สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ถือว่ามีความเข้มข้นใช้ได้เลย เพราะมีอัลบั้มใหม่ออกมาเพียบ แทบจะตามฟังไม่หวาดไม่ไหว [สัปดาห์นี้มีอะไรฟัง]ก็เลยคัดมาแบบเต็มๆเน้นๆ กัน 8 อัลบั้ม ! มีทั้งไทยและเทศให้ได้ไปลองฟังกันเพลินๆ จะมีอัลบั้มไหนจากใครบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่าครับ
“BNM X WAYFER EP.” BNM X WAYFER
BNM X WAYFER เป็นการจับมือกันครั้งสำคัญระหว่างค่ายเพลงไทยและเกาหลี ระหว่าง Wayfer Records จากไทยและ Brand New Music หรือ BNM จากเกาหลี ที่ส่งศิลปินตัวท็อปจากในค่ายมาทำเพลงเพราะๆร่วมกันออกมาเป็นอัลบั้มพิเศษที่ใช้ชื่อว่า “BNM X WAYFER EP.”
“BNM X WAYFER EP.” ประกอบไปด้วยบทเพลง 5 เพลงจาก 3 ศิลปินไทย 5 ศิลปินเกาหลี ได้แก่ TELEx TELEXs , D Gerrard และ Wonderframe จาก Wayfer Records ส่วนทางฝั่ง BNM หรือ Brand New Music ซึ่งเป็นค่ายเพลงเค-พอป ฮิปฮอป อาร์แอนด์บีของเกาหลีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดยแรปเปอร์นาม Rhymer ก็มี MC GREE , Kanto , KITTIB , BUMKEY และ Kang Min Hee มาร่วมสร้างสรรค์บทเพลงในสไตล์พอป ซินธ์พอป ฮิปฮอป และ อาร์แอนด์บี
ถึงจะมี 5 เพลงแต่ก็แน่นไปด้วยคุณภาพ ถือว่าไพเราะเข้าขั้นและเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น “Dejavu” จาก Wonderframe & Kanto ที่เป็นเพลงพอปผสมอาร์แอนด์บีฟังสบายในสไตล์ Wonderframe แต่ได้ท่อนแรปในสไตล์เกาหลีจาก Kanto เข้ามาเสริม ส่วนเพลง “Come Back To Me”จาก BUMKEY & D Gerrard ก็เป็นเพลงพอป อาร์แอนด์บี ในสไตล์เกาหลีที่ผสมผสานเนื้อทั้งอังกฤษและเกาหลีจากบอมคีย์ โดยมีภาษาไทยจาก ดี เจอร์ราร์ด เข้ามาผสมผสานได้อย่างกลมกลืน และเพลงที่เพิ่งปล่อย MV ออกมาอย่าง “Fantasy” จาก TELEx TELEXs & GREE ก็เป็นบทเพลงในสไตล์อิเล็กทรอนิก ซินธ์พอปในสไตล์ของ TELEx TELEXs อย่างชัดเจน แต่ได้หนุ่มน้อยมากความสามารถอย่าง MC GREE มาร่วมสร้างสีสัน ด้วยการใส่ท่อนแรปที่เจ้าตัวแต่งเองเข้ามาในบทเพลง ท่ามกลางท่วงทำนองที่สุดเหงาแต่ก็เคล้าอารมณ์โรแมนติก ส่วนอีกสองแทร็กที่เหลือคือ “24 Hrs” D Gerrard & KittiB กับ “Tip Toe” จาก Kang Min Hee & Wonderframe ก็เพราะใช่เล่น ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆอัลบั้มนี้
ฟัง “BNM X WAYFER EP.”
