Final Fantasy คือ สุดยอดเกม RPG (หรือภาษาบ้านๆคือเกมภาษา)ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่คอนโซลเครื่องแฟมิคอม จนมาสู่ยุคออนไลน์ในปัจจุบัน

เกมนี้ได้สร้างความทรงจำและฐานแฟนเพลงอย่างเหนียวแน่น ย้อนกลับไปราวปี 1997 การมาถึงของ Final Fantasy ภาค 7 พร้อมภาพ CG สุดตื่นตาตื่นใจพร้อมเรื่องราวอันแสนประทับใจ ยิ่งประทับฝังแน่นความประทับใจไม่รู้ลืม

จนมาถึงในปี 1999 Final Fantasy ภาค 8 ก็ได้เวลาออกโรง เรื่องราวในภาคนี้เป็นเรื่องของกลุ่มตัวละครในวัยเรียนอันมี สควอล เลออนฮาร์ต หนุ่มใจสิงห์ที่มีแผลเป็นที่ใบหน้าที่ออกผจญภัยไปกับครูสาวและผองเพื่อน จนได้พบกับสาวน้อยผู้ร่าเริงและเปี่ยมไปด้วยพลังอันสดใสและเข้มแข็ง รินัว ฮาร์ททิลลี เรื่องราวความรักบนโลกแฟนตาซีจึงได้กำเนิดขึ้นมา ท่ามกลางบทเพลงสุดโรแมนติคที่ขับกล่อมห้วงฝันให้หลงลืมคืนวันไม่รู้ลืม

สควอลและรีนัว

บทเพลงร้องสุดประทับใจที่ใช้ประกอบ Final Fantasy ในภาคนี้มีชื่อว่า “Eyes On Me”

อันเป็นเพลงป็อปบัลลาดสุดนุ่มนวลชวนฝัน ขับร้องโดย “เฟย์ หว่อง” นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงสาวชาวจีน (เธอเคยฝากผลงานการแสดงอันเป็นที่น่าจดจำเอาไว้ในหนังของหว่อง กา ไว อาทิเช่น Chunking Express และ 2046) ประพันธ์โดย โนบุโอะ อุเอมัตสึ (Nobuo Uematsu) เนื้อร้องภาษาอังกฤษเขียนโดย คาโกะ โซเมยะ (Kako Someya)

Play video

“Eyes On Me” เป็นเพลงแรกในประวัติศาสตร์วงการเกมที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำของญี่ปุ่น และ CD ที่ออกวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1999 ก็มียอดขายกว่า 500,000 ก็อปปี้ กลายเป็นดนตรีประกอบเกมที่มียอดขายสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ณ ตอนนั้นเลย

แต่เดิมไฟนอล แฟนตาซีไม่เคยมีเพลงร้องมาก่อนเลย แต่ในช่วงท้ายๆ ของการสร้างสรรค์เกมในภาคที่ 7 ทางผู้พัฒนาเกมได้มีแนวคิดว่าอยากจะใช้เพลงร้องดูบ้าง แต่ในเวลานั้นด้วยธีมและเส้นเรื่องของภาค 7 อาจยังไม่ลงตัวนักที่จะใช้เพลงร้อง โนบุโอะ อุเอมัตสึเลยเก็บไอเดียนี้มาใช้กับภาค 8 ซึ่งเขารู้สึกว่ามันเหมาะเจาะมากๆกับการมีเพลงบัลลาดดีๆ มาขับเน้นเรื่องราวในเกมภาคนี้ ซึ่งไปกันได้ดีกับทั้งธีมและตัวละครของเกม

ก่อนนี้มีตัวเลือกอยู่หลายคนว่าจะเอาใครมาร้องดี จนในที่สุดก็มาลงตัวที่เฟย์ หว่อง ที่ตอนนั้นโด่งดังอยู่ในฐานะนักร้อง อุเอมัตสึให้เหตุผลว่า “เสียงร้องของเธอนั้นมันช่างเข้ากันกับภาพในหัวของผมที่มีต่อเพลงนี้จริงๆ” และด้วยเชื้อชาติของเธอมันก็เข้ากันดีกับ “ภาพลักษณ์แบบสากลของไฟนอล แฟนตาซี”

