Our score
9.6ดู Godzilla II : The King of the Monsters โรง Zigma CineStadium
จุดเด่น
- จอหนังใหญ่กว่าโรงทั่วไป ให้ภาพขนาดใหญ่ขึ้น
- ความคมชัดของเครื่องฉาย 4K ช่วยให้ภาพในหนังแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่
- เสียง Dolby Atmos คือเหมาะกับหนังมอนสเตอร์สุดๆ
- ที่นั่ง Super Stadium ช่องว่างระหว่างแถวกว้างนั่งสบาย
- ราคาน่ารัก ไม่แพงจนเกินไป เมื่อเทียบกับราคาโรงปกติ
จุดสังเกต
- ถ้าในส่วนขนาดจอยังสู้ IMAX ไม่ได้
-
จอภาพใหญ่สะใจแค่ไหน
8.0
-
ความคมชัดระดับ 4K ว้าวแค่ไหน
10.0
-
ระบบเสียง Dolby Atmos กระหึ่มสะใจแค่ไหน
10.0
-
ที่นั่งแบบ Super Stadium แหล่มขนาดไหน
10.0
-
ราคาของที่นั่งแต่ละแบบ
10.0
หนังเรื่องนี้พี่ดูระบบไหนดี ได้รับเชิญจากทาง SF Cinema ให้ไปชมภาคต่อหนังมอนสเตอร์สุดมันส์อย่าง Godzilla II : King of the Monsters ในโรง Zigma CineStadium ที่ SF World Cinema เซ็นทรัลเวิร์ลด์ ซึ่งชูจุดขายที่นั่งกว้างนั่งสบาย ระบบเสียงสุดกระหึ่ม และจอภาพที่ใหญ่กว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป และไหนๆก็เชิญมาลองของแล้วเราก็ขอให้คะแนนจากการดูหนังกิ้งก่ายักษ์ปะทะสัตว์ประหลาดเรื่องนี้ซะเลย
จอภาพใหญ่สะใจแค่ไหน
ตรงนี้ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าส่วนตัวถ้านึกถึงโรงที่มีจอภาพใหญ่โตมโหฬารก็คงหนีไม่พ้น IMAX แต่เท่าที่ประเมินด้วยสายตา จอภาพตรงนี้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเท่า IMAX แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับเลยครับว่าถ้าเทียบกับโรงภาพยนตร์ทั่วไปแล้ว การที่ Zigma CineStadium เลือกทำจอที่เน้นความสูงเพื่อให้เหมาะกับการวางที่นั่งแบบสเตเดี้ยมก็ให้ภาพที่ใหญ่สะใจไม่แพ้กันนักหากเทียบกับ IMAX สาขาเล็กๆ และสิ่งที่ชดเชยได้ดีมากๆก็คือความคมชัดของเครื่องฉาย 4K นี่แหละครับที่ให้ภาพคมชัดสะใจมากๆ ซึ่งเราจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป ซึ่งสำหรับคะแนนความใหญ่ของจอภาพก็ขอให้ที่ 8 คะแนนสำหรับการทำจอในลักษณะจอสูงและความคมชัดของเครื่องฉาย
ความคมชัดระดับ 4K ว้าวแค่ไหน
