ไม่ผิดหวังครับ จากที่ได้เห็นความน่ากลัวจากตัวอย่างแล้ว น่าดูกว่าภาคแรกมาก บวกกับได้เดวิด เอฟ.แซนด์เบิร์ก ผู้กำกับสยองขวัญหน้าใหม่ไฟแรงจาก Light Out มารับหน้าที่ แล้วทำให้ตัวหนังน่าสนใจขึ้นมาก พลอตหนังมาตามแนวนิยมของหนังภาคต่อยุคนี้ ที่มักจะย้อนไปเล่าเรื่องราวก่อนหน้าหรือ prequel ภาคนี้ก็ย้อนไปในยุค 60s เล่าเรื่องครอบครัวผัวเมียนักทำตุ๊กตา ที่เกิดเหตุสลดใจ เมื่อแอนนาเบลล์ลูกสาวคนเดียววัย 7 ขวบ เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ทั้งพ่อและแม่ทำใจไม่ได้ อยู่ในสภาวะซึมเศร้าเก็บตัวอยู่ 12 ปี สุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดบ้านตัวเองรับเด็กหญิงกำพร้า 6 คนและซิสเตอร์ให้มาพักที่บ้านของพวกเขา แล้วทั้งซิสเตอร์และเด็กหญิงก็เริ่มเจอเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกในบ้านหลังนั้น
พลอตหนังมาแบบที่เปิดโอกาสให้เล่นสนุกตามสูตรหนังสยองขวัญได้มาก มีเด็กสาวเป็นเหยื่อถึง 6 คนให้ผีแอนนาเบลล์ได้หลอกสนุกมือแน่ และบ้านโบราณหลังมโหฬารที่เต็มไปด้วยห้องลึกลับมากมาย ห้องใต้บันได โรงนาเก่า บ่อน้ำเก่า ลิฟต์เก่า โอ้โห! มาครบ แถมยังมีปริศนาเอสเธอร์แม่ของแอนนาเบลล์ที่ทำตัวลึกลับนอนอยู่บนเตียงไม่ลุกออกไปไหนมีแต่เสียงกระดิ่งสั่นเมื่อยามที่เธอต้องการความช่วยเหลือ มีแต่ซามูเอลผู้เป็นพ่อที่ออกมาต้อนรับและบอกว่าเธอป่วยมานานแล้วและกันไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ห้องของเธอ
เมื่อหนังเขียนให้เกิดเหตุการณ์ในบ้านสยองแบบนี้ ตัวบ้านก็เลยมีบทบาทอย่างมาก หนังภาคนี้ก็เลยเปรียบได้ว่าเป็นหนังบ้านผีสิง บวกกับตุ๊กตาผี กลายเป็นการรวมสองความสยองเลย ที่ชอบอีกอย่างคือการสร้างสรรค์ตัวละครเจนิซ ขึ้นมา ถือว่าเป็นจุดสำเร็จของเรื่องมาก ด้วยการเขียนให้เจนิซ เป็นเด็กโปลิโอขาพิการ คือร่างกายปกติต้องมาอยู่ในบ้านผีก็น่าสงสารพอแล้ว นี่ให้ขาพิการอีก เราก็เลยได้ลุ้นกันตีนจิกกับฉากเด็กโปลิโอวิ่งโขยกเขยกหนีผี
