเจ้าเสน่ห์ขวัญใจสาว ๆ และเป็นทั้งตัวตลกที่เป็นขวัญใจของเด็ก ๆ จากบรรดาหนังดิสนีย์ ซึ่งก็ไม่แปลกที่เด็ปป์จะเป็นดาราที่ค่าตัวอยู่ในระดับต้น ๆ ของกลุ่มดาราชาย ในปี 2011 เขาได้รับค่าตัวสูงถึง 35 ล้านเหรียญจากหนัง Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides ยังไม่รวมเปอร์เซ็นต์รายได้จากกำไรอีก 20 ล้านเหรียญ ถึงวันนี้เด็ปป์มีผลงานออกสู่สายตาผู้ชมทั้งหนังโรงและทีวีซีรีส์แล้วถึง 77 เรื่อง บทความนี้เราจึงขอคัดหนังเด่น ๆ ที่ไม่ควรพลาดของเด็ปป์มาเล่าให้ฟังสัก 10 เรื่อง เผื่อแฟน ๆ ของเด็ปป์จะได้ไปตามาหามาดูกัน

Cry Baby (1990)

หนังของผู้กำกับจอห์น วอเตอร์ ที่โด่งดังมาจากหนังแหวกแนว Hairspray (1988) แล้วลองมาทำหนังเพลงวัยรุ่นดูบ้าง ช่วงนั้นเด็ปป์ เพิ่งโด่งดังจากทีวีซีรีส์ 21 Jump Street เด็ปป์มารับบทเป็นพระเอกของเรื่อง เวด วอล์คเกอร์ ฉายา “ครายเบี้” เขาเป็นหัวหน้าแก๊ง “เดรป์” แก๊งวัยรุ่นเกเรในช่วงยุค 1950 แล้ว เวด ก็ดันไปตกหลุมรักสาวนอกแก๊งนาม “สแควร์” Cry Baby เป็นหนังเพลง-โรแมนติก ทำให้เด็ปป์ ต้องมีทั้งเต้นและร้องเพลง ซึ่งเขาทำเพียงแค่ลิปซิงค์ แล้วเด็ปป์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขานั้นเต้นเป็น แม้หนังจะไม่ประสบความสำเร็จในตอนที่ออกฉาย แต่ก็ประสบความสำเร็จในการส่งให้เด็ปป์ก้าวมาเป็นขวัญใจสาว ๆ ในช่วงนั้น แต่หนังก็ได้รับความนิยมต่อเนื่องในตลาดวีดีโอหลังจากนั้น

Play video

Rango (2011)

งานพากย์การ์ตูนครั้งแรกของเด็ปป์ และเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกลับกอร์ เวอร์บินสกี้ ผู้กำกับจาก Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl (2003) เด็ปป์พากย์เสียงเป็น แรงโก้ กิ้งก่าจอมเจ้าเล่ห์ที่พลัดหลงอยู่ในทะเลทรายจนกระทั่งไปพบเมืองเล็ก ๆ แต่แล้วก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นนายอำเภอของเมืองนั้นและต้องรับมือกับแก๊งโจรที่ต้องการมาแย่งชิงน้ำในเมืองกลางทะเทรายแห่งนี้ เด็ปป์เหมาะมากกับถ่ายทอดคาแรกเตอร์ทะลึ่งทะเล้นลงมาในตัวแรงโก้ได้ พาให้หนังสนุกสนานไปจนประสบความสำเร็จ กลายเป็นการพิสูจน์ความสามารถอีกด้านของเขา และยกระดับ ILM บริษัททำสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์หนังว่าสามารถทำการ์ตูนสนุก ๆ ได้ไม่แพ้ Pixarลองดูเบื้องหลังแล้วจะเห็นว่า งานพากย์เขาไม่ได้ยืนพากย์กันนิ่ง ๆ เหมือนอย่างที่เข้าใจกันแล้วนะ

Play video

Blow (2001)

ผลงานกำกับของเท็ด เด็มเม หลานชายของผู้กำกับออสการ์ โจนาธาน เด็มเม ดัดแปลงมาจากนิยายปี1993 ของบรู๊ซ พอร์ตเนอร์ เขียนด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของพ่อค้าโคเคนนาม จอร์จ จัง หนังเล่าชีวิตของจอร์จ จังตั้งแต่เกิดมาพร้อมกับปัญหาครอบครัวที่ปากกัดตีนถีบแล้วสุดท้ายพ่อก็ล้มละลาย จอร์จ ไม่ต้องการให้ชีวิตเขาลงเอยเหมือนพ่อ จึงหันเข้าสู่วงการยาเสพติด และไปถึงจุดรุ่่งเรืองในยุค 70s หนังไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ แต่ได้เสียงตอบรับดีจากบรรดานักวิจารณ์โดยเฉพาะบทบาทการแสดงของ เด็ปป์ ที่ทำให้บทบาทของ จอร์จ จัง ดูมีเสน่ห์ และถ่ายทอดการแสดงได้ดูเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจมาก “จอร์จ จัง” จึงเป็นคาแรกเตอร์โปรดตัวหนึ่งสำหรับบรรดาแฟน ๆ ของเด็ปป์

