“First Man” เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Damien Chazelle จาก “Whiplash” และ “La La Land” ที่คราวนี้เค้าย้ายจากเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับดนตรี มาเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่ขึ้นไปทิ้งรอยเท้าไว้บนดวงจันทร์เป็นคนแรก ซึ่งถึงแม้มันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับดนตรีเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา แต่ทว่ามันกลับเชื่อมโยงกับด้วยเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่ลุ่มหลงในบางสิ่งบางอย่าง เรื่องราวของคนที่กำลังต่อสู้กับตนเองและความท้าทายต่างๆที่เข้ามาทดสอบจิตใจ
“Justin Hurwitz” ทำดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ทุกเรื่องของ Damien Chazelle ก่อนนี้เขาเคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคำไปแล้วสองรางวัลในปี 2017 จากสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทเพลงยอดเยี่ยม “City of Stars” จากภาพยนตร์เรื่อง “La La Land” คราวนี้เขาคว้าชัยอีกครั้ง ชนะงานเพลงประกอบดีๆจากนักแต่งเพลงยอดฝีมือทั้ง Marco Beltrami ”A Quiet Place” ,Ludwig Goransson “Black Panther” ,Marc Shaiman “Mary Poppins Returns” และ Alexandre Desplat “Isle of Dogs”
ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ของนีล อาร์มสตรองท้าทายมากเพียงใด การทำเพลงประกอบครั้งนี้ของ Hurwitz ก็ท้าทายไม่แพ้กัน โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเขาที่ทำดนตรีจากเครื่องดนตรีอิเล็คทรอนิค ซึ่งเจ้าเครื่องที่ว่านี้มีชื่อว่า “Theremin” อันเป็นเครื่องดนตรีที่มักถูกใช้ทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ไซไฟในยุค 50 เช่น “The Day the Earth Stood Still” หรือ “Spellbound” ของฮิทช์ค็อก
ซึ่งในตอนแรก Hurwitz ที่ไม่คุ้นกับเจ้าเครื่องดนตรีชิ้นนี้ คิดว่าน่าจะหาใครสักคนที่คุ้นเคยกับมันมาเป็นคนเล่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้ แต่พอเขาได้ลองไปลองมา และลองทำตัวอย่างเพลงดูปรากฏว่า Chazelle นั้นชอบและก็เก็บแทร็คเหล่านั้นไว้ เขาก็เลยได้ลองเล่นมันดูด้วยตนเองจนได้พบว่าเสียงของมันส่งผ่านความรู้สึกหม่นเศร้าออกมา ซึ่งไปด้วยกันได้ดีกับเรื่องราวชีวิตของอาร์มสตรองที่มีทั้งความสูญเสียและความเจ็บปวดซ่อนอยู่เบื้องหลังภาพของวีรบุรุษบนดวงจันทร์ที่ทุกๆคนเห็นจากภายนอก
“สิ่งที่ผมค้นพบเมื่อลองเล่น theremin ก็คือความตื่นใจที่พบว่ามันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีเพียงใด เสียงที่สั่นเครือของมันเพียงแค่เราสไตล์มือมันก็ส่งเสียงผ่านตัวโน้ตเหล่านั้น มันถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ราวกับเป็นการส่งผ่านอารมณ์ของมนุษย์ เพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยมันก็ตอบรับและส่งเสียงออกมา มันคือส่วนผสมที่แปลกประหลาดแต่ลงตัวดีระหว่างความเป็นเทคโนโลยีและความเป็นมนุษย์”
นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ Hurwitz ได้ลองทำอะไรใหม่ๆที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น นอกจากลองเล่น Theremin แล้วเขายังได้ลองบันทึกเสียงวัสดุต่างๆทั้งเหล็ก ไฟ เสียงน้ำไหล เพื่อมาทำแซมเปิ้ลและมิกซ์ใช้กับภาพยนตร์ เป็นดนตรีประกอบที่ร้อยเรียงมาจากเสียงที่อยู่รอบตัว
ทั้ง Hurwitz และ Chapelle ทำงานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งคู่ใช้เวลาเตรียมการสร้างกันนานพอสมควร ไอเดียของดนตรีประกอบนั้นก่อร่างมาตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมงานสร้างแล้ว และระหว่างทางก็มีการเปลี่ยแปลงในรายละเอียดรวมไปถึงเครื่องดนตรีหลายต่อหลายครั้ง จนกว่าที่จะพบว่า “ฮาร์ป” เป็นเครื่องดนตรีหลักที่เหมาะที่สุดสำหรับที่จะใช้ประกอบหนังทั้งเรื่อง
“Theremin” ก็เช่นกัน มันถูกใช้อยู่ในเกือบทุกคิวของดนตรีประกอบ ซึ่ง Hurwitz พยายามหาทางที่จะ “หลอมรวม” มันให้เข้าไปเป็นเนื้อเดียวกันกับหนังเรื่องนี้ให้ได้
ในขั้นตอนการทำงานเพลงสำหรับหนังเรื่องนี้ มีวิธีการทำงานแบบเดียวกันกับใน “Whiplash” และ “La La Land” นั่นก็คือคิดงานจากภาพในหัวของ Chazelle
ดนตรีประกอบในฉากลงจอดบนดวงจันทร์ ซึ่งเป็นฉากที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ทั้งของหนังและของดนตรีประกอบที่ทั้งภาพและเสียงทำงานร่วมกันได้อย่างระทึกใจนัก เป็นสิ่งแรกๆที่ Hurwitz และ Chazelle ปั้นมันขึ้นมา พวกเขาใช้เวลาร่วม 2-3 เดือนในการคิดว่าเสียงประกอบในฉากนี้ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่ง Chazelle ผู้กำกับผู้แม่นยำในสิ่งที่ตัวเองทำ ผู้มีใจรักและเจนจัดในเรื่องดนตรีเป็นคนแนะนำและไกด์จังหวะให้กับ Hurwitz ซึ่งเขาเล่าว่า
“Damien นั้นเห็นหนังทั้งเรื่องในหัวของเขาก่อนที่จะถ่ายจริงเสียอีก เขาเห็นมันช็อตต่อช็อตเลยล่ะ ดังนั้นเราเลยคิดดนตรีประกอบในฉากลงจอดบนดวงจันทร์จากภาพในหัวเหล่านั้นของเขา เขาบอกว่า – ตรงส่วนนี้มันจะใช้เวลา 40 วินาที เพราะฉะนั้นผม (Damien) อยากจะได้เสียงจากเครื่องสายเข้ามาและปล่อยยาวไปอีก 45 วินาที- เขามักจะบอกรายละเอียดทุกอย่างเป๊ะๆ อย่างกล้องว่าตรงจุดนี้ จุดนั้นมันจะเป็นแบบไหน – เช่นตรงนี้จะต้องใช้ wide shot กับภาพดวงจันทร์ และนี่ล่ะคือจุดที่เมโลดี้มันระเบิดตัวออกมา และเราจะตัดกลับไปที่ด้านในของยานและเสียงดนตรีก็จะค่อยๆเบาลง- เขามักจะอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียดแบบช็อตต่อช็อตแบบนี้เสมอ”
จากนั้น Hurwitz ก็จะทำเดโมขึ้นมาด้วยการใส่เสียงเครื่องสาย เครื่องเป่าลมทองเหลืองและเครื่องเป่าลมไม้ซึ่ง Chazelle จะนำเอามันไปใช้ต่อในการร่างสตอรี่บอร์ดขึ้นมา ดังนั้นดนตรีกับซีเควนซ์หนังจะมีความสัมพันธ์กัน ส่งรับปรับแก้กันไปมาก่อนที่จะทำการบันทึกเสียงโดยวงออเครสตร้าเป็นการจบกระบวนการดนตรีร่างสุดท้ายแบบสมบูรณ์
ที่ผ่านมา Hurwitz ไม่ได้รับงานทำเพลงให้กับใคร เขาใช้เวลาอยู่กับ Chazelle เพื่อทำเพลงประมาณสองปีต่อหนึ่งเรื่อง อย่าง Firstman นี่ก็ใช้เวลาราวๆปีครึ่ง ซึ่งเขามองว่ามันก็เป็นระยะเวลาที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ แต่ถึงอย่างนั้นเขามีแผนว่าอยากจะทำเพลงประกอบประมาณปีละเรื่องแต่ก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจและเข้าขากันได้ดีแบบที่ทำกับ Chazelle ซึ่งเขาหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอย่างนี้ต่อไป
“ผมรักในโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆและผมชอบเวลาที่ได้แต่งเพลงที่ทำให้ผมได้ลองใช้เครื่องดนตรีใหม่ๆ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับโปรเจคนั้นๆว่ามันเข้ากันได้รึเปล่าแต่ถึงอย่างไรผมก็ชอบในไอเดียที่ทำให้ผมได้ลองสำรวจอะไรใหม่ๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เคยได้ทำ ผมก็แค่อยากทำแบบนี้เรื่อยไปทุกๆครั้งที่ได้ทำหนัง”
FYI
Theremin เป็นเครื่องดนตรีอิเล็คทรอนิค ที่คิดค้นขึ้นในปี 1919 โดยนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียนาม “Leon Theremin” ความเท่อย่างหนึ่งของเจ้าดนตรีชิ้นนี้คือ มันเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวมัน
ลองมาฟังเสียงหวีดหวิวของมันและการเล่นเจ้าเครื่องดนตรีชิ้นนี้ดูครับ
ที่มา
https://www.goldderby.com/article/2018/justin-hurwitz-first-man-interview-composer-score/