เป็นอีกหนึ่งงานคอนเสิร์ตที่น่าสนใจนะครับกับ Shugo Tokumaru Live in Bangkok แต่ทว่ามีเรื่องต้องเลือกนิดหน่อยหากสนใจจะไปดู HYHBKK Live! with JMSN เพราะงานจัดขึ้นในวันและเวลาเดียวกันเลย อย่างไรก็ลองอ่านข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจดูครับว่าจะรักจะเลือกใคร (ฮา) ก่อนอื่นเราไปดูข้อมูลของคอนเสิร์ตครั้งนี้กันก่อนดีกว่าครับ
- ชื่องาน : Shugo Tokumaru Live in Bangkok
- วันที่ : 11 พฤศจิกายน 2560
- ผู้จัด : Seen Scene Space
- เวลา : 19.00 น.
- สถานที่ : PLAY YARD by Studio Bar
- ราคาบัตร
- บัตรล่วงหน้า ราคา 400 บาท
- บัตรหน้างาน ราคา 500 บาท
- ช่องทางซื้อบัตร : https://www.ticketmelon.com/event/shugo-tokumaru
- Opening Act
- Summer Dress
- Sasi
- Midnight Children
หมายเหตุ : ผู้เข้าร่วมงานต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
Shugo Tokumaru หนุ่มนักฝันผู้สร้างสรรค์เสียงดนตรี
ชูโก โทคุมารุ เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 เป็นนักร้องนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น ที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด เปิดตัวด้วยงานเพลงอัลบั้มแรกในปี 2004 ที่อเมริกาโดยมีชื่ออัลบั้มว่า “Night Piece” ซึ่งเขาทำเองทั้งเขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียงดนตรี บันทึกเสียงและมิกซ์เสียง
ความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของชูโกนั้นคือ การที่เขามักใช้เครื่องดนตรีหลากหลายในงานเพลงของเขา เขาเคยใช้กว่า 100 เครื่องดนตรีทั้งสากลและญี่ปุ่น นอกจากนี้ชูโกยังเป็นสมาชิกวงร็อคชื่อ Gellers อีกด้วย
ชูโกมีผลงานมาแล้ว 7 อัลบั้มตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบัน Fragment เป็นเดโมอัลบั้มที่ออกในปี 2003 ส่วน Night Piece ที่ออกในปี 2004 ถือว่าเป็นอัลบั้มเปิดตัว ส่วน Toss ที่ออกในปี 2016 คืออัลบั้มล่าสุด และมี Port Entropy (2010) เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุด
ชูโกเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่ 5 ขวบโดยมีเปียโนเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก ต่อมาเมื่อเรียนไฮสคูลจึงเริ่มเล่นกีตาร์ไฟฟ้าและแกะเพลงของวง The Clash เล่น จนมาเริ่มฟอร์มวง Gellers กับเพื่อนๆซึ่งชูโกเป็นคนเขียนเพลงให้ทั้งหมด
หลังจบไฮสคูล เขาก็เดินทางไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศเป็นเวลากว่า 2 ปีครึ่ง ส่วนใหญ่เขาพักอยู่ที่ L.A. และตอนอยู่ที่อเมริกา ชูโกได้ร่วมเล่นกับวงดนตรีแจ๊ซ และฝึกแต่งเพลงอยู่ที่บ้าน
ชูโกได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจากวง The Beach Boys นักร้องญี่ปุ่นรุ่นเก่า Hachidai Nakamura และแนวดนตรีของญี่ปุ่นที่เรียกว่า gagaku
ชูโกเล่นเครื่องดนตรีเองทุกชิ้นและอัดเองร้องเองคนเดียวทั้งหมด โดยเนื้อเพลงของเขานั้นมีที่มาจากความฝันในแต่ละวันที่เขาเขียนบันทึกเอาไว้ ในเวลาที่เขียนเพลงชูโกบอกว่าเมโลดี้มันจะผุดขึ้นมาในหัวของเขาเลย และเมื่อเขาสร้างสรรค์บทเพลงนั้น เขาจะพยายามใช้เครื่องดนตรีให้หลากชนิดที่สุดเพื่อถ่ายทอดมุมมองอันหลากหลายของความฝันนั่นเอง
เราลองมาฟังเพลงของชูโกกันดูดีกว่าครับ
เริ่มจากงานเพลงฟังเพลินจากอัลบั้ม Port Entropy “Tracking Elevator” ครับ
เพลงต่อมาผมขอแนะนำ “Vector” งานเพลงจากอัลบั้มล่าสุด “Toss” ที่ได้ Maywa Denki ศิลปินและนักดนตรีสติเฟื่องที่เล่นดนตรีด้วยเครื่องจักรกลและหุ่นยนตร์ มาร่วมฟีเจอริ่งด้วย ซึ่ง Maywa Denki นี่เคยมาแสดงที่ไทยในงานแฟต เฟสติวัลครั้งที่ 8
มาดูชูโกเล่นแบบสดๆกันบ้างครับ จะเห็นเลยว่าพี่เค้าใช้เครื่องดนตรีอะไรกันบ้าง สนุกมากๆเลยครับ
Opening Act
งานนี้ถือว่าคุ้มเลยทีเดียว มีวงเปิดให้ดูกันถึงสามวงและแต่ละวงก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น เราไปลองดูงานเพลงของทั้งสามวงกันครับ
Summer Dress
วง Pop Alternative Dance สุดแนว จากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ที่มีสมาชิกทั้ง 5 ประกอบไปด้วย
- เต๊น—ศิวนัส บุญศรีพรชัย (ร้องนำ, กีตาร์)
- แน็ต—สรรพวิท สร้อยคำ (กีตาร์)
- โป้ว—ภิญโญ ใหม่ละเอียด (เบส)
- แปม—ธีรวุฒิ อิทธิวุฒิ (กลอง)
- ปอนด์—ปัญญ์ชลี จ้ำแพงจันทร์ (คีย์บอร์ด)
โดยล่าสุด Summer Dress ได้ปล่อย MV เพลงกวนๆอย่าง D-OK ออกมา จนเป็นที่รู้จักกันทั่วในเวลานี้ หลายคนก็เพิ่งมารู้จักพวกเขาจากเพลงเพลงนี้
Sasi
Sasi (ศศิ) เป็นโปรเจคดนตรีแนว folk ผสม psychedelic ของ เดือน จงมั่นคง ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของ จิตต์ จงมั่นคงศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่ายศิลปะ) และเพื่อนอีกสามคน จะมารับบทบาทศิลปินหน้าใหม่แต่ฝีมือไม่ธรรมดา เหมาะกับคนชอบงานเพลงเย็นๆลอยๆ
ซึ่งคำว่า ศศิ นั้นแปลว่า ดวงจันทร์ ซึ่งก็มีที่มาจากชื่อของ เดือน นั่นเอง
Midnight Children
Midnight Children เป็นวง วง Trio สายบรรเลงแนว Progressive Fusion เจ้าของรางวัลชนะเลิศรุ่นจูเนียร์ จากรายการ Thailand jazz competition ปี2012 และ ปี2013
วันและเวลา
งานจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งก็ไปชนกับอีกงานหนึ่งคือ HYHBKK Live! with JMSN ซึ่งก็คงต้องเลือกว่าจะไปดูงานไหนดี เพราะทั้งสองงานก็จัดขึ้นในเวลาเดียวกันอีกด้วยคือ หนึ่งทุ่มตรง เรียกว่า ให้เลือกกันไปเลยว่าจะรักใครชอบใคร ห้ามสองจิตสองใจเด็ดขาด (ฮา) ถ้าใครชอบทั้งสองคนนี่ถือว่าช้ำใจมากเลย ที่ต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง โอ้วมันเลือกไม่ได้จริงๆ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน (ฮา)
ผู้จัด
Seen Scene Space เป็นกลุ่มคนดนตรีเดียวกันกับค่ายเพลง Parinam Music บ้านของศิลปินอย่าง ปลานิลเต็มบ้าน, Gym and Swim และ Seal Pillow มีหัวเรือคือ คุณปูม–ปิยสุ โกมารทัต ที่หลังจากทำค่าย Parinam Music มากว่า 10 ปี และค่ายเริ่มอยู่ตัวแล้ว จึงอยากเริ่มทำเป็น music organize จัดงาน event ทางดนตรีดีๆ อาทิเช่น Pow! Fest ที่เป็นเทศกาลดนตรีที่รวบรวมวงอินดี้ในแนว Dream pop, Soft Rock ทั่วไทย และ concert promoter นำวงดนตรีอินดี้ดีๆจากต่างประเทศเข้ามาให้แฟนเพลงชาวไทยได้ฟังกัน
ตัวอย่างศิลปินต่างประเทศที่ทาง See Scene Space เคยนำเข้ามา
The Fin.