Play video

Finding Neverland (2004)

นี่เป็นหนังที่ผู้เขียนดูแล้วน้ำตาไหลพรากเลย หนังดัดแปลงมาจากละครเวที ที่เป็นเรื่องราวกึ่งชีวประวัติของ เจ.เอ็ม. บาร์รี  ในช่วงที่ไปผูกพันกับแม่ลูกครอบครัวหนึ่งและเป็นแรงบันดาลใจให้ บาร์รี เขียน “ปีเตอร์ แพน” ขึ้นมา เด็ปป์ รับบทเป็น เจ.เอ็ม. บาร์รี และได้ เคต วินสเล็ต ซิลเวีย เดวีย์ คุณแม่คนสวยที่บาร์รี ไปพัวพันด้วย เป็นหนังที่ เฟรดดี้ ไฮมอร์ ดาราเด็กในตอนนั้นฝากผลงานการแสดงอันน่าอัศจรรย์ไว้ แม้กระทั่ง เด็ปป์ เองยังประทับใจและชักชวนเฟรดดี้ไปเล่น Charlie and the Chocolate Factory (2005) แต่กระนั้นการแสดงของเฟรดดี้ ก็ไม่ได้บดบังรัศมีของเด็ปป์แต่อย่างใด เด็ปป์พลิกบทบาทอย่างสุดขั้วจากทะเล้นทะลึ่งใน Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl เปลี่ยนมาเป็นมาดเคร่งขรึม ฝีมือการแสดงของเด็ปป์จากเรื่องนี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์ดารานำชายทั้งเวทีออสการ์ แต่คนไทยในยุคโซเชี่ยลน่าจะคุ้นกับ Finding Neverland ในภาพของ Meme 3 ช่องที่นิยมเอามาเล่นกันจนแพร่หลายไปทั่วโลก

Play video

What’s Eating Gilbert Grape (1993)

หนังดัดแปลงจากนิยายปีเตอร์ เฮ็ดเจส กับเนื้อหาโคตรเศร้าเรื่องราวชีวิตบัดซบของ กิลเบิร์ต เกรป บทของเด็ปป์ ที่ต้องแบกรับภาระครอบครัวไว้ทั้งหมด เมื่อพ่อตายแม่ก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเอาแต่กินกับนอนจนกลายเป็นหญิงร่างยักษ์หนัก 200 กว่ากิโล กิลเบิร์ตจึงต้องหาเลี้ยงครอบครัวและดูแลน้องที่เป็นเด็กปัญญาอ่อน ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นผลงานแจ้งเกิดของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ในบทอาร์นี เด็กปัญญาอ่อน ที่ขโมยซีนของเด็ปป์ไปพอควร แม้เด็ปป์จะได้บทนำที่เป็นชื่อเรื่องด้วย แต่กระนั้น กิลเบิร์ต เกรป ก็นับเป็นผลงานการแสดงในยุคแรก ๆ ของเด็ปป์ที่น่าจดจำบทบาทหนึ่ง

Play video

Fear and Loathing in Las Vegas (1998)

สร้างจากนิยายกึ่งอัตชีวประวัติของ ราอูล ดุค ที่ตีพิมพ์ในปี 1998 หนังเล่าเรื่องราวของขี้ยา ราอูล ดุค กับ ดร.กอนโซ ทนายประจำตัวของเขาในการเดินทางไปลาส เวกัส เป็นหนังอีกเรื่องที่ล้มคว่ำทางด้านรายได้ แต่หนังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ในด้านการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเด็ปป์ ที่ช่วยพยุงหนังที่มีบทน่าเบื่อให้ไปตลอดรอดฝั่งได้ เป็นอีกบทที่เด็ปป์ค่อนข้างตั้งใจทุ่มเท เขาใช้เวลาก่อนรับบทนี้ไปคลุกคลีกับ ราอูล ดุค ตัวจริงเพื่อศึกษากิริยาท่าทาง หนังได้รับกระแสนิยมแบบปากต่อปากในตลาดวีดีโอ ทำให้หนังค่อย ๆ ได้รับคะแนนนิยมสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ในว็บไซต์ rottentomatoes หนังได้รับคะแนนฝั่งผู้ชมสูงถึง 89%

Play video

Donnie Brasco (1997)

The Godfather เป็นหนังมาเฟียที่น่าจดจำในยุค 1970s Donnie Brasco ก็คือหนังมาเฟียที่น่าจดจำในยุค 1990s ดอนนี่ บราสโค เป็นอีกหนึ่งบทบาทของเด็ปป์ ที่เล่นเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง หนังสร้างจากบันทึกส่วนตัวของ ดอนนี่ บราสโค สายของเอฟบีไอ.ที่แฝงตัวอยู่ในครอบครัวมาเฟียโบแนนโน ในนิวยอร์คช่วงยุค 1970s ถึงแม้เป็นงานที่เด็ปป์จะต้องประกบดารายอดฝีมือทั้ง อัล ปาชิโน และไมเคิล แมดเสน แต่ผลงานแสดงของเด็ปป์ก็เป็นที่ชื่นชมในหมู่นักวิจารณ์อีกครั้ง ว่าการถ่ายทอดบทบาท ดอนนี่ บราสโค ของเด็ปป์โดดเด่น และทำให้หนังดูน่าเชื่อถือ

