[สัปดาห์นี้มีอะไรฟัง] อัพเดทเพลงใหม่กันทุกสัปดาห์ เพื่อสรรหาอะไรดีๆฟังกัน สัปดาห์นี้ผมมีมาแนะนำ 10 อัลบั้มด้วยกัน มีอัลบั้มไหนตกหล่นไปหรือเพื่อนๆอยากแนะนำอัลบั้มไหน เข้ามาแชร์กันได้เลยนะครับ
“Eye” & “Lip” – Sekai No Owari
อัลบั้มล่าสุดจาก “เซกาอิ โนะ โอวาริ” (Sekai No Owari – แปลว่า “จุดจบของโลก”) วงดนตรีป็อปร็อคสุดแนวจากญี่ปุ่น ที่มักผสมผสานกลิ่นอายความแฟนตาซีลงไปในบทเพลง คราวนี้มาพร้อมอัลบั้มคู่ “Eye” และ “Lip” ที่ในแต่ละอัลบั้มจะมี 13 เพลงรวมกันเป็น 26 เพลง ซิงเกิ้ลอย่าง ANTI-HERO, SOS, Hey Ho, Rainand Sazanka ก็รวมอยู่ในสองอัลบั้มนี้ด้วย นอกจากนี้ก็มีดิจิตอลซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้“ Illumination” และ ซิงเกิ้ลที่ยังไม่เคยเผยแพร่มาก่อนอย่าง “Monsoon Night” และ ”Mr. Heartache”
งานเพลงในอัลบั้มนี้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในตัวดนตรีและเนื้อเพลง โดยคราวนี้ก็ยังคงมีความแฟนตาซีอยู่ แต่ทว่ามีส่วนผสมของความเป็นมนุษย์เพิ่มลงไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยในอัลบั้ม “Eye” จะเป็นการเปิดเปลือยด้านที่อ่อนแอของพวกเขาออกมา ส่วน “Lip” จะนำเสนอด้านที่แข็งแกร่ง งานทั้งสองอัลบั้มนี้จะดิ่งลึกลงไปในธรรมชาติของความเป็นคนที่มีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนแอ ความกล้าและความกลัวผสานกันไป
ฟังอัลบั้ม “Eye”
ฟังอัลบั้ม “Lip”
“[X X]”- LOOΠΔ
[X X] จากวง LOOΠΔ คืออัลบั้ม K-POP ดีๆที่ออกมาในสัปดาห์นี้ LOOΠΔ อ่านว่า ลูนา แต่เขียนเท่ๆได้แบบนี้ โดยมีชื่อเกาหลีว่า อีดัลเอซนยอ อันหมายถึง “หญิงสาวประจำเดือน” หมายความว่าในแต่ละเดือนจะมีหญิงสาวหรือสมาชิกวงประจำหนึ่งคน โดยมีโครงการที่จะให้สมาชิกเปิดตัวและออกซิงเกิลเดี่ยวเดือนละคน นับแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 เป็นต้นมาจนครบหนึ่งปีเต็ม เมื่อครบ 12 คนสำหรับเดือนทั้ง 12 แล้ว ก็จะเปิดตัวเป็นกลุ่มโดยสมบูรณ์ ซึ่งในตอนนี้ก็มีสมาชิกครบ 12 คนเป็นที่เรียบร้อย
[X X] คือ EP อัลบั้มล่าสุดของวง โดยรวมแล้วถือว่าทุกเพลงในอัลบั้ม มีความดูดี ฟังเพลิน รายละเอียดดนตรีหรือเสียงร้องถือว่าทำได้ดีมีมาตราฐาน ถึงไม่ได้แตกต่างโดดเด่นเป็นที่น่าจดจำ แต่ก็เป็นอัลบั้มที่หยิบมาฟังซ้ำได้ไม่เบื่อ (ถ้าเบื่อก็หนีไปดู MV บ้างก็เพลินดีครับ)
