กำลังจะเข้าฉายแล้วกับ The Dark Tower หนังแอ็คชันแฟนตาซีเรื่องล่าสุดจากนิยายผลงานปลายปากกาของ สตีเฟน คิง นักเขียนที่ยังมีชีวิตอยู่และผลงานถูกเอาไปทำหนังมากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของคิงคงไม่ต้องไปพูดให้มากความ แต่กับหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายนั้นล่ะ ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาที่ทั้งเปรี้ยงแบบซูเปอร์เปรี้ยง และบางเรื่องก็แป้กแบบหาจุดเกิดไม่เจอเลยทีเดียว พอมาเรื่องล่าสุดนี้ที่คิงใส่ความเป็นแฟนตาซีขั้นสุดลงไปจนทำให้ได้ชื่อว่าเป็นงานเขียนที่ยากจะเอามาทำเป็นหนังมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ถึงขนาดว่าที่ผ่านมาผู้กำกับมากความสามารถอย่าง เจเจ อับรามส์ และ รอน โฮเวิร์ด ต่างก็ยอมแพ้ถอยทัพไปมาแล้ว ทั้งยังข่าวลือถึงการถ่ายซ่อมหลังจากฉายรอบทดสอบที่ทำให้น่าหวั่นใจอีกล่ะ แต่กระนั้น WTF ก็อยากบอกว่ามันมีเหตุผลที่หนักแน่นพอให้คุณต้องเปย์ให้หนังเรื่องนี้อยู่นะ ถ้าไม่อยากมองข้ามหนังดี ๆ อีกเรื่องก็ไปดูกันเลย
1. King’s Universe
ในยุคค่ายหนังสร้างจักรวาลเชื่อมโยงหนังตัวเองมากมายหลายเรื่อง ทั้ง Marvel Cinematic Universe ทั้ง DC Universe หรืออย่างล่าสุดกับจักรวาลหนังปีศาจอย่าง Dark Universe ก็ตาม ไม่แปลกที่ผลงานของคิงที่โด่งดังและขายดีสุด ๆ ตั้งแต่ปี 1974 มากกว่า 54 ชิ้น และเรื่องสั้นอีกกว่า 200 เรื่อง ย่อมมีศักยภาพเพียงพอให้สร้างจักรวาลเชื่อมโยงกันได้ และนี่ไม่ได้มาจากเพราะกระแสนิยมในยุคนี้แต่อย่างใด หากแต่คิงเริ่มเขียน The Gunslinger หรือภาคต้นของนิยายชุด The Dark Tower ให้เป็นงานที่อิงกับงานชิ้นอื่น ๆ ของเขามาตั้งแต่ปี 1977 โดยกว่าเรื่องนี้จะจบก็กินเวลากว่า 40 ปี และเสร็จสมบูรณ์ในจำนวนหนังสือถึง 8 เล่มทีเดียว ดังนั้นใครเป็นแฟนนิยายของคิง นี่คือผลงานที่ทุกคนรอคอยให้ไปเฝ้าตามเก็บอีสเตอร์เอ้กต่าง ๆ มากมายในหนังเลยล่ะ
2. คาดเดาไม่ได้
แม้คุณจะเป็นแฟนหนังสือของคิง และแน่นอนคุณอ่านนิยายเรื่องนี้จนพรุนแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่กระนั้นคุณก็ไม่อาจคาดเดาสิ่งที่จะได้ดูในหนังได้หรอก เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวในแบบที่คุณไม่เคยได้อ่านไงล่ะ เอาง่าย ๆ เลยคือหลุดมาว่า หนังจะเล่าเรื่องราวการกลับมาทำภารกิจของตัวเอกอีกครั้งหลังจากเรื่องราวในนิยายได้จบลง!! โดยมาจากกระแสการปรากฏชื่อของทิราน่าตัวละครที่โผล่มาในเล่มสุดท้ายของนิยายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของหนังเสียอย่างนั้นล่ะ แต่ก็นั่นล่ะตราบที่เรายังไม่ได้ดูหนัง เราก็คาดเดาอะไรไม่ได้เลยอยู่ดีล่ะนะว่าจะจริงตามข่าวลือหรือเปล่า
3. หนังได้รับการกล่าวขวัญถึงทีมดาราแน่นปั้ก