The Fin. (ของแท้ต้องมีจุดห้อยท้าย) วงดนตรีซินธ์ป็อปสุดเท่จากโกเบ ประเทศญี่ปุ่น มีสมาชิก 4 คน ได้แก่
- Yuto Uchino
- Ryosuke Odagaki
- Takayasu Taguchi
- Kaoru Nakazawa
Hyukoh
Hyukoh혁오 (อ่านว่า ฮยอกโอ) เป็นอินดี้แบนด์สังกัดค่าย HIGHGRND (ไฮกราวนด์) ซึ่งเป็นค่ายย่อยของ YG Ent. (เดิมอยู่ค่าย DRDRamc) มีชื่อเสียงจากการไปออกรายการ Infinite Challenge และเดบิวต์ปี 2014 มีสมาชิก 4 คน ได้แก่
ฮยอนเจ (กีตาร์),โอฮยอก (กีตาร์+ร้องน้ำ), ดงกอน (เบส), อินอู (กลอง)
PREP
วงดนตรีจากกรุงลอนดอนเจ้าของอัลบั้มอีพีที่ชื่อ “Future” มาพร้อมกับซาวนด์เท่ๆ ชวนเคลิบเคลิ้มกับเพลงอย่าง “Who’s Got You Singing Again” และ “Cheapest Flight” ที่ล่าสุดจะกลับมาแสดงในไทยเป็นรอบสองตามเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
สถานที่จัดงาน
งานจะมีขึ้นที่ร้าน PLAY YARD by Studio Bar ซึ่งตั้งอยู่ที่ลาดพร้าวซอย 8
โดยร้านจะตั้งอยูาตรงข้ามยูเนี่ยนมอล สามารถนั่ง BTS และ MRT มาลงสถานีพหลโยธินได้เลยครับ จากนั้นก็เดินต่อมานิดหน่อยโดยร้านจะอยู่ติดถนนเลยครับ ส่วนที่จอดรถนั้นมีอยู่ครับสามารถขับมาจอดที่ร้านได้เลย (แต่ถ้าคนมาดูคอนเสิร์ตเยอะก็ไม่รับประกันว่าที่จะเต็มรึเปล่าทางที่ดี ถ้าสะดวกก็อาจมาด้วยขนส่งสาธารณะได้ครับ)
ส่วนบรรยากาศของร้านก็ถือว่าชิลเอาเรื่อง การตกแต่งมีความคูลลงตัวถูกใจวัยรุ่นดี และมีเมนูอาหารที่กินเอาจริงก็ได้ กินเล่นก็ได้ และเครื่องดื่มครบครัน ถือได้ว่าอิ่มเอมเอาเรื่องอยู่ครับ
แต่มีข้อที่ต้องชี้แจงเล็กน้อยก็คือ เนื่องจากสถานที่จัดงานเป็นบาร์ดังนั้นจึงมีการกำหนดอายุผู้เข้าชมงานคือต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป สำหรับแฟนๆชูโกหรือผู้ที่สนใจจะมาดูแล้วอายุยังไม่ถึงก็อาจจะต้องรอไปก่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเป็นการจำกัดสิทธิไปเสียหน่อย ทำให้หลายๆคนอาจพลาดโอกาสนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
ราคาบัตร
ถูกแสนถูก จองก่อนก็ได้ ไปซื้อหน้างานก็ได้ (ถ้าไม่กลัวบัตรหมดเสียก่อน) เป็นราคาที่ควรค่าแก่การเสียเงินไปดูมาก 400 บาทสำหรับบัตรจองล่วงหน้าและ 500 บาทสำหรับหน้างาน ทานข้าวมือหนึ่งบางครั้งยังแพงกว่านี้เลย หากมีเวลาว่างและอยากสัมผัสประสบการณ์ที่มิได้มีแบบนี้บ่อยๆ ผมคิดว่าไม่ควรพลาดเลยครับ
ช่องทางการซื้อบัตร
เป็นช่องทางจำหน่ายบัตรยอดฮิตของวงอินดี้ไปแล้วสำหรับ Ticket Melon ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นช่องทางการซื้อบัตรที่สะดวกดีเลยครับ โดยสามารถเข้าไปได้ที่ https://www.ticketmelon.com/event/shugo-tokumaru จากนั้นก็กรอกรายละเอียดแต่เพียงเล็กน้อย จะสร้าง account ใหม่หรือ log in ด้วย facebook ก็ได้ครับ
ส่วนช่องทางการชำระเงินก็ทำได้ทั้ง ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ซึ่งได้รับตั๋วทันที อีกทางคือ ATM/เคาน์เตอร์/เคาน์เตอร์ธนาคาร/อินเตอร์เน็ต ซึ่งจะต้องนำใบ จ่ายเงินหรือ Reference Code ไปชำระเงินให้เสร็จสิ้นจึงจะได้รับตั๋วครับ
บัตรที่ซื้อจะได้เป็น e-ticket คือ สามารถใช้เข้างานได้เลย โดย
1. print ออกมาเป็นกระดาษก็ได้
2. โชว์จากโทรศัพท์ก็ได้ ซึ่งจะเป็น QR Code ไว้สแกนน่างาน โดยสามารถเปิดได้จากหน้าเว็บ ticketmelon , e-mail ของเราที่กรอกตอนซื้อบัตร หรือภาพที่ capture เก็บไว้ก็ได้ครับ
สรุป
งานนี้คุ้มแสนคุ้ม เพราะนอกจากจะได้ฟัง Shugo Tokumura ที่บินตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อเล่นให้พวกเราฟังแบบสดๆแล้ว ยังมีวงเปิดอีกตั้ง 3 วง ด้วยค่าบัตรที่หากจองล่วงหน้าก็เพียง 400 บาท เท่ากับตกวงละ 100 ร้อยบาทเท่านั้น และแต่ละวงก็เป็นวงคุณภาพทั้งนั้น ไม่รู้จะมีอะไรคุ้มค่ากว่านี้อีกแล้ว บอกเลยครับว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง