หากใครที่ได้ชมภาพยนตร์หรือตัวอย่างภาพยนตร์สุดสยองเรื่องใหม่ของผู้กำกับGet Out “ จอร์แดน พีล(Jordan Peele)” ก็คงจะได้ยินเพลงหลอนๆหน่วงๆ เพลงหนึ่งที่เหมือนเป็นปฐมบทแห่งความสยองขั้นสุด ซึ่งเพลงนี้ก็คือ “I Got 5 on It” ที่เวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นของดูโอแร็ปเปอร์ Luniz ซึ่งเป็นเพลงฮิตตั้งแต่ปี 1995 แต่คราวนี้มันจะกลับมาฮิตกว่าเดิม แต่ในบริบทและความรู้สึกที่ต่างออกไป
“I Got 5 on It” เป็นเพลงฮิตของดูโอแร็ปเปอร์จากโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งถูกบรรจุไว้ในอัลบั้ม Operation Stackola โดยมีเสียงร้องจากนักร้องอาร์แอนด์บี Michael Marshall ด้วย เพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของ Luniz และทำให้อัลบั้ม Operation Stackola กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของพวกเขา
บทเพลงนี้ถูกใช้ในฉากหนึ่งของภาพยนตร์ (ถ้าดูใน Trailer ก็จะเห็นฉากนี้ด้วยเช่นกัน) เป็นฉากในช่วงองก์แรกของหนัง เป็นตอนที่ครอบครัววิลสันอันประกอบไปด้วย แม่– แอดิเลด (Lupita Nyong’o), พ่อ–เก๊บ(Winston Duke), ลูกสาว–โซร่า (Shahadi Wright Joseph) และ ลูกชาย– เจสัน (Evan Alex) กำลังนั่งรถไปเที่ยวชายหาดซานตาครูซซึ่งเป็นบ้านในวัยเด็กของแอดิเลด และเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์หลอนสุดลึกลับที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของเธอตราบจนทุกวันนี้
ในตอนที่เพลงนี้ดังขึ้น เจสันถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเพลงนี้มันเกี่ยวกับอะไร “มันเกี่ยวกับยา” โซร่าตอบน้องชายของเธอ เก๊บจึงพยายามบ่ายเบี่ยงว่ามันไม่ได้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับยา จากนั้นแอดิเลดจึงชวนเจสันเปลี่ยนเรื่องด้วยการให้เขาดีดนิ้วให้เข้ากับจังหวะเพลง แต่เราจะเห็นได้เลยว่าที่เธอทำนั้นมันไม่ได้เข้ากับจังหวะเลย ซึ่งมันได้สะท้อนให้เห็นถึงความแปลกแยกที่เธอมีต่อครอบครัวของเธอและโลกใบนี้
ต่อมาการจึงกลับกลายเป็นว่า จากบรรยากาศของความสุขในครอบครัว มาสู่ความลึกลับที่ค่อยๆคลืบคลานเข้ามา และคลี่คลุมพวกเขาให้เข้าไปสู่ประสบการณ์หลอนระทึกที่ยากจะลืมเลือน และเฉกเช่นเดียวกัน เพลงสายเขียวสนุกๆที่พูดถึงการจ่ายเงิน 5 ดอลล่าร์เพื่อแลกกับปุ๊น ก็กลับกลายเป็นเวอร์ชั่น “Tethered Mix” สุดสยองชวนขนหัวลุก และแปรสภาพกลายเป็น theme หลักของภาพยนตร์ที่สร้างความหลอนระทึกสุดดิ่ง
จอร์แดน พีล ได้กล่าวถึงเพลงนี้เอาไว้ในบทสัมภาษณ์กับทาง EW ว่า
“ไอเดียที่ผมเอาเพลงนี้มาใช้ มันไม่มีอะไรมากเลยครับ แค่ว่าผมทำภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องในแคลิฟอร์เนียทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นของเพลงฮิปฮอปย่านเบย์แอเรีย ผมก็เลยอยากสร้างความเชื่อมโยงตรงนี้ขึ้นมาและถ่ายทอดออกมาว่าในบางครั้งเพลงที่พ่อแม่เคยฟังเมื่อก่อน มันอาจเป็นเพลงที่ไม่เหมาะกับลูกของเราในวันนี้ นี่คือเหตุผลหนึ่งของการใช้เพลงนี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมชอบเพลงที่มันได้อารมณ์เจ๋งๆแต่ในขณะเดียวกันมันก็มีส่วนประกอบของความหลอนอยู่ด้วย และผมก็รู้สึกได้เลยว่าในเพลงนี้มันมีความหลอนซ่อนอยู่ซึ่งทำให้ผมนึกไปถึงเพลงประกอบหนังสยองขวัญอย่าง Nightmare on Elm Street มันก็เลยโดนผมอย่างจังเลย !”
