สตีเฟน เอ็ดวิน คิง นักเขียนชาวอเมริกัน วัย 69 ปี เชื่อว่าน้อยคนแล้วล่ะ ที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผลงานมากว่า 4 ทศวรรษ โดยเฉพาะผลงานในแนวสยองขวัญ สตีเฟน คิงเป็นนักประพันธ์ที่มีนิยายถูกดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์มากที่สุดในโลก ผลงานนิยายของเขาทั้งเรื่องยาว และรวมเรื่องสั้นในนามปากกาตัวเองและนามแฝง ตั้งแต่เรื่องแรก 2517 นับรวมแล้ว 71 เรื่อง ถูกสร้างเป็นหนังและซีรีส์ถึง 69 เรื่อง บางเรื่องก็ถูกสร้างภาคต่อที่คนอื่นเขียนแต่คิงก็ได้เครดิตในฐานะเจ้าของต้นเรื่อง แม้ผลงานเด่น ๆ ของคิงจะเป็นแนวสยองขวัญเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่หนังจากนิยายหลาย ๆ เรื่องของคิงที่กลายเป็นหนังอมตะก็ไม่ได้เป็นหนังสยองขวัญแต่อย่างใด เรามาดูกันว่าถ้าคัดหนังเด่น ๆ ของสตีเฟน คิง ออกมาสัก 10 เรื่อง จะมีเรื่องใดบ้าง เผื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านที่สนใจของคิง ได้ไปลองตามหามาชมกัน
Carrie (1976)
ผลงานต้นฉบับที่คุณภาพเหนือชั้นกว่าเวอร์ชั่นรีเมคปี 2013 อยู่มาก ด้วยการแสดงอย่างน่าทึ่งของ 2 ดารานำ ซิซซี่ สปาเช็ค ในบท แครี่ สาวเจ้าของชื่อเรื่อง เด็กมัธยมผู้มีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ และ ไพเพอร์ ลอรี่ แม่ของเธอผู้มีอาการทางจิต และฝีมือการแสดงของทั้งคู่ก็ส่งให้เจ้าตัวได้เข้าชิงออสการ์กันทั้ง2คน Carrie สร้างจากนิยายเรื่องแรกของสตีเฟน คิง หลังจากหนังสือถูกตีพิมพ์ได้เพียงแค่ 2 ปี ด้วยความสยดสยองเลือดท่วมของหนังในฉากจบฝีมือของผู้กำกับไบรอัน เดอ พัลมา ส่งให้หนังขึ้นแท่นคลาสสิก และส่งผลให้กับชื่อเสียงของสตีเฟน คิง ในฐานะเจ้าของบทประพันธ์
ฉากสยองจาก Carrie
Salem’s Lot (1979)
ทีวีซีรีส์ที่กำกับโดย โทบี ฮูเปอร์ ซึ่งโด่งดังมาจากหนัง The Texas Chain Saw Massacre (1974) และได้ เดวิด โซล จาก Starsky & Hutch มารับบทนำ เป็นนักเขียนที่มาเจอเมืองเล็ก ๆ เงียบสงบในรัฐเมน และกลายเป็นว่าเมืองนี้กลายเป็นที่กบดานของเหล่าแวมไพร์ หนังสร้างบรรยากาศชวนขนลุกได้ดี และเป็นต้นแบบให้กับหนังแวมไพร์รุ่นหลังอีกมาก ตัวซีรีส์ได้เข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ ดนตรีประกอบ และ แต่งหน้า หนังมีเวอร์ชั่นตัดต่อใหม่ความยาว 2 ชั่วโมง ซึ่งไม่แนะนำให้ดูเวอร์ชั่นนี้นะครับ
ฉากที่ดีที่สุดจาก Salem’s Lot
The Shining (1980)
อีก 1 หนังสยองขวัญคลาสสิกตลอดกาลที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟน คิง ผลงานของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่สแตนลีย์ คูบริค แม้หนังจะขึ้นทำเนียบหนังคลาสสิกแต่สตีเฟน คิง กลับไม่พอใจกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เพราะสแตนลีย์ ตีความตัวละคร แจ๊ค ทอร์แรนซ์ บทของแจ๊ค นิโคลสัน ออกมาใหม่อย่างบ้าคลั่งไม่เหลือเค้าความเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่างที่ฉบับนิยายได้บรรยายไว้ ส่วนตัวหนังกลับได้รับการกล่าวขวัญถึงการสร้างบรรยากาศบ้านผีสิงที่ทำได้น่าขนลุกที่สุดเท่าที่เคยดูหนังผีบนจอภาพยนตร์กันมา สตีเฟน คิง เพิ่งเขียน “Doctor Sleep”ภาคต่อของ The Shing ออกมาเมื่อปี 2013 นี้เอง
