[ดูหนังฟังเพลง] ย้อนกลับไปในอดีตผ่านบทเพลงแห่งยุค 90 ใน Captain Marvel

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพลงประกอบภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่ลูกอมขนมหวาน ที่มีแต่ความหวานแต่ไม่ได้ประโยชน์ ในทางตรงกันข้ามมันพาภาพยนตร์ไปยังเขตแดนที่น่าชื่นชม ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากแฟนๆและจากเวทีรางวัล ไม่ว่าจะเป็น Black Panther ที่เพิ่งได้รับรางวัลดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปจากเวทีออสการ์ Guardians of the Galaxy ที่ทำให้นักฟังหันกลับมาฟังเทปกันมากขึ้น อีกทั้งยังกลับไปหาเพลงในยุค 70 และ 80 ฟังกัน หรือ ดนตรีฮิปฮอปที่สร้างโลกอีกใบให้กับสไปเดอร์แมนใน Spider Man Into The Spider Verse แอนิเมชั่นเจ้าแมงมุมเวอร์ชั่นรางวัลแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์

แล้วระดับซูเปอร์ฮีโร่ยอดหญิงอย่าง Captain Marvel ล่ะจะให้น้อยหน้าไปได้อย่างไร ในเมื่อ Ryan Fleck หนึ่งในผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเคยออกมาบอกว่า ได้ทำเพลย์ลิสต์เพลงประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนก่อนถ่ายทำเพื่อให้นักแสดงและทีมงานได้อินและเข้าใจภาพยนตร์เรื่องนี้ไปในทิศทางเดียวกัน

ด้วยเรื่องราวใน Captain Marvel นั้นเกิดขึ้นในยุค 90 ผู้กำกับ Anna Boden และ Ryan Fleck จึงมองว่าการใส่เพลงยุค 90 ลงไปในหนังจะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงบรรยากาศในช่วงเวลานั้น เสมือนเป็นการย้ำเตือนให้หวนระลึกถึงอดีต โดยบทเพลงจะนำพาเราไปสู่ความทรงจำและสัมผัสของช่วงเวลานั้น

ดังนั้นบทเพลงจากยุค “90” จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับ Captain Marvel และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของบทเพลงแห่งยุค 90 ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้

Salt-N-Pepa – ‘Whatta Man’

Play video

‘Whatta Man’ คือร่างอีโวลูชั่นจากเพลงโซลในยุค 60 ของ Linda Lyndell มาสู่ฮิปฮอปทรีโอ Salt-N-Pepa ที่ได้ En Vogueมาฟีเจอริ่งด้วยอีกแรง จนกลายเป็นเพลงฮิตในปี 1993 เนื้อเพลงเป็นการเชิดชูบุรุษเพศผู้เป็น “mighty mighty good man,” เป็นบทเพลงแห่งการเชิดชูชายหนุ่มกำยำที่เลือกอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกๆของเขา

Elastica – ‘Connection’

Play video

คงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้อีกแล้วกับการใช้เพลงบริทป็อปจากสาวร็อค Elastica เพื่อประกอบภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงสุดสตรอง

“Connection” คือบทเพลงจากอัลบั้มเดบิวต์ของ Elastica ที่พาวงให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่แสงไฟส่องถึง ท่อนอินโทรของเพลงที่มีเสียงกีตาร์เร้าใจผสานไปกับไลน์ซินธ์ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดอินโทรแห่งยุค 90 เคียงคู่กับอินโทรคอมโบกลองกับกีตาร์ใน Song 2 ของ Blur และท่อนสตริงส์ในเพลง Bitter Sweet Symphony ของ The Verve

Garbage – ‘Only Happy When It Rains’

Play video

หนึ่งในเพลงฮิตของ Garbage เป็นซิงเกิ้ลที่สองจากอัลบั้มเดบิวต์ เพลงนี้เขียนขึ้นตอนที่วงกำลังนั่งเล่นกีตาร์อะคูสติคอยู่ด้วยกันแล้วท่อน “I’m only happy when it rains,” มันก็โผล่เข้ามาจากนั้นเลยค่อยๆต่อขยายออกมาจากท่อนนี้ เนื้อหาของเพลงออกแนวประชดประชันเล็กๆพอแสบๆคันๆ

“I’m only happy when it rains

I feel good when things are going wrong”

จริงๆแล้วเพลงนี้เหมือนเป็นการล้อกระแสดนตรีกรันจ์ในกลางยุค 90 ที่มีแต่ความหม่นรวมไปถึงเป็นการล้อตัวเองของวงที่จริงๆแล้วก็ชอบฟังเพลงแบบนี้ ทั้งๆที่มันทำให้รู้สึก “ชิงชัง” ตัวเองและหม่นเศร้ามากขึ้นไปอีกแท้ๆ

“I only listen to the sad, sad songs,

I’m only happy when it rains.”

TLC – ‘Waterfalls’

Play video

ด้วยความที่มันเป็นเพลงฟังง่ายสไตล์อาร์แอนด์บียุค 90 ทำให้หล่ยคนอาจพลาดสารสำคัญอันจริงจังและหนักหน่วงในเนื้อเพลงของมัน ที่เกี่ยวพันทั้งเรื่องของปัญหาจากยาเสพย์ติด เซ็กส์ที่ไม่ป้องกัน ความสำส่อนทางเพศ รวมถึงการใช้ชีวิตติดอบายมุขที่ไม่ควร โดยเนื้อเพลงเป็นการเปรียบเปรยในหลายๆมิติ (สามารถเทียบเคียงได้หลายเรื่อง) ว่า

“Don’t go chasing waterfalls

Please stick to the rivers and the lakes that you’re used to”

อย่ามัวแต่ไล่ไปทางน้ำตก

จงหยุดอยู่ตรงธารน้ำและบึงบ่อที่คุณคุ้นเคย

ให้เราอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ดีกว่าทะยานไปในทางที่เสี่ยงอันตราย

หากทางๆนั้นคุณยังไม่รู้จักมันดีพอ เห็นมันไม่ทั่วชัด การดุ่มเดินไปทะเล่อทะล่า การนำพาให้เราพบความหายนะได้

“Waterfalls” เป็นซิงเกิ้ลจากอัลบั้มที่สองของวง CrazySexyCool และเคยเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในปี 1995 ในสาขา บทเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี และ วงร้องดูโอหรือกลุ่มป็อปยอดเยี่ยม

Nirvana – ‘Come As You Are’

Play video

‘Come As You Are’ คือหนึ่งในความสำเร็จของ Nirvana อันส่งอิทธิพลต่อดนตรีรันจ์ในกลางยุค 90 และต้น 2000 มันสามารถแทนค่าได้กับความเป็น Nirvana และ ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟในยุคนั้นเลย

หลายคนบอกว่าเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลงเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่า ในอนาคตข้างหน้า เคิร์ทจะฆ่าตัวตายด้วยปืน

“And I swear that I don’t have a gun

No, I don’t have a gun

No, I don’t have a gun”

แต่จริงๆแล้วตามบริบทของเพลงมันเป็นการสื่อถึงมิตรภาพมากกว่า ในความหมายว่า ฉันมาโดยสันติไม่ได้พกปืนมาด้วย อะไรประมาณนี้

ตอนแรกเคิร์ทคิดว่าจะไม่ปล่อยเพลงนี้ออกมาแล้ว เนื่องจากว่ามันมีความคล้ายกับเพลง “The Eighties,” ของวง Killing Joke เป็นอย่างมากแต่สุดท้ายแล้วทั้งวงและโปรดิวเซอร์ก็ตกลงใจว่าควรจะปล่อยมันออกมาดีกว่า และ Killing Joke ก็ติงในเรื่องนี้จริงๆด้วย แต่ว่าทางวงไม่ได้มีการยื่นฟ้องร้องใดๆกับทาง Nirvana เลย

ความพิเศษอีกอย่างของเพลงนี้คือ การมีท่อนโซโล่กีตาร์ของเคิร์ทซึ่งน้อยนักที่จะพบในเพลงของ Nirvana โดยมันเป็นการเอาเมโลดี้ของท่อนร้องมาทำเป็นโซโล่ ซึ่งไม่ได้ทำให้มันซ้ำซ้อนหากแต่เป็นการเสริมเมโลดี้ของเพลงให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

No Doubt – ‘Just A Girl’

Play video

‘Just A Girl’ เป็นเพลงแรกที่ เกว็น สเตฟานี แต่งเองเพียวๆโดยไร้เงา อีริค พี่ชายของเธอ และแน่นอนเนื้อหาของเพลงก็ต้องพูดถึงอะไรที่มันมาจากมุมมองของผู้หญิงอยู่แล้วอย่าง การแบ่งแยกทางเพศและการเหยียดเพศ

“I’m just a girl, all pretty and petite

So don’t let me have any rights”

ส่วนด้านดนตรี มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดนตรีพังก์ เมโลดี้แบบป็อปติดหู และกลิ่นของเร็กเก้ด้วย นี่มัน 90 จริงๆ !

R.E.M – ‘Man On The Moon’

Play video

ซิงเกิ้ลที่สองจากอัลบั้ม ‘Automatic for the People,’ ในปี 1992 ‘Man On The Moon’ ได้รับแรงบันดาลใจจากนักแสดงตลกชื่อดัง Andy Kaufman (ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์เรื่อง “Man On The Moon” (1999) นำแสดงโดย จิม แครี่ นั่นเอง) ซึ่งเคยมีข่าวลือเกี่ยวกับชายผู้นี้ว่า เขาแกล้งตายและหายสาบสูญไปไม่มีวันกลับตั้งแต่ปี 1984 จนตอนนี้หลายคนยังเชื่อว่าเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้

ไมเคิล สไตป์ แต่งเพลงนี้ออกมาได้อย่างคมคาย ทั้งงดงามและชวนคิด สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ ความลวง ความศรัทธา และการท้าทายต่อการพิสูจน์ต่อสิ่งทั้งหลายประดามีบนโลกใบนี้ อาทิเช่น การส่งคนไปยังดวงจันทร์ของนาซ่าว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องลวง

“If you believed they put a man on the moon

Man on the moon

If you believed there’s nothing up his sleeve

Then nothing is cool”

Hole – ‘Celebrity Skin’

Play video

“Celebrity Skin” เป็นซิงเกิ้ลที่สิบของ Hole แต่เป็นซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มที่สามที่ใช้ชื่อว่า “Celebrity Skin” (1998) และมันเป็นบทเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Hole วงอัลเทอร์เนทีฟแห่งยุค 90 ที่มี คอร์ทนีย์ เลิฟ แฟนสาวของ เคิร์ท โคแบน แห่ง Nirvana เป็นเสียงของวง