“Night In Heaven” 25hours
“Night In Heaven” “ในความมืด ก็มีสี” อัลบั้มที่ 4 จาก 25hours ที่ได้นิยามอัลบั้มนี้ไว้ว่า
“มันจะมืดๆหน่อย แต่จะไม่มืดไป หากท้องฟ้ายามค่ำยังมีดวงดาว ถนนยังมีแสงไฟ ถ้าใน night มี life และ ใน night ก็มี love”
“หรือ heaven คือที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บนท้องฟ้า หรือใต้ท้องทะเล แต่เป็นที่ใดที่หนึ่งซึ่งไร้ความกังวล ไม่คำนึงถึงอดีต ไม่แคร์อนาคต มีเพียงปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความรักและอิสรภาพ เป็นที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งความฝันกลมกลืนอยู่ในความจริง และความจริงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความฝัน…นิรันดร์”
อัลบั้ม “Night In Heaven” มีทั้งหมด 11 เพลงเกิดจากการรวมซิงเกิลที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด 7 เพลง โดยมี “ฟ้าเป็นใจ” เป็นซิงเกิลแรกและแทร็กเปิดอัลบั้ม และอีก 6 เพลง คือ “หยุดคงไม่ไหว” “วุ่นวาย” “ลืมกันแล้วหรือยัง” “ฤดูกาล” “หลับนิรันดร์” และ “ขออภัย” ส่วนเพลงใหม่จะมี 4 เพลง คือ “ดวงดาว” “เวทมนตร์” “ไม่เป็นไร” และ “September” ซึ่งในอัลบั้มนี้ก็มีทั้งเพลงเร็ว เร้าใจ เช่น “ฟ้าเป็นใจ” บางเพลงก็มีเติมกลิ่นดนตรีมารีอาชี (Mariachi) อันเร่าร้อนลงไปอย่าง “หยุดคงไม่ไหว” ส่วนเพลงช้าๆ เหงาๆก็ยังคงมีให้ฟังเช่นเคย “ลืมกันแล้วหรือยัง” “ฤดูกาล” เป็นสองเพลงที่กลมกล่อมไปด้วยความเหงาเศร้า ละมุน และงดงาม ส่วน “หลับนิรันดร์” ก็เป็นอีกแทร็กที่น่าสนใจอันมาพร้อมท่วงทำนองที่แบ่งภาคกันระหว่างห้วงฝันกับความจริง ที่ส่วนนึงมีความหม่นมัว งุนงง สับสน อีกส่วนกระจ่างและปลดปล่อย
ฟัง “Night In Heaven”
“Hasta El Cielo” KRUANGBIN
หากใครยังไม่รู้จักวงนี้ขอแนะนำครับ “KRUANGBIN” อ่านว่า “เครื่องบิน” เป็นวงไซคีเดลิคฟังก์จากเท็กซัสที่นำเอาดนตรีแนวฟังก์ของไทยในยุค 60 และ 70 มาผสมผสานกับท่วงทำนองแบบไซคีเดลิคแล้วถ่ายทอดผ่านเสียงเบสอันหนักแน่นหนึบหน่วง เสียงกีตาร์แบบแทว็งๆ ฟัซซี่ วาว วาว เสียงแผดของฮอร์น และซาวด์ไซคีเดลิคล่องลอย
“Hasta El Cielo” เป็นงานเพลงดั๊บ (dub) จากอัลบั้มชุดที่แล้ว “Con Todo El Mundo” โดยหยิบเอาเพลงจากอัลบั้มนี้มารีมิกซ์ใหม่ให้มีสีสันแปลกหูออกไป หากอยากฟังให้ได้อรรถรสมากขึ้นก็ให้เปิดเพลงใน “Hasta El Cielo” แล้วเอามาเทียบกับเพลงเวอร์ชั่นก่อนใน “Con Todo El Mundo” แล้วดูว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มีสีสันอะไรต่างไป ให้ความรู้สึกอย่างไร อย่างเพลง “Evan Finds the Third Room” ที่เป็นเพลงในจังหวะดิสโก้ พอจับมาดั๊บเป็นเวอร์ชั่น “A La Sala” มันก็ถูกเติมไปด้วยเสียง echo และดันเบสให้โดดเด้งขึ้น และเติมเสียงร้อง “yes” ไปทั้งเพลงให้เด่นชัดขึ้นจากเวอร์ชั่นก่อน
ฟัง “Hasta El Cielo”
“Angel’s Pulse” Blood Orange