และนี่ก็คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เพลงนี้ปรากฏตัวอยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จอร์แดน พีล เองอาจยังไม่รู้ว่ามันมีเรื่องราวบางอย่างที่ซ่อนเงื่อนไม่แพ้ในหนังของเขาเกิดขึ้นเกี่ยวกับเพลงนี้
ภายหลังจากตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง “Us” ได้ถูกปล่อยออกมาไม่นาน Anna Lucente Sterling ก็ได้เขียนบทความเรื่องหนึ่งลงใน The Ringer ชื่อว่า The Untold Story of the Man Who Sang “I Got 5 on It” อันว่าด้วยเรื่องราวของ ไมเคิล มาร์แชล (Michael Marshall) ศิลปินเบย์แอเรียผู้ถูกหลงลืมผู้แต่งท่อนฮุคทั้งหมดในเพลง “I Got 5 On It” และได้ฝากเสียงร้องเอาไว้ในบทเพลงด้วย
น่าแปลกที่ว่าทั้งๆที่มาร์แชลได้สร้างผลงานชิ้นเยี่ยมขึ้นมา แต่เขากลับถูกเลือนหายไปในหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีที่แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลยอีกทั้งยังไม่เคยได้รับค่าตอบแทนใดๆด้วย “ผมเป็นหนึ่งในคนที่พวกคุณเล่นทุกครั้งในรถของคุณ!” มาร์แชลกล่าว “แต่ผมไม่เคยได้อะไรจากมันเลย”
มาร์แชลพบว่าเพลงนี้ได้ถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Us” เมื่อตอนที่ได้ชมตัวอย่างหนังเรื่องนี้ “พวกเขาคิดว่าผมตายไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย?” เขาถามด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครมาติดต่อเขาเรื่องที่จะใช้เพลงนี้เลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็มีสิทธิ์ในเพลงนี้ด้วย “เขา (จอร์แดน พีล) เลือกใช้เพลงนี้เพราะว่าเมโลดี้และเสียงร้อง” เขาอธิบาย “ซึ่งไอ้ทั้งสองอย่างเนี่ย มันก็เป็นฝีมือผมทั้งนั้น มันไม่ใช่ของ Luniz ซะหน่อย” มาร์แชลได้แต่หวังว่าชื่อของเขาจะถูกพูดถึง ณ ที่ใดที่หนึ่งหรืออย่างน้อยก็ปรากฏอยู่บนเครดิตของภาพยนตร์เรื่องนี้
ที่น่าสนใจก็คือ ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่เกิดกับมาร์แชล จะชวนให้เราคิดไปถึงเรื่องราวของ “เงา” ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ถูกหลงลืม ทิ้งร้าง ไร้ความสำคัญ จนวันนึงตัวตนของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมา มาเพื่อทวงสิ่งที่เขาควรจะได้รับกลับคืน และสำหรับมาร์แชล การที่เพลงนี้ถูกนำมาใช้ก็ทำให้พวกเราได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของศิลปินชื่อ ไมเคิล มาร์แชล ด้วยเช่นกัน
ลองฟังเพลงนี้ “Who Is He”(2008) อาจจะทำให้เรารู้จักเขาได้ดีขึ้น เพราะว่ามาร์แชลได้ถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตของเขาลงไปในบทเพลงนี้
สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ของมาร์แชลได้เต็มๆ พร้อมทั้งฟังผลงานของเขาได้ใน The Ringer
[ย่อหน้าต่อไปนี้อาจมีสปอยล์เล็กน้อยนะครับ]
ในภาพยนตร์เรื่อง “Us” นอกเหนือไปจาก “I Got 5 On It” แล้วยังมีเพลงดีๆอีกเพียบที่ถูกนำมาใช้ แถมยังนำมาใช้ได้อย่างชาญฉลาด เฉียบคมและแสบสันมากด้วย ยกตัวอย่างเช่นเพลง “Good Vibrations” ของ The Beach Boys ที่ดนตรีช่างฟังแล้วแสนรื่นรมย์แต่กลับถูกนำมาใช้ในฉากฆาตกรรมโหดของของครอบครัวไทย์เลอร์ ซึ่งชวนขนหัวลุกและเสียดสีได้อย่างเจ็บแสบ แถมยังต่อด้วยเพลง “Fuck The Police” ของ NWA ที่มาได้ถูกจังหวะและราวกับจะเป็นการพูดนัยๆว่า เวลาเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรตำรวจอาจไม่ใช่ที่พึ่งที่ดีที่สุด (เหมือนเช่นในหนังเรื่องนี้ ที่ตำรวจไม่รู้หายไปไหน ทั้งที่โทรไปเรียกตั้งนานแล้ว จนหนังจบเรื่องตำรวจก็ยังไม่โผล่มาเลยซักคน)
และยิ่งไปกว่านี้ ยังมีผลงานการประพันธ์เพลงประกอบสุดหลอนจาก ไมเคิล อาเบลส์ (Michael Abels) ที่ช่วยยกระดับความหลอนของหนังให้พุ่งไปถึงขีดสุดอีกด้วย ซึ่งหากมีโอกาสเราก็จะมาเล่าเรื่องราวการทำเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ของอาเบลส์ให้เพื่อนๆฟังต่อไปนะครับ แต่ตอนนี้ลองเปิดฟังซาวด์แทร็คของหนังเรื่องนี้ไปเพลินๆก่อนครับ (น่าจะหลอนมากกว่าเพลินนะครับ 55)
Us (Original Motion Picture Soundtrack) โดย Michael Abels
Source