เอาจริงๆแล้วความคมชัดของภาพระดับ 4K ไม่ได้เป็นของแปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะกับโรงภาพยนตร์เครือ SF ที่ชูจุดขายเรื่องความคมชัดของเครื่องฉายมาตลอด แต่กระนั้นที่ผ่านมากลับไม่ค่อยมีภาพยนตร์ที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเรียกร้องความคมชัดของภาพในระดับนี้ แต่สำหรับ Godzilla II : King of the Monsters ถ้าสังเกตจากข้อมูลเทคนิคของหนังในเว็บไซต์ IMDB จะพบว่าตัวหนังมีการประมวลผลภาพเพื่อฉาย (Cinematographic Process) ในระดับความคมชัดแบบ 4K เต็มแม็กซ์ และไม่เท่านั้นซึ่งทุกคนที่รอดูฉากหลังเครดิตของหนังจะได้เห็นสัญลักษณ์ดอลบีวิชั่น (Dolby Vision) ซึ่งเป็นระบบภาพของแล็ปดอลบี้ที่ต้องการยกระดับความคมชัดของภาพขึ้นไปอีกสเต็ป ทำให้งานภาพของ Godzilla II : King of the Monsters บนจอของโรง Zigma CineStadium ดูน่าตื่นตะลึงมากโดยเฉพาะฉากการปรากฎตัวของสัตว์ประหลาดอย่างมังกรสามหัวกีโดร่าที่ผงาดพร้อมแสงสีฟ้าสวยงาม หรือฉากมอธร่าตัวเต็มวัยที่เปล่งแสงนีออนดูสวยงามตัดกับสีดำสนิทของแบ็คกราวด์จะน่าจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นงานภาพที่น่าตื่นตะลึงงดงามและไฮป์มากๆเลยขอให้คะแนนความคมชัดแบบ 10 เต็มเลยครับ
ระบบเสียง Dolby Atmos กระหึ่มสะใจแค่ไหน
พอมาถึงงานเสียงผู้ชมอาจไม่เห็นความสำคัญของมันเท่ากับคนทำหนัง แต่หากลองเคลียร์หูแล้วไปฟังเสียงของโรงแบบต่างๆเราจะพบความต่างที่สัมผัสได้อยู่นะ กล่าวง่ายๆคือโรงทั่วไปไม่ว่าเครือไหนจะมีระบบยืนพื้นเป็นเซอร์ราวด์ ไม่ว่าจะเป็น Dolby Digital ที่ใช้ติดตั้งกันเยอะที่สุดที่เน้นเสียงเป็นแชนแนลเพิ่มเสียงซับวูฟเฟอร์ อ่ะขออธิบายแบบงงน้อยกว่านี้ ขอยกตัวอย่างระบบเสียงสามัญประจำบ้านอย่าง Dolby Digital 5.1 ที่มีมาตั้งแต่ DVD ยันโรงหนังหลายโรงก็ยังใช้ โดย 5 ช่องเสียงจะกระจายไปเป็น ลำโพงหน้า 1 ตัว ลำโพงซ้ายขวาด้านหน้า 2 ตัว ลำโพงหลังซ้ายขวาอีก 2 ตัวส่วนเลขที่เป็นเศษ .1 คือช่องเสียงของซับวูฟเฟอร์ซึ่งถือเป็นช่องเสียงเบสให้เสียงทุ้ม ซึ่งจะมีผลมากเวลาภาพบนจอเป็นฉากสตาร์ทเครื่องรถยนต์หรือฉากขับเคลื่อนยานอวกาศ ทีนี้ต่อมาแลปดอลบีได้พัฒนาระบบเสียง Dolby Atmos ชูสโลแกน Hear the whole picture หรือการได้ยินทุกสิ่งในฉากนั้นๆของภาพยนตร์ โดยการซอยแชนแนลให้เยอะขึ้นโดยโรง Dolby Atmos อาจมีลำโพงมากที่สุดถึง 64 ตัวเลยทีเดียวแถมลำโพงแต่ละตัวยังมีเพาเวอร์แอมป์ (Power Amp) ที่แยกควบคุมลำโพงอย่างอิสระ ซึ่งการวางลำโพงนอกจากด้านข้างโรงซ้ายขวาแล้วเราจะสังเกตลำโพงอีกจำนวนหนึ่งถูกติดตั้งเหนือศีรษะของเรา เพื่อให้ทิศทางเสียงไม่ถูกจำกัดแค่ซ้ายขวาอีกต่อไป ตัวอย่างเช่นฉากเฮลิคอปเตอร์บินผ่านศีรษะตัวละคร ถ้าเป็นระบบเดิมเสียงจะเดินทางได้แค่จากซ้ายมาขวาหรือกลับกัน แต่สำหรับระบบ Dolby Atmos เสียงเฮลิคอปเตอร์จะเลื่อนผ่านศีรษะเราให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งสมจริงขึ้นมากกว่า และแน่นอนเมื่อมันมาอยู่ในหนังสัตว์ประหลาดนานาพันธ์ แถมยังขยันมีฉากบนเครื่องบินบ้าง มีสัตว์ประหลาดบินได้ทั้ง กีโดร่า และ มอธร่า ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในสงครามปะทะกันของเหล่าสัตว์ประหลาดจนอดโยกหลบตามไม่ได้เลย และแน่นอนระบบเสียงสุดยอดขนาดนี้ก็ขอให้ 10 คะแนนเต็มเลย
ที่นั่งแบบ Super Stadium แหล่มขนาดไหน
อีกจุดขายของ Zigma CineStadium คือการจัดวางที่นั่งแบบสเตเดียมไม่บังกันคล้ายแนวคิดของโรง IMAX อยู่ไม่น้อยแต่สิ่งที่ถือเป็นไม้ตายคือการเว้นที่ว่างระหว่างแถวที่ทำให้การเดินเข้าที่นั่งแต่ละแถวหมดปัญหาสะดุดขาผู้ชมท่านอื่นเวลาเข้าโรงช้าหรือต้องเข้าออกห้องน้ำ โดยนอกจากเราจะไม่ต้องกังวลว่าคนนั่งข้างหน้าจะมาบดบังทัศนวิสัยและไปรบกวนผู้ชมท่านอื่นแล้ว อีกจุดที่ขอชื่นชมคือรูปแบบเก้าอี้ไม่ว่าจะเป็นแบบพรีเมียมในแถวด้านล่างในราคาถูกที่สุดแล้วจะขอพูดถึงเก้าอี้ไพร์มที่ น้องมาย นั่งอยู่ในรูปเพราะเป็นเก้าอี้ที่เราสามารถปรับเอนหลังนั่งได้เพื่อความสบายและดูพรีเมียมสุดๆในราคาจับต้องได้ ส่วนที่นั่งด้านหลังก็เป็นที่นั่งสูท (Suite) เน้นความใกล้ชิดและความสบายเอกเขนกในการชมภาพยนตร์ เราเลยขอให้คะแนนที่ 10 คะแนนเต็มไปเลย
ราคาของที่นั่งแต่ละแบบ
พูดถึงโรงหนังแบบพิเศษสิ่งที่เป็นความเชื่อฝังมาด้วยคงหนีไม่พ้นความคิดว่าต้องแพงแน่ๆ ถ้าคิดแบบนั้นถือว่า…ผิด! เพราะโรง Zigma CineStadium เริ่มต้นที่นั่งพรีเมียมแค่ 240 บาทเท่านั้น หรือหากต้องการความสบายปรับเอนหลังได้ก็เพิ่มแค่ 30 บาทก็ได้ที่นั่ง ไพร์ม แล้ว หรือจะเอาแบบสบายหรูหราสุดๆก็ต้องเก้าอี้สูท (Suite) คู่ละ 700 บาทที่มาพร้อมกับโต๊ะไม้และช่องUSB สำหรับชาร์จโทรศัพท์ สำหรับการออกแบบที่นั่งที่ตรงใจขนาดนี้เลยขอให้คะแนน 10 คะแนนเต็มไปเลย
สรุปเลยคุ้มไม่คุ้ม ดูได้ที่ไหนบ้าง
หากเทียบราคาตั๋วแล้วจะเห็นว่า ไม่ได้ต่างจากการชมภาพยนตร์ในโรงมัลติเพล็กซ์ทั่วไป โดยสิ่งที่เพิ่มมาคือความใหญ่โตของจอ ระบบฉายดีขึ้นและที่เจ๋งสุดๆคือระบบเสียง Dolby Atmos เราเลยขอแนะนำสำหรับคอหนังที่ต้องการชม Godzilla II : King of the Monsters ให้ลองดูกับโรง Zigma CineStadium ที่ สาขาเอสเอฟเวิร์ลด์ซีนีมา ชั้น 9 ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิร์ลด์ได้เลยครับ