ผลงานใหม่ในสไตล์ mixtape จากนักร้องนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มากฝีมือชาวอังกฤษ Dev Hynes หรือ “Blood Orange” กับงานเพลงเพราะๆในสไตล์เรโทร ที่เหมือนกับเป็นเทปรวมเพลงฮิตสั้นๆจากหน้าปัดวิทยุในช่วงยุค 90 ถึงต้น 00 พร้อมด้วยศิลปินมากมายที่มาร่วมแจมกันเช่น Toyo y Moi ที่มาพร้อมท่วงทำนองหวานๆ ในเพลง “Dark & Handsome” Kelsey Lu & Ian Isiah ในเพลง “Birmingham” ในกลิ่นอายของเพลงกอสเปลหรือ Project Pat และ Gangsta Boo ในเพลง “Gold Teeth” กับท่วงทำนองแบบโลว์-ไฟ ฮิปฮอป ส่วนเพลงที่ไม่มีคนอื่นมาแจมอย่าง “Tuesday Feeling (Choose to Stay)” ที่เป็นเพลงเพราะๆสไตล์อาร์แอนด์บี และ “Benzo” กับอารมณ์พอป 80 ก็น่าสนใจไม่น้อย
ยังมีเพลงเพราะๆในอัลบั้มอีกเพียบรอให้ไปฟังอยู่นะครับ
ฟัง “Angel’s Pulse”
“No.6 Collaborations Project” Ed Sheeran
งานเพลงรวมเหล่าออลสตาร์ของ เอ็ด ชีแรน ที่ได้ศิลปินจากหลากหลายแนวมาร่วมทำเพลงด้วยกันทั้ง Justin Bieber, Camila Cabello, Travis Scott, Eminem, 50 Cent, Cardi B, Paulo Londra, Young Thug Bruno Mars, Stormzy, J Hus และ Dave. มีปล่อย MV มาให้ชมกันแล้ว 5 ซิงเกิลด้วยกันคือ “I Don’t Care” ที่ฟีเจอริ่งกับ บีเบอร์, “Cross Me” กับ Chance the Rapper และ PnB Rock, “Beautiful People” กับ Khalid, “Best Part of Me” กับ Yebba, “Blow” กับ Chris Stapleton และ Bruno Mars, และล่าสุดกับ”Antisocial” กับ Traivs Scott เป็นอัลบั้มที่ถึงแม้จะไม่ได้หวือหวา หรือโดดเด่นเป็นที่จดจำอะไรมากนัก แต่ก็ถือว่าฟังได้เพลินๆ ใครที่เป็นแฟนๆพี่เอ็ด อย่างไรก็ไม่ควรพลาด
ฟัง “No.6 Collaborations Project”
“Don’t You Think You’ve Had Enough?” Bleached
อัลบั้มชุดที่สามจากพังก์ดูโอพี่น้องสองสาวจากลองแองเจลิส “Bleached” ที่ยังทำเพลงได้เท่เร้าใจเช่นเคย อย่างแทร็กเปิดอัลบั้ม “Heartbeat Away” ก็มาด้วยริฟฟ์เท่ๆ แล้วค่อยๆบิลท์อารมณ์เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มีท่อนเบรกกับเสียงกีตาร์ใสๆเพราะๆก่อนจะมาหนักต่อในท่อนท้าย ต่อด้วยแทร็กต่อไป “Hard To Kill” ที่มาพร้อมเสียงผิวปากและจังหวะโจ๊ะๆ ที่ทำให้นึกถึงงานของ “Two Door Cinema Club” อยู่เหมือนกัน ส่วน MV เพลง “Kiss You Goodbye” ที่ปล่อยมาเมื่อเดือนที่แล้วก็ชวนให้คิดถึงฉากปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำใน “Boogie Nights” ของ พอล โธมัส แอนเดอร์สันเลย
เจนนิเฟอร์เล่าว่า อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกที่พวกเธอเขียนเพลงในสภาวะ “สร่างเมา” (Sober) เป็นสภาวะที่อิ่มเต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและไร้ซึ่งฤทธิ์แอลกอฮอล์ “การเขียนเพลงเหล่านี้ในขณะที่เรามีสตินับว่าเป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ฉันจำเป็นต้องปล่อยให้มันเป็นไป เชื่อมั่นในกระบวนการ และปล่อยให้พลังงานที่อยู่เหนือการควบคุมของฉันได้ปรากฏตัวขึ้น” ผลลัพธ์ที่ได้ก็คืองานเพลงที่มีความคม ชัด และเข้มข้น น่าสนใจ ซึ่งเราจะเห็นได้จากบทเพลงทั้งหลายที่พวกเธอได้ดึงเอาแรงบันดาลใจจากแนวดนตรีต่างๆมาผสมใส่ไว้ในแต่ละเพลงทั้งร็อก พังก์ โพสต์-พังก์ ฟังก์-ร็อก และอีกมากมาย ลองไปฟังกันดูครับ รับรองถูกใจขาร็อกแน่นอน
ฟัง “Don’t You Think You’ve Had Enough?”
