เมื่อคืนวันที่ 28 ตุลาคม เวลาประมาณ 09.45 นาฬิกาตามเวลาในบ้านเรา ได้มีการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต Linkin Park and Friends Celebrate Life in Honor of Chester Bennington ซึ่งจัดขึ้นที่ Hollywood Bowl, Highland Avenue, ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสามารถรับชมได้ผ่านทาง Youtube Channel ของ Linkin Park
คอนเสิร์ตครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เชสเตอร์ เบนนิงตันนักร้องนำของวง Linkin Park และเพื่อเป็นการระลึกถึงและอำลา ศิลปินผู้เป็นที่รักของเรา ในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้มีนักดนตรีรับเชิญมาร่วมแสดงมากมาย และบรรเลงเพลงไปกว่า 31 เพลงตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งสามารถรับชมได้แบบเต็มๆตามนี้เลยครับ
โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้มี Setlist ตามนี้เลยครับ
Setlist
- Robot Boy / The Messenger / Iridescent
- Roads Untraveled (นักดนตรีรับเชิญ : Jon Green)
- Numb (แฟนเพลงร้องเองทั้งเพลงเลย)
- Shadow of the Day (นักดนตรีรับเชิญ : Ryan Key วง Yellowcard)
- Leave Out All the Rest (นักดนตรีรับเชิญ : Gavin Rossdale วง Bush)
- Somewhere I Belong (นักดนตรีรับเชิญ : Takahiro “Taka” Moriuchi วง ONEOKROCK)
- Unicorns & Lolipops
- Castle of Glass (นักดนตรีรับเชิญ : Adrian Young, Tom Dumont & Tony วง No Doubt พร้อมด้วย Alanis Morissette)
- Rest (Alanis Morissette เล่นเอง เป็นเพลงใหม่ของเธอ)
- Nobody Can Save Me (นักดนตรีรับเชิญ : Steven McKellar วง Civil Twilight)
- Battle Symphony (นักดนตรีรับเชิญ : Jon Green)
- Sharp Edges (นักดนตรีรับเชิญ : Ilsey Juber)
- Talking to Myself (นักดนตรีรับเชิญ : Ilsey Juber)
- Heavy (นักดนตรีรับเชิญ : Kiiara และ Julia Michaels)
- One More Light
- Looking for an Answer (Mike Shinoda เล่นคนเดียว เป็นเพลงใหม่)
- Waiting for the End (นักดนตรีรับเชิญ : Sydney วง Echosmith)
- Crawling (นักดนตรีรับเชิญ : Oliver Sykes วง Bring Me The Horizon และ Zedd)
- Papercut ( นักดนตรีรับเชิญ : Machine Gun Kelly)
- One Step Closer (นักดนตรีรับเชิญ : Ryan Shuck and Jonathan Davis of Korn)
- A Place for My Head (นักดนตรีรับเชิญ : Jeremy McKinnon วง A Day To Remember)
- Rebellion (นักดนตรีรับเชิญ : Daron Malakian และ Shavo วง System of a Down)
- The Catalyst (นักดนตรีรับเชิญ : Deryck Whibley และ Frank วง Sum 41)
- I Miss You (นักดนตรีรับเชิญ : วง blink‐182)
- What I’ve Done (นักดนตรีรับเชิญ : วง blink‐182)
- In the End (แฟนเพลงร้องท่อนของเชสเตอร์)
- Iridescent
- New Divide
- A Light That Never Comes (นักดนตรีรับเชิญ : Steve Aoki) (Bebe Rexha และ Frank Zummo เล่นกลอง)
- Burn It Down (นักดนตรีรับเชิญ : M. Shadows วง Avenged Sevenfold)
- Faint ( นักดนตรีรับเชิญ : M. Shadows และ Synster Gates มาแจมกีตาร์ )
- Bleed It Out
สำหรับใครที่รู้สึกว่ายังไม่มีเวลารับชมตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง ผมเลยสรุปไฮไลท์ของงานมาให้ครับ (ไม่เรียงตามลำดับเพลงใน setlist)
มาที่เพลงแรกก่อนเลย
Somewhere I Belong
นักดนตรีรับเชิญ : Taka จากวง ONE OK ROCK
เป็นแขกรับเชิญที่หลายคนรอคอยเลยครับสำหรับ ทากะ นักร้องนำจากวงร็อคแห่งแดนปลาดิบ One Ok Rock ที่ขึ้นมาร้องเพลง ‘Somewhere I Belong’ หนึ่งในเพลงฮิตของ Linkin Park จากอัลบั้มชุด ‘Meteora’
Burn It Down / Faint
นักดนตรีรับเชิญ : M. Shadows และ Synister Gates จาก Avenged Sevenfold
เวทีเดือดพล่านเป็นไฟ เมื่อ Avenged Sevenfold มาร่วมแจม M. Shadows ร้องได้ดุดันมากๆ สุขสมอารมณ์ร็อคจริง
Rebellion
นักดนตรีรับเชิญ : Daron Malakian และ Shavo Odadjian จาก System of a Down