หนึ่งในคำชมอย่างมากต่อตัวหนังที่ออกมาแล้ว ก็คือ การแสดงและตัวละครอันน่าตรึงใจทั้ง ไอดริส เอลบา ในบทสิงห์ปืนไว ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อดาราระดับแถวหน้าเข้าชื่อพิจารณารับบทมาก่อน ตั้งแต่ แดนเนี่ยล เครก, คริสเตียน เบล และฌาเวียร์ บาร์เด็ม ซึ่งสุดท้ายเอลบาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ธรรมดาที่ได้รับบทไป กับฝั่งตัวร้ายอย่างชายในชุดดำที่ได้ แมทธิว แมคคอนาเฮย์ มาแสดงนำ บทนี้ก็เคยเกือบเป็นของ ทอม ฮาร์ดี้ มาก่อนเช่นกัน ดูชื่อดาราเราก็บอกได้ล่ะว่านี่มันโปรเจ็กต์ยักษ์ชัด ๆ
4. แฟนตาซีสุดล้ำ
คิง เล่าว่านี่คืองานที่ได้รับอิทธิพลมาจาก The Lord of The Ring มาแบบเยอะมาก เรื่องราวการผจญภัยในมิดเวิลด์โลกที่อยู่ตรงกลางระหว่างความดีความเลว มากมายด้วยจอมคนและเหล่าปีศาจในจินตนาการ โดยมีหอคอยทมิฬตั้งกั้นขวางไว้กับโลกของเรา ชวนให้นึกถึง หอคคอยคู่กู้พิภพ และดินแดนมิดเดิ้ลเอิร์ธมิใช่น้อยเลย และคงไม่เกินไปที่จะบอกว่านี่เป็นนิยายขนาดยาวที่แฟนตาซีที่สุดของสตีเฟน คิงด้วยเช่นกัน แค่ตัวหอคอยก็ถูกบรรยายไว้ว่าสูงถึง 182 เมตร ถูกยึดไว้ด้วยลำแสง 12 เส้นที่พุ่งไปยังขอบดินแดน และได้รับการปกปักรักษาในแต่ละมุมโดยสัตว์ยักษ์ทั้ง 12 ตัวด้วย น่าสนใจมั้ยล่ะ
5. แอ็คชันสุดเข้ม
นอกจากแฟนตาซีแล้ว อีกหนึ่งอิทธิพลที่คิงใช้ในนิยายเรื่องนี้คือหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ ที่เน้นความดิบโหดในยุค 1960 อย่าง The Good, The Bad, and the Ugly ที่แจ้งเกิดให้กับ คลิ้นท์ อีสต์วู้ด ด้วย โดยในเทรลเลอร์แรกเราจะได้ยินเสียงระฆังซึ่งเป็นเสียงเดียวกับที่ใช้ในหนังแนวนี้เรื่อง For a Few Dollars More ที่อีสต์วู้ดเคยเล่นด้วยอีกต่างหาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวละครเอกจึงเป็น สิงห์ปืนไว ที่เก่งโม้โคตร ๆ อันจะได้เห็นในตัวอย่างจากการยิงแบบไม่ต้องมองเป้าไปแล้วนั่นเอง เชื่อว่าในหนังต้องมีฉากโชว์อีกเพียบแน่ ๆ เพราะงานนี้ไม่ได้ไขว้กันแค่กลุ่มมนุษย์แต่ยังต้องฟัดกับจอมปีศาจอีกต่างหาก
6. สาวสวย
แม้ตัวอย่างหนังจะมากมายล้วนบุรุษ ดูช่างแห้งแล้งสิ้นดี แต่ในรายชื่อนักแสดงก็มีสาว ๆ ที่น่าจับตามองหลายคนเลย ทั้ง แคทเธอรีน วินนิค ในบทแม่ของเจคเด็กชายตัวนำเรื่อง, คลอเดีย คิม ในบทอาร่าสาวนักเวทย์, ลาร่า เอไดน์ ไลป์สชิตส์ ในบทนางพยาบาล และที่ดีงามสามโลกสุดก็คือมี แอ็บบี้ ลี หรือสาวผมทองใน Mad Max: Fury Road มารับบททิราน่าตัวนำหญิงปริศนาด้วย ถึงที่ว่ามาจะโผล่มาเป็นตัวหลักบ้างตัวประกอบบ้างแต่ก็เด็ด ๆ ทั้งนั้นเลยครับน่าจับตามอง
7. เพราะหลังจากนี้เราจะได้ดูหนังจากนิยายของ สตีเฟน คิง อีกเพียบ
เรียกว่าเบิกฤกษ์ ตีฆ้องก่อนที่เราจะได้ดูฉบับรีเมกหนังดังของคิงอีกมากมายทั้ง It ที่ปล่อยตัวอย่างมาแล้วและดูน่ากลัวโคตร ๆ เลย นอกจากนี้ยังจะมี Gerald’s Game ของผู้กำกับหนังผี Oculus อย่าง ไมค์ ฟลานากาน และโปรเจ็กต์ของผู้กำกับดาวรุ่งอย่าง จอช โบน ที่เคยทำ The Fault in Our Stars และได้รับการวางตัวให้ทำ X-Men: The New Mutants ก็ประกาศทำ 2 หนังคลาสสิกของคิงอย่าง The Stand และ Lisey’s Story ด้วยเช่นกัน นี่ยังไม่นับโปรเจ็กต์เล็ก ๆ ที่อิงชื่อคิงอีกเพียบด้วยนะ เอาเป็นว่าแฟน ๆ ดู The Dark Tower แล้วเตรียมฟินยาว ๆ อย่างน้อยก็อีก 2-3 ปีได้เลย