“Purple Mountains” Purple Mountains
ผลงานล่าสุดของ David Berman กวี นักวาดการ์ตูน และนักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่เคยมีผลงานในแนวอินดี้ร็อกในนาม Silver Jews และออกผลงานมา 6 อัลบั้ม ล่าสุดก็คือ Lookout Mountain, Lookout Sea (2008) จากนั้นจึงพักยาวมากว่า 10 ปี จนกลับมาออกอัลบั้มนี้ในชื่อ “Purple Mountains”
ในช่วงเวลา 10 ปีที่หายไป คงเป็นช่วงเวลาสำคัญช่วงหนึ่งในชีวิตของ Berman ผู้ซึ่งตัดสินใจพักงานดนตรี เพียงเพื่อพานพบหนทางอันเปี่ยมความหมายที่จะลบล้างสิ่งเลวร้ายที่พ่อของเขาได้ทำต่อสังคม (Berman มีความขัดแย้งและทัศนคติที่แตกต่างกับพ่อของเขาคือ Richard B. Berman เจ้าของฉายา “Dr.Evil” นักกฎหมาย นักประชาสัมพันธ์ และนักล็อบบี้ตัวฉกาจ ที่เขามองว่ามีความฉ้อฉลและใช้ความรู้ เล่ห์เหลี่ยมในการทำสิ่งที่ไม่เป็นอันควรต่อสังคมมากมาย) ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ รวมไปถึงประสบการณ์หวานขมในชีวิต ณ ช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงถูกกลั่นออกมาเป็นงานเพลงชุดนี้ อาทิเพลง “I Loved Being My Mother’s Son” ซึ่งการจากไปของแม่ได้ทำให้เขาหยิบกีตาร์กลับมาเขียนเพลงอีกครั้ง ออกมาเป็นบทเพลงในสไตล์คันทรี่ โฟล์กที่มีเสน่ห์ เรียบง่ายและงดงาม หรือในแทร็กต่อมา “Nights That Won’t Happen”ก็เป็นงานเพลงคันทรี่บัลลาด ที่ไพเราะ งดงาม ลงตัวมากๆ เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดจริงๆครับ
ฟัง “Purple Mountains”
“Honeyweed” EP. Summer Salt
อัลบั้มล่าสุดจากวงอินดี้เซิร์ฟร็อกจากออสติน “Summer Salt” ที่ผสมผสานท่วงทำนองของบอสซาโนวา แจ๊ส และเรโทรเซิร์ฟร็อก ผสานเสียงร้องนุ่มๆและท่วงทำนองหวานๆอันสดใสจากกีตาร์และเพอร์คัสชั่นเปี่ยมสีสัน ชวนให้คิดถึงไออุ่นของแสงแดด และความเย็นสบายจากสายลมที่โบกโบยอยู่ริมหาดทราย
เป็น 6 บทเพลงที่เหมาะแก่การฟังในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะขับรถไปทำงาน พักผ่อนอยู่ที่บ้าน หรือเดินทางไปชิลที่ทะเล ไม่ว่าเวลาไหนๆเพียงได้ฟังก็สุขใจ.
ฟัง “Honeyweed”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส