เป็นหนังไซไฟที่มากับพลอตล้ำและน่าสนใจมาก โลกอนาคตในอีก 50 ปีข้างหน้า ประชากรล้นโลก จนทางการต้องออกมาตการเข้มงวดให้ทุกครอบครัวมีลูกได้คนเดียวเท่านั้น ลูกคนที่ 2 ที่ 3 ทางการจะนำไปเข้าเครื่องนอนหลับแช่แข็ง จนกว่าสภาวะโลกจะดีขึ้น ตัวเอกของเรื่องคือพี่น้องแฝด 7 แม่ตายตอนคลอด ตาจึงรับหน้าที่เลี้ยงหลานสาวทั้ง 7 ตั้งชื่อเรียงตามวัน มันเดย์ ทิวส์เดย์ ไปเรื่อย ทุกคนออกไปเรียนหนังสือตามวันที่เป็นชื่อของตัวเอง และกลับมารายงานความเป็นไปให้พี่น้องฟัง ทุกคนมีตัวตนที่เป็นทางการต่อโลกภายนอกว่าแคเรน เซตต์แมน ทั้ง 7 ดำเนินชีวิตอย่างนี้จนวัย 30 ปี และเข้าสู่วัยทำงาน ทุกอย่างดูราบรื่นจนกระทั่งวันหนึ่ง มันเดย์ ไม่กลับบ้าน พี่น้องอีก 6 คนติดต่อไม่ได้ ทางแรกที่จะสืบหาร่องรอยของมันเดย์คือ ทิวส์เดย์สวมร่างแคเรน เซตต์แมน ออกไปตามหาเธอ
จากที่ดูตัวอย่างและอ่านเรื่องย่อ ก็ชื่นชมกับไอเดียของคนคิดเรื่องนะ และคิดว่านี่คือหนังไซไฟธริลเลอร์สักเรื่อง แต่สิ่งที่เกินคาดคิดและไม่ได้ปรากฏให้เห็นในตัวอย่างหนังนั่นก็คือ ความโหดของหนัง จึงทำให้ผงะเล็กน้อยกับการได้เห็นเลือดในหนัง และไปถึงขั้นมีการตายตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง หนังไม่ได้มีปริศนาแค่การหายไปของมันเดย์ ที่ใช้เป็นจุดขายของเรื่อง แต่ยังมีปริศนาสอดแทรกมาระหว่างทางอีกมาก ส่งให้หนังเดินหน้าไปด้วยความเข้มข้นใคร่รู้ทุก ๆ นาที ตลอดเวลาที่ดูก็ชื่นชมกับหลาย ๆ อย่างของตัวหนัง
- การดำเนินเรื่องแบบ 7 วันตามชื่อตัวละคร หนังเริ่มเรื่องในวันจันทร์กับการหายไปของ Monday แล้วก็ต่อด้วยเรื่องราวในวันรุ่งขึ้น ทิวส์เดย์ ออกไปตามหา ก็เป็นเรื่องราวตามติดชีวิตของทิวส์เดย์ วันต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเวนสเดย์ที่ต้องทำหน้าที่แทนคนดูที่การก้าวเท้าออกไปสู่โลกภายนอก แต่วันนี้ตื่นเต้นกว่าที่ผ่านมา เพราะเธอไม่รู้ว่าที่มันเดย์หายไป จะส่งผลถึงการเปิดเผยตัวตนของพี่น้องที่เหลืออีก 6 คนหรือไม่ ก็ลุ้นชะตากรรมตัวเองไป และยังต้องสืบหาชะตากรรมของพี่สาวอีกด้วย
- การสร้างสรรค์ตัวตนของทั้ง 7 ให้มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้คนดูแยกแยะตัวตนของทั้ง 7 คนได้ และที่สำคัญและสมควรยกย่องอย่างมากคือฝีมือการแสดงของนูมิ ราเพซ ที่ต้องทำตามบทที่บรรยายลักษะนิสัยที่แตกต่างกันของพี่น้องทั้ง 7 นี่ให้ได้ ซึ่งเธอก็ทำได้เห็นชัดมาก คนหนึ่งแข็งกร้าว คนหนึ่งพูดน้อย อีกคนเป็นเด็กเนิร์ด
- ซีจีที่โคตรเนียน ฉากแรกที่เปิดตัวพี่น้องเจ็ดคนร่วมโต๊ะอาหารนี่บรรเจิดมาก นูมิ ราเพซ เจ็ดคนปรากฏตัวบนจอพร้อมกันแล้วโต้เถียงกันไปมา ตลอดเรื่องเราได้เห็นนูมิ กับนูมิ 2 คน 3 คนอยู่ด้วยกันตลอด กอดคอกันบ้าง สู้กันบ้าง ยอดเยี่ยมสุดคือฉากระเบิดอารมณ์ใส่กัน นึกถึงตอนแสดงนะ ต้องยากน่าดูตะโกนใส่อีกคน อีกแพร้บต้องมาเล่นเป็นอีกคนที่โดนตะโกนใส่ เรื่องนี้นูมิโชว์ทั้งความสามารถทางการแสดงและโชว์เนื้อหนังทั้งตัวนะครับ เธอเป็นดาราที่ไม่หวงตัวมาตั้งแต่ The Girl With The Dragon Tattoo แล้ว
