หากใครได้ชมภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง “Fireworks ระหว่างเราและดอกไม้ไฟ “ คงได้ยินเพลงประกอบเพราะๆจาก DAOKO x Kenshi Yonezu ในบทเพลงที่มีชื่อว่า “Uchiage Hanabi” ซึ่งเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในญี่ปุ่น จนได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดแห่งปี 2017 เลย ซึ่งบางคนอาจรู้จักกับ DAOKO มาบ้างแล้วแต่บางคนอาจยังไม่รู้จักเธอ จริงๆแล้วเธอเป็นศิลปินรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นที่มีผลงานโดดเด่นน่าจับตามองมากในเวลานี้ และเพิ่งมีผลงานเพลงอัลบั้มใหม่ออกมาในเดือนธันวาคมนี้ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นกันครับ
DAOKO (だをこ อ่านว่า ดาโอโกะ) เป็นนักร้องเพลงป็อปสาวชาวญี่ปุ่นจากโตเกียว เกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1997 ปัจจุบันมีอายุ 20 ปี เธอเริ่มสร้างผลงานสู่วงการจากการโพสต์เพลงแร็พที่เธอแต่งเองบน Nico Nico Douga (เป็นเว็บแชร์วีดิโอชื่อดังในญี่ปุ่น) และต่อมาเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงอินดี้ Low High Who? Production ในปี 2012 ในช่วงปีแรกๆของการเป็นศิลปิน DAOKO ต้องปิดบังใบหน้าของเธอไว้ เนื่องจากเธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายและที่โรงเรียนมีกฏเข้มห้ามนักเรียนทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ต่อมาในปี 2015 DAOKO ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ TOY’S FACTORY ซึ่งในเวลานั้นเธอเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมพอดี เธอจึงได้เวลาที่จะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ดังนั้นในปี 2015 ซิงเกิ้ล “ShibuyaK / Samishii Kamisama“จึงเป็นซิงเกิ้ลแรกที่ทำให้เราได้รู้ว่า DAOKO นั้นเป็นสาวน้อยน่ารักขนาดไหน
แรกเริ่มสู่เส้นทางศิลปิน
DAOKO เริ่มเขียนเพลงและทำเพลงด้วยเครื่อง iMac ในห้องนั่งเล่นของที่บ้าน โดยใช้โปรแกรม GarageBand และใช้ไมค์ใน iMac บันทึกเสียงร้องของเธอ เธอได้ดาวโหลดฟรีแทร็คจากอินเทอร์เน็ต (for example, Vocaloid songs) และพยายามนำมันมาทำใหม่ในสไตล์ของเธอเอง เสียงร้องแบบกระซิบแผ่วอันเป็นสไตล์ของเธอ แท้จริงแล้วเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ หากแต่เป็นเพราะเธอพยายามที่จะไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นๆในบ้าน จึงพยายามร้องให้เสียงไม่ดังออกไปจากห้องนั่งเล่น
ในช่วงที่เธอเรียนชั้นมัธยมปลาย เธอเริ่มโพสต์เพลงแร็พที่เธอแต่งขึ้นบน Nico Nico Douga โดยใช้ชื่อว่า “daoko” (ตอนนั้นยังใช้เป็นอักษรตัวเล็กทั้งหมด) ซึ่งทำให้ต่อมาเธอได้รู้จักกับ Jinmenusagi ซึ่งเป็นศิลปินในค่ายเพลงอินดี้ LOW HIGH WHO? PRODUCTION อยู่ และเขาได้แนะนำเจ้าของค่ายให้รู้จักกับ daoko จากนั้นเธอจึงได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงนี้ แต่ด้วยกฏเหล็กของโรงเรียนที่ห้ามทำงานในวงการบันเทิง เธอจึงต้องทำงานเพลงโดยไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง
จากอินดี้สู่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
ช่วงแรกที่ daoko ทำงานกับ LOW HIGH WHO? เธอเริ่มด้วยการร้องแบ็คอัพให้กับศิลปินร่วมค่ายคือ Fukashigi/wonderboy ในเพลง “Sekai Seifuku Yameta” (2012) ต่อมา daoko ได้มี EP อัลบั้มเปิดตัวชื่อว่า Shoki Shojo โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกทางค่ายได้ปล่อยให้โหลดฟรีทางเว็บเพจของค่าย จากนั้นในเดือนธันวาคมปี 2012 daoko ก็ได้ฤกษ์ปล่อยงานเพลงอัลบั้มแรกในชีวิต HYPER GIRL -Mukougawa no Onnanoko
Taku Takahashi แห่งวง m-flo นั้นชอบเพลงของเธอมาก ต่อมาจึงชวนเธอมาฟีเจอริ่งกันในเพลง IRONY (2013) ซึ่งถูกใช้เป็นเพลงธีมของภาพยนตร์เรื่อง Taka no Tsume ~Utsukushii Elleair Shoushou Plus. และในวันเดียวกันกับที่เพลง IRONY ปล่อยออกมา เธอก็ได้ปล่อย EP อัลบั้มที่สอง UTUTU EP ออกมาด้วยเช่นกัน และตามสเต็ปของอัลบั้มแรก เมื่อเธอวางแผง EP แล้วก็ต้องตามมาด้วยอัลบั้มเต็ม ดังนั้นในเดือนธันวาคมของปี 2013 เธอจึงปล่อยอัลบั้มที่สอง GRAVITY ออกมา
ปี 2014 เป็นปีที่ daoko เนื้อหอมเป็นอย่างมาก งานเพลงของเธอนั้นได้ไปสะกิดหูของผู้กำกับภาพยนตร์ นาคาจิมะ เท็ตซึยะเข้า ดังนั้นเขาจึงนำเพลง Fog (เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้มแรกของเธอ) ไปใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Kawaki
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน เธอได้ร่วมงานกับ TeddyLoid ในเพลง ME!ME!ME!
และร่วมงานกับ Studio Khara และ Hideaki Anno ในวีดิโอซีรีย์ที่ถูกนำไปใช้ใน Japan Animator Expo จากนั้นชื่อเสียงของเธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับโลก และในวันคริสมาสต์อีฟของปีนี้ เธอก็ได้ปล่อย EP อัลบั้มที่สาม Kireigoto EP เพลงทั้งหมดใน EP นี้เกิดจากการแต่งและโปรดิวซ์ร่วมกันกับ koducer
ในปี 2015 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่หลายค่ายต่างรุมรักและขายขนมจีบให้กับเธอ แต่สุดท้ายค่ายที่ชนะใจของเธอก็คือ TOY’S FACTORY (มีศิลปินในค่ายอาทิเช่น Mr.Children , Baby Metal ,Bump of Chicken เป็นต้น) ก่อนที่เธอจะย้ายจากบ้านเก่า LOW HIGH WHO?ไปสู่บ้านใหม่เธอได้ทิ้งทวนด้วยอัลบั้ม Dimension, ที่ปล่อยออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้
สู่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่และอัลบั้มใหม่ THANK YOU BLUE
ภายหลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม Dimension ออกมาได้หนึ่งเดือน และเธอกำลังจะจบการศึกษา DAOKO ได้ออกผลงานเพลงอัลบั้มแรกกับทาง Toy’s Factory ซึ่งคราวนี้เธอได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า DAOKO เป็นอักษรตัวใหญ่ทั้งหมดเลย ซึ่งในช่วงโปรโมทอัลบั้มเธอยังคงเรียนอยู่ดังนั้นเธอจึงต้องปิดบังตัวจริงของเธออยู่ ต่อมาเธอได้จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ Shibuya WWW ในเดือนสิงหาคมซึ่งตั๋วได้ขายหมดตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย
ซิงเกิ้ลเปิดตัวกับทางค่าย คือ ShibuyaK / Samishii Kamisama เผยแพร่ในเดือนตุลาคมปี 2015 ซึ่งตอนนั้นเธอได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นซิงเกิ้ลนี้จึงเป็นซิงเกิ้ลแรกที่แฟนๆของเธอได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของ DAOKO โดยภาพของเธอได้ถูกนำมาใส่ในซิงเกิ้ลที่วางขายด้วย
“ShibuyaK” , DAOKO
ในเดือนมกราคมปี 2016 DAOKO ได้มีทัวร์คอนเสิร์ตแรกในชื่อว่า “DAOKO THE FIRST TOUR” ถึงแม้ว่ามันจะใช้คำว่าทัวร์คอนเสิร์ตแต่ที่จริงแล้ว มีการแสดงเพียงแค่ครั้งเดียวที่ ชิบูย่า Shibuya ในวันที่ 14 สิงหาคม เธอได้ปรากฏตัวในซีรีย์สตรีมมิ่งของ Amazon ที่ชื่อว่า “Invisible Tokyo” ซึ่งเธอได้พูดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเธอกับเสียงดนตรีและเรื่องราวการเผชิญชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่งของเธอ
ในเดือนกันยายนเธอก็ได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่สอง “Moshimo Bokura ga GAME no Shuyaku de / Daisuki with TeddyLoid / BANG!“ซึ่งประกอบไปด้วยเพลง 4 เพลงซึ่งทั้งหมดถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์โฆษณา และหากใครซื้อซิงเกิ้ลนี้แบบ Limited Edition A ก็จะได้ฟุตเทจจากทัวร์คอนเสิร์ต “DAOKO THE FIRST TOUR” แถมมาด้วย ต่อมา DAOKO ได้ร่วมงานกับ TeddyLoid อีกครั้งในซิงเกิ้ล“Daisuki” จากนั้น DAOKO ก็มีทัวร์แบบ “จริงๆ” เป็นครั้งแรกในชื่อว่า “Aoiro Shugi” ซึ่งจะมีคอนเสิร์ต 4 วันในเมืองต่างๆของญี่ปุ่น ซึ่งฟุตเทจจากคอนเสิร์ตนี้จะรวมไว้ในโบนัส DVD ที่แถมมากับซิงเกิ้ลที่สามของเธอ
“DAISUKI” , DAOKO with TeddyLoid
จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 DAOKO ก็ได้มีทัวร์อย่างเป็นทางการครั้งที่สอง (ถ้ารวมครั้งแรกที่ชิบูย่าก็เป็นสาม) ภายใต้ชื่อ “Aoiro Jidai” โดยในครั้งแรกมีคอนเสิร์ตห้าครั้งในเมืองต่างๆทั่วญี่ปุ่น โดยเริ่มจาก ฮอกไกโดไปสู่แดนใต้ โอซาก้าและกลับมาที่โตเกียว โดยมี Sayuri มาเป็นแขกรับเชิญในเคอนเสิร์ตด้วย จากนั้นในปีนี้ DAOKO ก็ได้ร่วมงานกับศิลปินมากมาย ซึ่งมีการร่วมงานกันอีกครั้งกับ Hideaki Anno และ Studio Khara นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ใช้ในอนิเมะเรื่อง “Ryuu no Haisha” (Dragon Dentist) คือเพลง Kakurenbo. ซึ่งตอนแรกปล่อยออกมาเป็นดิจิตอลซิงเกิ้ลทาง iTunes และช่องทางอื่นๆ
DAOKO ได้ฟีเจอริ่งกับ Omori Seiko ในเพลงที่มีชื่อว่า “Saigo Chikyuu no Futari” จากอัลบั้ม kitixxxgaia ของ Omori Seiko อีกทั้งยังได้ร่วมงานกับ Ziyoou-vachi ในเพลง “Kinsei” จากอัลบั้ม Q ซึ่งเค้าว่ากันว่าเพลงนี้เป็นเหมือนเพลงแก้ของเพลง“Suisei” งานเพลงในปี 2015 ของ DAOKO
นอกจากงานเพลงแล้ว DAOKO ยังมีงานเขียนอีกด้วย “One-Room Seaside Step” คือนวนิยายเรื่องแรกในชีวิตของเธอ เล่าเรื่องของเด็กสาวอายุ 19 ชื่อ นางิสะ ที่มีชื่อเสียงจากการโพสต์งานภาพประกอบของเธอภายใต้ชื่อ “nico” ซึ่ง DAOKO เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการทำงานเขียนชิ้นนี้ว่า เมื่อตอนที่เธออายุ 15 ปี เธอได้เริ่มแต่งเพลงแร็พ และเขียนเนื้อเพลง เธอเริ่มรู้สึกว่าอยากเขียนอะไรที่มันยาวมากกว่านี้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
และในเดือนสิงหาคม 2017 ซิงเกิ้ลที่สามของเธอ คือ ”Uchiage Hanabi” ก็ได้ถูกปล่อยออกมา ซึ่งเพลง “Uchiage Hanabi ” นี้ได้ถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง “Uchiage Hanabi, Shita Kara Miru Ka? Yoko Kara Miru Ka?” หรือ “Fireworks ระหว่างเราและดอกไม้ไฟ” นอกจากนี้เพลง “Forever Friends” ที่อยู่ในซิงเกิ้ลนี้ก็ถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้ด้วย โดยเพลง “Forever Friends” เวอร์ชั่นนี้เป็นงานคัฟเวอร์จากเวอร์ชั่นต้นฉบับของ REMEDIOS ที่ถูกใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Fireworks” ในเวอร์ชั่นคนแสดงที่กำกับโดย ชุนจิ อิวาอิ ในปี 1993
”Uchiage Hanabi” , DAOKO x Kenshi Yonezu
ในปลายเดือนกันยายน DAOKO ได้เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในฐานะแขกรับเชิญของงานอนิเมะในแอตแลนตาที่มีชื่อว่า Anime Weekend Atlanta โดยงานนี้เธอได้เปิดการแสดงของเธอและมีการแจกลายเซ็นด้วย
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน DAOKO ได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดัง Beck โดยเป็นการนำเอาเพลง “Up All Night” มาทำเป็นเวอร์ชั่นใหม่โดย DAOKO เป็นคนเขียนเนื้อให้เอง
จากนั้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ยาวไปจนถึงมกราคมปีหน้าเธอได้มีทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 4 ภายใต้ชื่อ “Cygames Presents DAOKO TOUR 2017-2018 ‘THANK YOU BLUE'” โดยในครั้งนี้จะมีการจัดคอนเสิร์ตทั้งหมด 6 ครั้งในเมืองต่างๆทั่วญี่ปุ่นจากฮอกไกโดไปจนถึงฟุกุโอกะ รวมไปถึงในเกาหลีและไต้หวันด้วย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มที่ห้าในชีวิต (แต่เป็นอัลบั้มที่สองกับทาง TOY’S FACTORY) THANK YOU BLUE ออกมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานเพลงคุณภาพของ DAOKO เลยทีเดียว ไว้มีโอกาสจะมารีวิวอัลบั้มนี้ให้ได้อ่านกันครับ
และนี่ก็คือเส้นทางการเดินทางอันยาวนานของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่มีชื่อว่า DAOKO (だをこ) จากสาวน้อยที่ทำเพลงเองอยู่กับบ้าน มาสู่การเป็นศิลปินชื่อดังที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตในญี่ปุ่นและในระดับโลก ซึ่งตลอดระยะเวลาการเดินทางของเธอ เธอไม่เคยหยุดที่จะสร้างผลงานดีๆออกมาอย่างต่อเนื่องเลย และเราก็เชื่อว่าจากนี้ไปเธอก็จะยังคงสร้างสรรค์ผลงานเพลงคุณภาพผ่านเสียงดนตรีและเสียงร้องอันสดใสของเธอให้พวกเราได้ฟังกันต่อไป
ส่งท้ายกันด้วย “Step Up Love” ซิงเกิ้ลชวนแดนซ์จากอัลบั้ม Thank You Blue ที่ได้ ยาสุยูกิ โอะกะมุระ มาฟีเจอริ่งด้วยครับ
“Step Up Love” , DAOKO x Yasuyuki Okamura
สามารถติดตามข่าวสารของ DAOKO ได้ทาง facebook เพจ DAOKO Thailand Fanclub ครับ
ที่มา