แทร็คแนะนำ “Buttefly” “Curiosity” “Where You at”
ฟังอัลบั้ม [X X]
“What a Time To Be Alive” – Tom Walker
ทอม วอล์คเกอร์ นักร้องนักแต่งเพลงหนุ่มชาวแมนเชสเตอร์เชื้อสายสก็อต เจ้าของเพลงแจ้งเกิด “Leave a Light On” เจ้าของรางวัล Best Breakthrough Act จาก Brit Awards ปีล่าสุด ได้ฤกษ์ปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกในชีวิต “What a Time To Be Alive” เป็นบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตด้วยมุมมองด้านบวก บางเพลงถึงจะเศร้าแต่ก็เคล้าไปด้วยแสงแห่งความหวัง กลั่นกรองจากประสบการณ์ส่วนตัวและความชื่นชอบในดนตรี โฟล์ค แทร็ป (Trap) และ เร็กเก้
แทร็คแนะนำ “Leave a Light On” และ “Just You and I”
ฟังอัลบั้ม “What a Time To Be Alive”
“When I Get Home” – Solange
Solange คืออีกหนึ่งศิลปินโซล อาร์แอนด์บีที่น่าจับตามอง งานเพลงอัลบั้มที่ 4 “When I Get Home” ยังสานต่อความสำเร็จจากอัลบั้มที่แล้ว “A Seat at the Table” ด้วยการผสานมุมมองทางศิลปะของเธอที่มีรากฐานมาจากถิ่นเกิดซึ่งก็คือเมืองฮุสตัน (Houston)
งานในอัลบั้มนี้ได้พันธมิตรดีๆมาร่วมงานมากมายอาทิ Tyler, the Creator, Chassol, Playboi Carti, Standing on the Corner, Panda Bear, Devin the Dude, The-Dream และอีกมามาย รวมไปถึงศิลปินในสาขาอื่นๆเช่น Debbie Allen นักออกแบบท่าเต้น, นักแสดงสาว Phylicia Rashad, กวี Pat Parker, และแร็ปเปอร์ Scarface
ลองฟังน้ำเสียง สำเนียงและห้วงดนตรีอันหวานละมุน นุ่มนวลของเธอแล้วคุณจะตกหลุมรัก
แทร็คแนะนำ “Way To The Show” และ “Dreams”
ฟังอัลบั้ม “When I Get Home”
“Wasteland, Baby!” – Hozier
อัลบั้มที่สองของนักร้องนักแต่งเพลงหนุ่มชาวไอริช Hozier หรือ Andrew Hozier-Byrne เจ้าของเพลงฮิต “Take Me to Church“ ที่คราวนี้กลับมาพร้อมงานเพลงที่มีความ“หม่น” ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า งานเพลงในคราวนี้จะพูดถึงสภาวะคล้ายๆการจมน้ำ การถูกเผาไหม้ หรือการจบลงของอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเจือด้วยความหวานและความหวัง ผ่านท่วงทำนองนุ่มนวล เศร้า ที่เคล้าไปด้วยไลน์กีตาร์แบบโฟล์ค
แทร็คแนะนำ “Almost(Sweet Music)” และ “Movement”
ฟังอัลบั้ม “Wasteland, Baby!”
“Good at Falling” – The Japanese House
ได้เวลาของ แอมเบอร์ เบน (Amber Bain) หรือ The Japanese House นักร้องนักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษแล้วที่จะปล่อยอัลบั้มแรกในชีวิตของเธอออกมา ซึ่ง EP ก่อนหน้าได้สร้างชื่อเสียงและกระแสตอบรับในเชิงบวกให้แก่เธอ“Good at Falling” ประกอบไปด้วยบทเพลงป็อปท่ามกลางมวลอากาศแห่งความลึกลับ เป้นสุ้มเสียงแห่งความงามและความฟุ้งฝันที่เจือไว้ด้วยความหวามไหว “ทั้งหมดทั้งมวลในอัลบั้มนี้คือตัวตนของฉันอย่างจริงแท้” เธอบอกเช่นนั้น
แทร็คแนะนำ “Follow My Girl” และ “Maybe You’re The Reason”
ฟังอัลบั้ม “Good at Falling”
“Ulfilas’ Alphabet” – Sundara Karma
อัลบั้มที่สองของวงอินดี้ร็อคจากอังกฤษ “Sundara Karma” ที่ได้ถางทางแห่งความสำเร็จไว้ด้วยอัลบั้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ‘Youth Is Only Ever Fun In Retrospect’ คราวนี้เหมือนเป็นการกลับมาสานต่อพลังจากจุดนั้น ที่ทางวงยังมีเพลงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ความสดชื่นและสดใหม่ ในอัลบั้มที่ผสมผสานไปด้วยหลากรสชาติทางดนตรีที่มีจุดร่วมกันคือสีสันและความสนุก
แทร็คแนะนำ “Higher States” “Rainbow Body” “The Changeover”
ฟังอัลบั้ม “Ulfilas’ Alphabet“
“Weezer(Black Album)” – Weezer
หลังจากโดนด่าไปกับ “Teal Album” อัลบั้มก่อนที่เพิ่งออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว อันเป็นคัฟเวอร์อัลบั้มงานดนตรีเจ๋งๆในอดีต ซึ่งทางวงก็ทำได้ดี แต่มันเหมือนกับเดินตามกันทุกกระเบียดนิ้วโดยไม่เปลี่ยนอะไรเลย ทำให้แฟนๆมองว่าเหมือนมาร้องคาราโอเกะให้ฟังมากกว่า
ชื่อ “Black Album” ไม่ได้กำลังจะบอกว่า มันจะดุเดือด หม่นหมอง แต่อย่างใด ในอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงที่มีทำนองสดใส ฟังง่าย สบายและไพเราะ เพราะทั้งหมดมาจากโจทย์ว่าจะต้องแต่งด้วย “เปียโน” เลยทำให้ได้อารมณ์การแต่งเพลงแบบสไตล์คลาสสิค
หากสงสัยในความไพเราะให้ลองฟัง 3 แทร็คนี้ดู “High As A Kite” “I’m Just Being Honest” “Can’t Knock The Hustle”
ฟังอัลบั้ม “Weezer(Black Album)”
“Shine a Light” – Bryan Adams
ดูเหมือนว่าแฟนๆคงไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไรแปลกใหม่ หรือหวาจากนักร้องนักแต่งเพลงร็อคชาวแคนาเดียน ไบรอัน อดัมส์ อีกแล้วนอกจากแค่ว่ากลับมาทำเพลงให้ฟังเรื่อยๆ ซึ่งอัลบั้มนี้ก็อาจเป็นเช่นนั้น ใครเป็นแฟนอดัมส์ก็คงดีใจที่ได้ฟังงานเพลงใหม่ที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้พยายามจะย่ำอยู่กับชื่อเสียงและความสำเร็จแต่ก็พยายามลองอะไรใหม่ๆ ต่อไป ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้ปังสมใจใครๆนัก
ฟังอัลบั้ม “Shine a Light”
“Distance Over Time” – Dream Theater
เป็นอัลบั้มที่ 14 แล้วสำหรับวงโปรเกรสซีฟเมทัลขวัญใจชาวไทยและชาวโลก Dream Theater ที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง หลายวงหากทำเพลงมาถึงอัลบั้มหลัก 10 แบบนี้คงหง่อม เหนื่อย หมดเรี่ยวแรง แต่ดรีม เธียเตอร์ยังคงมีพละกำลังแข็งแกร่ง ที่ยังสามารถไปได้อีกไกล ราวกับพี่ตูนวิ่งจากเบตงมาแม่สาย
อัลบั้มนี้ก็ยังขนเพลงโปรเกรสซีฟมันสะใจมาอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น “Untethered Angel” “Paralyzed” “Fall into the light” “At Wit’s End”หรือว่า “Pale Blue Dot” ที่ยาวสุดในอัลบั้มด้วยความยาว 8.25 นาที
ฟังอัลบั้ม “Distance Over Time”