- การสอดแทรกเทคโนโลยีอนาคตเข้ามาเป็นตัวเสริมสีสันให้กับหนัง แต่มาในปริมาณที่ไม่ล้ำเกินไปนัก บทหนังเขียนให้ ฟรายเดย์ มีความสามารถทางด้านอุปกรณ์ไฮเทค เธอจึงมักจะนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์และพูดคุยสื่อสารกับพี่น้องที่อยุ่ในโลกภายนอก และใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ และด้วยเวลาในหนังเป็นเวลาในโลกอนาคตที่ไม่ไกลนัก อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งทางฝ่ายพี่น้อง และฝ่ายตรงข้ามจึงไม่ได้เวอร์วังนัก อยู่ในขอบเขตที่เป็นไปได้ แต่ก็มีผลทำให้เส้นเรื่องสนุกขึ้น
- ฉากแอ็คชั่นทีหนักหน่วงรุนแรง ออกแบบฉากต่อสู้ได้ดี ดูสนุกมันส์ เพราะเป็นการต่อสู้ของผู้หญิงบ้าน ๆ ที่ไม่ได้มีศิลปะการป้องกันตัว ก็ต้องสู้แบบมวยวัด หยิบสิ่งของใกล้ตัวมาจัดการคู่ต่อสู้ และเมื่อไม่ได้มีพื้นฐานที่เก่งกาจ ทำให้ฝ่ายพี่น้องตกเป็นรองอยู่เสมอ ยิ่งทำให้คนดูยิ่งลุ้นเอาใจช่วยหนักขึ้น และบางฉากก็ลงเอยแบบใจร้าย ดูแล้วก็อึ้ง…………หนัก
ส่วนที่ขัดใจก็มีบ้างครับ ในการเปิดเผยปริศนาหลักที่เป็นชื่อเรื่อง ถึงความเป็นไปของ มันเดย์ แต่ไม่มีการปูความหรือบิลต์อารมณ์ก่อนเฉลยเลย กลับเล่าออกมาแบบฉากธรรมดาทั่วไป ทั้ง ๆ ที่เป็นฉากสำคัญที่ส่งผลไปถึงองก์สุดท้ายของหนังที่เข้มข้นหนักหน่วงมากขึ้น
และอีกจุดหนึ่ง ด้วยเหตุที่ฝั่งนางเอกมีถึงเจ็ดคน หนังจึงหมดเวลาไปกับการให้คนดูรู้จักตัวตนทั้ง 7 วัน ก็เลยไม่เผื่อเวลาให้กับบทของนิโคเล็ตต์ เคย์แมน ฝ่ายร้ายของเรื่องที่รับบทโดย เกล็น โคลส ยอดฝีมือรุ่นเก๋าที่เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้ว 6 ครั้ง บทเคย์แมน ถูกเขียนมาให้ร้ายแบบไม่มีที่ไปที่มา โผล่มาก็ร้ายเลย แต่ด้วยสถานะที่เธอเป็นผู้นำองค์กรควบคุมจำนวนบุตร ทำให้มองได้ว่าเจตนาของเคย์แมนมันก็ไม่ได้ผิดได้เลวนัก หนังเลยต้องเพิ่มความผิดบาปให้เธอซ้ำไปอีกในช่วงไคลแมกซ์ คือต้องให้เลวให้ได้ จริง ๆ บทนี้ให้ใครเล่นก็ได้นะ เป็นการใช้งาน เกล็น โคลส ที่ไม่คุ้มค่าเลย แต่ถ้าจะให้เกล็นหยิ่ง ก็จะไม่มีงานแสดงอีก
ก็มีข้อด้อยเล็กน้อย แต่ถ้าชั่งน้ำหนักโดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ชอบนะครับ ถูกจริตมาก ชื่นชมทอมมี่ เวอร์โคล่า ที่พลิกแนวจากสยองขวัญแฟนตาซีอย่าง Hensel & Gretel แล้วเอาความโหดจาก Dead Snow งานแจ้งเกิดมาผสมกับไซไฟมาใส่ในเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว และต้องจำชื่อ แมกซ์ บอตคิน , เคอร์รี่ วิลเลียมสัน ที่สามารถขยายหนังพลอตล้ำแบบนี้ออกมาเป็นบทที่สนุกน่าติดตามได้อย่างไม่เสียของ เพราะหนังหลาย ๆ เรื่องที่พลอตดีแต่พอขยายออกมาเป็นบทแล้วน่าเสียดายมาก นอกจากแอ็คชั่นที่เป็นฉากหน้า หนังก็ยังสอดแทรกดราม่าความรักความผูกพันของพี่น้องออกมาได้ดี ซึ่งถ้าพี่สาวน้องสาวดูด้วยกันน่าจะอินเป็นพิเศษนะ สุดท้ายหนังก็ยังฝากข้อคิดไว้ถึงสภาวะโลกถึงกำลังเสื่อมสลายลงไปทุกวันจากฝีมือมนุษย์เราเอง แม้หนังจะวางตัว เกล็น โคลส เจ้าของแนวคิดครอบครัวละหนึ่งบุตรให้เป็นตัวร้ายของเรื่อง แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังประณามว่านี่เป็นแนวคิดที่ผิดได้ไม่เต็มปากเช่นกัน เพราะจุดประสงค์ของมาตรการนี้ก็คือการต่ออายุให้กับโลกเรา
สรุป What Happened To Monday คือหนังไซไฟธริลเลอร์ ที่โหด และเข้มข้นมาก เนื้อหาโดยรวมเครียดเลยล่ะ แต่ว่ามันสนุกมาก