Play video

Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl (2003)

วันที่ดิสนีย์ประกาศว่าจะสร้างหนังที่อิงจากเครื่องเล่นในสวนสนุกดิสนีย์เวิลด์ แต่ละคนที่ได้ฟังไอเดียก็รู้สึกว่าประหลาด ๆ แล้วก็พลันคิดว่าจะไปรอดเหรอ แต่แล้ว Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยความสำเร็จมหาศาล กับรายได้ 654 ล้านเหรียญจากทั่วโลก และสานต่อมาได้ถึงภาคที่ 5 และน่าจะยังไม่หยุดแค่นี้ ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ถึงที่มาของความสำเร็จ คือการถ่ายทอดตัวตนของกัปตันแจ๊ค สแปโรว์ ให้ออกมามีตัวตนจริง ๆ และกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่คนทั่วโลกหลงรักได้ด้วยฝีมือการสร้างสรรค์บุคลิกของแจ๊ค สแปโรว์ ขึ้นมาเองของจอห์นนี่ เด็ปป์ ทำให้กัปตันเป็นตัวละครที่มีอารมณ์ขัน ดูประหลาดคนแต่ก็มีเสน่ห์ และขัดกับภาพลักษณ์ของพระเอกหนังที่คุ้นเคยกันมาตลอด นอกเหนือจากความสำเร็จทางด้านรายได้ บทบาทการแสดงของเด็ปป์ ยังทำให้ตัวเขาเองได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ในสาขาแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกในชีวิต

Play video

Edward Scissorhands (1990)

ผลงานเรื่องแรกที่ เด็ปป์ ได้ร่วมงานกับ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับคู่บุญที่เข้าขากันดี และได้ทำงานร่วมกันมาอีกหลายเรื่องในระยะเวลาา 20 ปี เด็ปป์รับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร ตัวละครตามชื่อเรื่อง เขาเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่ผู้สร้างเขาถูกฆ่าตายเสียก่อนที่จะสร้างมือให้เขาเสร็จ เอ็ดเวิร์ดกลายเป็นตัวประหลาดน่ากลัวที่ไม่ได้รับการต้อนรับจากคนรอบข้าง กระทั่งครอบครัวหนึ่งได้รับดูแลเขา และกลายเป็นเลิฟสตอรี่เมื่อเอ็ดเวิร์ดตกหลุมรักกับ คิม ลูกสาวของครอบครัวนี้ เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากแฟรงเกนสไตน์แต่เป็นแฟรงเกนในภาคที่น่ารักและน่าสงสาร ด้วยภาพลักษณ์ใสซื่อ ไม่มีเสียงพูด เมคอัพหนา ๆ หัวกระเซิง ทำให้เอ็ดเวิร์ดกลายเป็นตัวละครอมตะตัวหนึ่งบนโลกภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครอื่นอีกมากมาย รวมถึงโรเบิร์ต สมิธ นักร้องนำวง The Cure ก็ได้แรงบันดาลใจในการแต่งหน้าแต่งตัวมาจากเอ็ดเวิร์ด มือกรรไกรเช่นกัน รวมถึงกลายเป็นภาพลักษณ์ติดตัวสำหรับหนังเด็ปป์ – เบอร์ตัน ที่เด็ปป์มักจะอยู่ในลุคที่เมคอัพหน้าขาว มาพร้อมบุคลิกประหลาดอยู่เสมอ

Play video

Ed Wood (1994)

การร่วมงานครั้งที่ 2 ของจอห์นนี่ เด็ปป์ และผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน และเป็นอีกครั้งที่เด็ปป์ สวมบทบาทตัวละครที่มาจากบุคคลจริง เอ็ด วูด ผู้กำกับหนังในยุค 50s ที่มีภาพพจน์ว่าเป็นผู้กำกับหนังทุนต่ำและห่วย หนังเล่าเรื่องราวของเอ็ด วูด กับการดิ้นรนหาทุนสร้างหนัง โดยได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนนักแสดงชื่อดังเบลา ลูโกซี่ เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องของเด็ปป์ – เบอร์ตัน ที่เด็ปป์ไม่ต้องสวมบทเป็นคาแรกเตอร์ที่เมคอัพหนา และเป็นผลงานที่ไม่ประสบความสำเร็จแม้จะออกตามหลังความสำเร็จของ Edward Scissorhands (1990) แต่แล้ว Ed Wood ก็เป็นอีกผลงานที่แม้ไม่ได้เงินแต่ได้รับเสียงตอบรับอันดีจากนักวิจารณ์ถึงบทบาทการแสดงของเด็ปป์ ว่าเขามักจะไปได้ดีกับบทบาทของคนผิดปกติ และส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลดารานำชายบนเวทีลูกโลกทองคำ

Play video