ฉากคลาสสิกจาก The Shining
Creepshow (1982)
หนังสยองขวัญที่รวม5เรื่องย่อยไว้ในเวลา 2 ชั่วโมง ทั้ง 5 เรื่องเขียนโดยสตีเฟน คิง โดย 2 เรื่องหยิบมาจากเรื่องสั้นของเขาเอง และตัวคิงเองก็มาร่วมเล่นในเรื่อง “The Lonesome Death of Jordy Verrill” เป็นหนุ่มบ้านนอกที่โชคร้ายโดนสาหร่ายเขียวจากต่างดาวมาขึ้นตามตัว เป็นหนังที่สร้างมาเพื่อยกย่องการ์ตูนสยองขวัญในยุค 50s แม้หนังจะดูเป็นงานโปรดัคชั่นราคาถูก แต่ก็น่าแปลกใจที่หนังได้รับความนิยมจนต้องสร้างภาคต่อออกมาอีก 7 ภาค
ครั้งเดียวที่สตีเฟน คิง รับบทนำในหนัง
The Dead Zone (1983)
หนึ่งในนิยายของสตีเฟน คิง ที่มีพลอตน่าสนใจที่สุด และเป็นงานกำกับที่ดีชิ้นหนึ่งของเดวิด โครเนนเบิร์ก ครูในเมืองเล็ก ๆ ฟื้นจากโคม่าหลังจากหมดสติไป 5 ปี เขาพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษ เมื่อได้สัมผัสใครแล้วจะสามารถอ่านใจและมองเห็นอนาคตของคนนั้นได้ และด้วยความบังเอิญทำให้เขามองเห็นอนาคตที่น่ากลัว และไม่มีใครเชื่อ จนเขาต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้เรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นด้วยตัวเอง คริสโตเฟอร์ วอล์คเคน ฝากการแสดงที่น่ายอดเยี่ยมและทำหน้าที่จุดศูนย์กลางของเรื่องอย่างได้สมบูรณ์ และกวาดรางวัลไปจากหลายสถาบัน
ฉากที่แรกที่พระเอกรับรู้ว่าตัวเองมีพลังพิเศษ
Stand By Me (1986)
แม้จะอยู่ในฐานะเจ้าพ่อของนิยายสยองขวัญ แต่นิยายและหนังที่ถูกยกย่องหลายเรื่องก็กลับไม่ใช่หนังสยองขวัญ อย่างเช่นเรื่องนี้ Stand By Me ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของคิงในปี 1982 เรื่องราวย้อนไปในยุค 50s เด็กในช่วงเข้าวัยรุ่น 4 คน ที่ออกตามหาศพของเพื่อนร่วมแก๊งในป่าหลังหมู่บ้าน หนังถ่ายทอดความสัมพันธ์ของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนออกมาได้ดี และได้ดาราเด็กที่กลายมาเป็นดาราดังในยุคต่อมา รีเวอร์ ฟินิกซ์ , คอรีย์ เฟลด์แมน , เจอรี โอคอนเนลล์ และ คีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ ได้เข้าชิงออสการ์บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
ฉากที่หลาย ๆ คนชอบจากเรื่องนี้
Misery (1990)
ก่อนที่จะมี Misery แคธี่ เบตส์ เป็นที่รู้จักเฉพาะแฟน ๆ ละครบรอดเวย์ เพราะเธอเป็นนักแสดงละครเวที แต่หลังจากการเข้าฉายของ Misery เธอก็เป็นที่รู้จักในนาม แอนนี่ วิลค์ สาวโรคจิตที่หมกตัวอยู่ในบ้านไปวัน ๆ จนกระทั่งนักเขียนคนโปรดของเธอที่รับบทโดย เจมส์ คานน์ มาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำอยู่หน้าบ้านเธอ แอนนี่ เลยจับเขาขังไว้ในบ้านและทุบข้อเท้าเขาด้วยค้อนปอนด์เพื่อไม่ให้หนีไปจากบ้านเธอ ด้วยการถ่ายทอดความเป็นโรคจิตออกมาได้อย่างน่ากลัว ทำให้แคธี่ เบตส์ คว้าออสการ์นำหญิงไปได้แม้จะเป็นการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ
ฉากที่ดีที่สุดจากหนัง
The Shawshank Redemption (1994)
หนังคลาสสิกในดวงใจของหลาย ๆ คน และเป็นอีกเรื่องที่ตอกย้ำว่างานดี ๆ ของเขาไม่ได้มีแต่นิยายสยองขวัญเท่านั้น หนังไม่ได้ประสบความสำเร็จเมื่อตอนออกฉาย แต่กลับได้เสียงตอบรับดีมากตอนออกเป็นวีดีโอ และด้วยกระแสชื่นชมปากต่อปาก ส่งให้ The Shawshank Redemption เข้าไปอยู่ในรายชื่อหนังยอดเยี่ยมตลอดกาล และส่วนหนึ่งที่ส่งให้หนังประสบความสำเร็จก็คือการแสดงเข้าขากันอย่างดีของ ทิม รอบบินส์ และ มอร์แกน ฟรีแมน และเป็นหนังที่สร้างชื่อให้กับ แฟรงค์ ดาราบอนต์ ที่เขารับหน้าที่กำกับและดัดแปลงเรื่องสั้นของคิง มาเป็นบทภาพยนตร์เอง
ฉากประทับใจจาก The Shawshank Redemption
Apt Pupil (1998)
อีกบันไดขั้นสำคัญที่ส่งให้ ไบรอัน ซิงเกอร์ ก้าวเป็นผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวู้ด หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับ The Usual Suspect เมื่อ 3 ปีก่อนหน้าเรื่องนี้ ไบรอัน เลือก Apt Pupil 1 ใน 4 จากหนังสือรวมเรื่องสั้น Different Season ของสตีเฟน คิง ที่ออกมาเมื่อปี 1982 เป็น 2 เรื่องในนี้ถูกสร้างเป็นหนังขึ้นหิ้งมาแล้วทั้ง Stand By Me และ The Shawshank Redemption แต่กับ Apt Pupil โทนของเรื่องออกจะแตกต่างกว่า 2 เรื่องแรกอยู่มาก หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กนักเรียนกับเพื่อนบ้านที่เป็นอดีตนาซีและเป็นอาชญากรสงครามที่หลบหนีมา หนังทำได้ดีในแง่พัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่มาบิดพลิกในช่วงท้าย เป็นอีกผลงานหนึ่งที่น่าจดจำของเซอร์เอียน แมคเคลเลน ก่อนที่ทั้งเอียน จะตามไปร่วมงานกับผู้กำกับไบรอัน ใน X-Men
ฉากที่หลายคนชอบจาก Apt.Pupil
The Green Mile (1999)
หลังจากแฟรงค์ ดาราบอนต์ ประสบความสำเร็จกับ The Shawshank Redemption เขาจึงเลือกนิยายเกี่ยวกับคุกของสตีเฟน คิง อีกเรื่องมาทำและยังคงเขียนบทและกำกับเองเช่นเคย รอบนี้ได้ทอม แฮงค์ มารับบทนำเป็นผู้คุมที่ได้ใกล้ชิดกับนักโทษประหารผิวดำที่มีพลังจิต จุดที่น่าประทับใจมากคือการแสดงของไมเคิล คลาร์ค ดันแคน ดาราผิวดำร่างยักษ์ที่สูงถึง 192 ซม. การถ่ายทอดบทได้อย่างเข้าถึงทำให้เรียกน้ำตาของคนดูไปได้มาก กลายเป็นหนังที่สะเทือนใจและประทับใจผู้ชมอย่างมาก และตัวไมเคิล คลาร์ค ดันแคน ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2012 ฝากผลงานเรื่องนี้ไว้เป็นที่จดจำ ตัวหนังเข้าชิงออสการ์ถึง 4 รางวัล รวมถึงการแสดงของไมเคิล คลาร์ค ดันแคน ด้วย
ฉากที่ดีที่สุดจากหนัง