เพลงนี้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับก็ได้ Daron Malakian มือกีตาร์สายเดือดจากวง System of a Down มาร่วม feat. อยู่แล้วคราวนี้ก็เลยได้เฮียเค้าแถมด้วย Shavo Odadjian มือเบสเคราสุดแนวของวงมาเสริมอีกกำลัง ไม่ไห้เดือดยังงัยไหว
Rest
นักดนตรีรับเชิญ : Alanis Morissette
เพลงนี้เป็นเพลงใหม่ของ Morissette ซึ่ง ชิโนดะ ได้บอกถึงที่มาของเพลงนี้ว่าในช่วงที่ซ้อมดนตรีกันเพื่อที่จะมาเล่นในงานนี้ Morissette ได้เล่นเพลงใหม่สองสามเพลงให้ชิโนดะฟังซึ่งเธอบอกว่ามันยังเป็นเดโมอยู่ แต่ถ้าหากมีคนขอเธอก็จะเล่นให้ฟัง ชิโนดะบอกเธอว่าแต่มันฟังดูเหมือนเพลงที่เสร็จแล้วเลยนะ ด้วยเหตุนี้ Morissette ก็เลยกล้าที่จะเล่นเพลงนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเพลงที่เหมาะกับงานนี้มากเพราะเนื้อหาของมันพูดถึงคนที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้าและอาการป่วยทางจิต ซึ่งเธอบอกว่าเธออยากแสดงความเห็นใจต่อทุกๆคนที่กำลังประสบปัญหานี้และอยากแสดงความรู้สึกนี้ต่อเชสเตอร์ด้วย
Looking for an Answer
เพลงนี้เป็นเพลงใหม่ที่ ชิโนดะ เขียนขึ้น 8 วันหลังจากการจากไปของเชสเตอร์ เบนนิงตัน โดยในคอนเสิร์ต ชิโนดะร้องและเดี่ยวเปียโนด้วยตัวเอง ทั้งนี้ชิโนดะได้พูดถึงบทบาทของเสียงดนตรีที่ทำให้พวกเขาก้าวผ่านความสูญเสียมาได้ และชิโนดะก็ได้ตอบคำถามสำคัญที่ทุกๆคนอยากรู้คำตอบ นั่นก็คือ “แล้วต่อไป Linkin Park จะไปสู่จุดไหน” ชิโนดะตอบว่า พวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเพลงเพลงนี้ แต่ถ้าจะไปต่อ เขาก็จะเริ่มจากสิ่งสิ่งนี้นี่ล่ะ โดยในเนื้อเพลงนั้นสื่อความในใจของชิโนดะได้เป็นอย่างดี
“Was there something I could say or I should not have done?,”
“มีอะไรไหมที่ฉันสามารถพูดออกไปหรือฉันไม่ควรจะทำอะไร?”
“I’m just sitting in the dark, disbelief this is real.”
“ฉันเพียงนั่งอยู่ในความมืดมิด , ไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง”
Numb
Numb เวอร์ชั่นมหาชน ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงเพลงนี้ ทางวงได้เปิดวีดิโอเบื้องหลังก่อนการขึ้นคอนเสิร์ตของเชสเตอร์และวง เราจะได้เห็นโมเมนท์ที่เชสเตอร์ กำลังวอร์มเสียง มันทำให้พวกเราคิดถึงเสียงของเขาจริงๆ จากนั้นมหาชนก็ร่วมร้องเพลงนี้ร่วมกัน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงามน่าจดจำจริงๆ
Talinda’s Speech
อีกไฮไลท์สำคัญของงานเลยก็คือ ช่วงหลังจากที่เล่นเพลง “In the End” จบไปแล้ว Talinda ภรรยาของเบนนิงตันได้ขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอาลัยต่อสามีของเธอและส่งผ่านความรู้สึกไปสู่แฟนเพลงของสามีเธอ เธอกล่าวว่า
“เขาจะต้องรักในสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แน่ๆและจะต้องรักในกำลังใจที่ทุกคนมีให้ต่อกัน”
ทาลินดารู้สึกว่าทุกคนคือครอบครัว เธอได้เรียกสมาชิกทั้ง 5 ว่า “พี่ (Brothers)” ด้วย และเธอได้กล่าวว่าเธอรู้สึกปลื้มใจเพียงใด ที่เบนนิงตันนำพวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ ก่อนที่เธอจะลงท้ายการพูดครั้งนี้ ด้วยคำว่า
“ ฟั_ (F_) ไอ้โรคซึมเศร้า“
และ “จงทำให้เชสเตอร์ภูมิใจ”
One More Light
ปิดท้ายด้วยเพลง เพลงนี้ครับ บทเพลงที่แทนความรู้สึกของเชสเตอร์ เบนนิงตัน ได้ดีที่สุดเพลงหนึ่ง ครั้งนี้ชิโนดะเป็นคนร้องเอง ความรู้สึกหลั่งไหลท่วมท้นมาก
ในท้ายที่สุดระหว่างที่จะเล่นเพลงสุดท้าย Bleed It Out ชิโนดะได้พูดกับแฟนๆว่าค่ำคืนนี้คงไม่ใช่จุดจบของวงหรือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของ Linkin Park ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและให้กำลังใจ และที่สำคัญเลยคือ
“โปรดเก็บเชสเตอร์เอาไว้ในหัวใจและทำให้เขาภาคภูมิใจเถิด”
สมาชิกวง Linkin Park ทั้ง 5 ขอบคุณแฟนๆ
แฟนเพลงเขียนข้อความส่งผ่านความรู้สึกแด่เชสเตอร์ เบนนิงตัน
Source