ส่วนตัวชอบดูหนังผีอยู่แล้ว และ Annabelle : Creation ก็มาแบบใช้สูตรสำเร็จ แต่ก็เป็นการเดินตามสูตรสำเร็จที่ทำได้คะแนนดี ตอบสนองคอหนังผีได้เต็มอิ่ม เดินเรื่องเร็ว คุยกันน้อย ผีออกเยอะ ตลอดเรื่องเต็มไปด้วยฉากเงียบ ๆ เคลื่อนกล้องช้า ๆ ดูกันแบบปิดตาลุ้นว่าจะตุ้งแช่หรือไม่ บางฉากก็ตุ้งแช่แบบได้ผลมาก สะดุ้งขาลอยเลย บางฉากก็หลอกให้ลุ้นเก้อเล่น ๆ แต่ฉากเงียบ ๆ ชวนลุ้นมาถี่มาก เว้นให้พักไม่ถึง 5 นาที มาอีกแล้ว เรียกว่ากว่าจะจบเรื่องนี่ลุ้นเหนื่อยละครับ ยิ่งเข้าครึ่งชั่วโมงท้ายนี่อาละวาดรุนแรงมาก จากที่หลอกเล่น ๆ เริ่มดุเดือด มีเลือดให้เห็นและเริ่มเอาชีวิตเหยื่อ แต่ในความตึงเครียดก็ยังพอมีเสียงหัวเราะเจือระหว่างทางอยู่บ้างนะ กับความไร้เดียงสาของบรรดาเด็ก ๆ
หนังได้ดารารุ่นเก่ามาร่วมงานทั้งแอนโธนี ลาพาลเจีย และ มิแรนดา ออตโต มารับบทพ่อและแม่ของแอนนาเบลล์ และ ลูลู่ วิลสัน ดาราเด็กผีจาก Ouija : Origin Of Evil ในเรื่องนี้เธอก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดิม หลาย ๆ ฉากนี่เป็นของเธอคนเดียวเลย ส่วนบทหนังเป็นฝีมือของ แกรี่ เดาเบอร์แมน คนเดิมจากภาคแรก ดูภาคนี้มือขึ้นมาก เปิดเรื่องแบบหยอดปริศนาให้ชวนติดตาม แล้วก็ตามเฉลยได้ครบถ้วน ฉากผีหลอกทำได้หลากหลายและไม่ซ้ำซากกับเรื่องอื่น ๆ ติดใจนิดเดียวว่าเด็กในเรื่องนี้กล้าเกินไป๊ เป็นโรคไร้ความกลัวหรือไงเห็นห้องมืด ๆ ก็ชอบเข้าไปกันจัง แต่นี่มันหนังผีนี่เนอะ ถ้าเด็กกลัวกันหนังก็หมดสนุก
ความน่ากลัวที่เพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ คือไปเน้นหนักที่ผีแอนนาเบลที่เป็นผีเด็กเสียมากกว่าตุ๊กตา และสามารถเข้าสิงนู่นนี่นั่นได้ ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ตัวตุ๊กตา ดีกรีความสยองก็เลยมากขึ้น และเป็นผีแอนนาเบลเวอร์ชั่นใจร้ายมาก ชอบรังแกเด็กเสียจริง โดยรวมแล้วดีกรีความขนหัวลุกนี่ยกให้ใกล้เคียงกับ The Conjuring 1 เลยครับ แม้ไม่มีฉากคลาสสิกเท่า แต่ถ้าวัดจำนวนฉากลุ้นนี่ถี่กว่ามาก และที่สำคัญมันเป็นหนังที่ต้องดูในโรงเท่านั้น ถ้าดูจอเล็กที่บ้าน อรรถรสความสยองจะหายไปเกินครึ่งแน่นอน
หนังจบแบบสานเชื่อมต่อกับภาคแรกได้ลงตัวสวยงาม แถมมีฉากหลังเอนด์เครดิตอีก 2 รอบ ผู้เขียนพลาดนะครับ ไม่รู้ว่ามีเลยไม่ได้อยู่ดู ใครได้ไปดูก็อย่าพลาดแล้วกันนะครับ
ฝากเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้นะครับ ตุ๊กตาที่เจนิซได้รับตอนท้ายเรื่องนั้น ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ตัวจริงหน้าตาแบบนั้นนะครับ แต่ถ้าผู้สร้างยึดตามของจริงมันจะไม่น่ากลัว เลยต้องออกแบบใหม่อย่างที่เห็นในเรื่องนี่แหละ