เฟย์ หว่องในภาพยนตร์เรื่อง Chucking Express กำกับโดยหว่อง กา ไว

เมื่อฟันธงว่าเป็นเฟย์ หว่องแน่การบันทึกเสียงจึงเริ่มขึ้นในฮ่องกง โดยบันทึกเสียงร้องของเธอไปกับวงออเครสตร้า

เนื้อหาของเพลงเป็นการส่งผ่านความรู้สึกดีๆที่นักร้องสาวในไนต์คลับมีต่อหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนฟังของเธอ

I kind of liked it your way

ฉันชอบคุณในแบบที่คุณเป็น

How you shyly placed your eyes on me;

ชอบที่คุณเมียงมองแบบขวยเขินมาที่ฉัน

Oh, did you ever know

แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า

That I had mine on you?

ฉันเองก็ส่งสายตามาที่คุณเหมือนกัน

ตามท้องเรื่องในเกม เพลงนี้แต่งโดยตัวละครที่มีชื่อว่า จูเลีย ฮาร์ททิลลี (Julia Hearttilly) นักร้อง นักเปียโนสาวผู้เป็นที่รักของหนุ่มหล่อนาม ลากูน่า ลอย (Laguna Loire) จูเลียเป็นแม่ของรีนัวส่วนลากูน่าเป็นพ่อของสควอล ทั้งคู่พบรักกันแต่ต่อมามีเหตุให้ต้องพรากจาก แต่ในที่สุดความรักของทั้งคู่ก็ได้รับการสานต่อในรุ่นลูก โรแมนติคสุดๆ

ฉากที่ลากูน่าได้ฟังจูเลียร้อง Eyes On Me เป็นครั้งแรก

ลากูน่าและจูเลีย

ในเกม “Eyes On Me” ถูกนำมาใช้หลายครั้งละหลายเวอร์ชั่น บ้างก็เป็นบรรเลงอย่างเดียว เพลงนี้มักปรากฏขึ้นมาในช่วงอารมณ์โรแมนติค ทั้งในคู่ของจูเลียและลากูน่า และแน่นอนกับคู่ของสควอลและรีนัว

ฉากงานเต้นรำที่ทั้งคู่ได้พบเจอกันครั้งแรก

ฉากบนยานแร็คนาร็อค ช่วงเวลาหวานซึ้งเพียงลำพังระหว่างสควอลและรีนัว ที่มีเพลง “Eyes On Me” ขับกล่อม

Play video

เพลงนี้ทำให้เกมเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะในโลกตะวันตกและทำให้เฟย์ หว่องได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เรามาดูเนื้อเพลงกันดีกว่าครับเพื่อความซาบซึ้งตรึงใจขั้นสุด

 

Whenever  sang my songs

เมื่อใดที่ฉันขับขานบทเพลง

On the stage, on my own

บนเวที ด้วยตัวฉันเอง

Whenever said my words

เมื่อใดที่ฉันเอ่ยคำ

Wishing they would be heard

ฉันหวังว่าจะมีใครได้ยินมัน

I saw you smiling at me

และเมื่อฉันเห็นคุณส่งยิ้มมาที่ฉัน

Was it real, or just my fantasy?

นั่นมันคือความจริง หรือฉันเพียงมโนนึกไป?

You’d always be there in the corner

คุณมักจะอยู่ตรงที่มุมนั้น

Of this tiny little bar

มุมเล็กๆ ของบาร์เล็กๆแห่งนี้

My last night here for you

ค่ำคืนสุดท้ายนี้เพื่อคุณ

Same old songs, just once more

ขับขานบทเพลงเก่าๆ อีกสักครา

My last night here with you?

และมันอาจจะเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับคุณ

Maybe yes, maybe no

อาจเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ได้

I kind of liked it your way

ฉันชอบคุณในแบบที่คุณเป็น

How you shyly placed your eyes on me

ชอบที่คุณเมียงมองแบบขวยเขินมาที่ฉัน

Did you ever know

คุณรู้รึไม่ว่า

That I had mine on you?

ฉันเองก็ส่งสายตามาที่คุณเหมือนกัน

Darling, so there you are

โอ้ที่รัก คุณอยู่นั่นเอง

With that look on your face

พร้อมด้วยดวงหน้าของคุณ

As if you’re never hurt

ราวกับคุณไม่เคยเจ็บปวด

As if you’re never down

ราวกับคุณไม่เคยผิดหวัง

Shall I be the one for you

ให้ฉันเป็นคนคนนั้นของคุณได้ไหม

Who pinches you softly but sure?

คนที่จะโอบรัดคุณอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นและแน่นอน

If frown is shown then

และถ้ามีรอยเขม่นบนใบหน้านั้นของคุณ

I will know that you are no dreamer

ฉันก็จะได้แน่ใจแล้วว่าคุณไม่ได้เป็นเพียงฝัน

So let me come to you

ได้โปรดให้ฉันได้เข้าใกล้คุณ

Close as I wanna be

ใกล้เท่าที่ฉันจะทำได้

Close enough for me

ใกล้เพียงพอต่อใจต้องการ

To feel your heart beating fast

เพียงเพื่อจะสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของคุณ

And stay there as I whisper

และได้อยู่ ณ ที่นั้นกระซิบคำกับคุณ

How I loved your peaceful eyes on me

ว่าฉันนั้นรักดวงตาอันสุขสงบนั้นของคุณมากเพียงใด

Did you ever know

คุณรู้หรือไม่ว่า

That I had mine on you?

ฉันเองก็ทอดสายตาของฉันไปที่คุณเหมือนกัน

Darling, so share with me

โอ้ที่รัก โปรดแบ่งปันมันมาที่ฉัน

Your love if you have enough

ความรักของคุณ หากคุณมีมันเพียงพอแล้ว

Your tears if you’re holding back

หยดน้ำตาที่คุณสกัดกั้นมันเอาไว้

Or pain if that’s what it is

หรือความเจ็บปวดใดที่คุณมี

How can I let you know

จะมีวิธีใดที่ฉันจะทำให้คุณได้รู้

I’m more than the dress and the voice?

ว่าฉันนั้นเป็นอะไรมากกว่าแค่ผู้หญิงที่ใส่ชุดสวยๆมาร้องเพลงเท่านั้น

Just reach me out, then

เข้ามาหาฉันสิ

You will know that you are not dreaming

แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่ได้เพียงแค่ฝันไป

Darling, so there you are

โอ้ที่รัก นั่นคุณนี่เอง

With that look on your face

พร้อมกับดวงตาในแบบของคุณ

As if you’re never hurt

ราวกับคุณไม่เคยเจ็บปวด

As if you’re never down

ราวกับคุณไม่เคยผิดหวัง

Shall I be the one for you

ให้ฉันเป็นหนึ่งคนนั้นได้ไหม

Who pinches you softly but sure?

คนที่จะโอบรัดคุณอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นและแน่นอน

If frown is shown then

และหากมีรอยเขม่นบนใบหน้าของคุณ

I will know that you are no dreamer

ฉันคงจะได้รู้แล้วว่าคุณมิได้เป็นเพียงฝัน.

สำหรับใครที่ประทับใจและคิดถึงบทเพลงเพลงนี้ และอยากจะฟังแสดงสดสักครั้งพร้อมกับบทเพลงอื่นๆจากเกมไฟนอล แฟนตาซี คราวนี้โอกาสของเรามาถึงแล้วนะครับ เพราะเราจะได้รับฟังบทเพลงสุดประทับใจเหล่านี้กันสดๆในงานคอนเสิร์ต   DISTANT WORLDS: MUSIC FROM FINAL FANTASY ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 และ 2 ธันวาคมนี้ ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ครับ โดยงานทั้งสอวันจะเล่นเพลงแตกต่างกันไปบ้าง แต่สำหรับคนที่รกชอบ “Eyes On Me” ไม่ต้องกังวลใจไปครับเพราะมีเล่นทั้งสองวันเลย สามารถดูรายละเอียดของงาน รายการเพลงที่เล่น ราคาบัตร และเวลาแสดงได้ที่ fivefourrecords และ what the fact เรานี่เองครับ อย่าลืมไปดูกันนะครับ โอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆครับ ขอเชียร์สุดใจเลยครับ ว่าไปแล้วต้องประทับใจแน่นอน